ทันใดนั้น ซือหม่าเฟิงโมโหอารมณ์ขึ้นสมอง รู้สึกสมองว่างเปล่า
เขาคิดไม่ถึงเลย หลินอิ่งไม่ได้โม้ แต่ให้บอดี้การ์ดไปทุบทำลายของจริง
อีกอย่าง บอดี้การ์ดของหลินอิ่งทำไมถึงได้ใจกล้าขนาดนี้ เรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ก็กล้าทำ? บอดี้การ์ดต่างชาติคนนี้ไม่รู้มูลค่าของสะสมพวกนี้ว่าแพงขนาดไหนเหรอ? ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่กะพริบตา ทำลายจนหมด?
ช่างไร้เหตุผลจริงๆ
ของพวกนี้ เขาซื้อมาด้วยเงินด้วยทองจริงๆ เป็นของรักของหวงที่ประเมินค่าไม่ได้ ล้วนเป็นเลือดเนื้อของเขา ถูกไอ้แซ่หลินนี่ทำลายจนหมดแล้ว?
ซือหม่าเฟิงจ้องหน้าหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
โมโหจนอยากฆ่าหลินอิ่งทันที
ปัง ปัง ปัง
อีกฝั่งหนึ่ง ฮาเดสยังไม่ได้หยุด เดินเข้ามา ทั้งต่อยทั้งถีบรถหรูคว่ำ ทำลายจนรถพัง แม้แต่เครื่องยนต์ก็แตกกระจายออกมา
สถานการณ์รุนแรงมาก เวลาเพียงแค่สองนาที รถหรูยี่สิบกว่าคัน ก็ถูกฮาเดสที่เป็นคนเป็นๆ ใช้มือทุบพังทลายจนหมด
ภาพนี้ คนในงานต่างก็ดูอย่างตกตะลึง
ทำให้ทุกคนตกใจอย่างสุดขีด
พวกเขาไม่อาจคาดคิดได้เลย คนคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดอะไร ถึงได้มีพลังน่ากลัวขนาดนี้? ยิ่งกว่าหุ่นยนต์อีก ทำลายความคิดทั่วไปของคนเลย
อีกอย่าง ทำไมถึงมีคนกล้าไม่ให้เกียรติคุณชายซือหม่าต่อหน้าได้ถึงขนาดนี้ ทุบทำลายของสะสมของรักของหวงของซือหม่าเฟิง?
“ประธานหลิน ตามคำสั่งของท่าน ทำลายหมดแล้ว”
ฮาเดสจากการมองด้วยสายตาประหลาดของทุกคน เดินไปข้างหน้าหลินอิ่ง ก้มหน้ารายงานอย่างเคารพ
ทันใดนั้น สายตาทุกคน ก็รวบรวมอยู่บนตัวของหลินอิ่ง
สายตาของพวกเขาจดจ่อ แววตาแปลกใจ ค้นหาความทรงจำในสมอง ดูว่ารู้จักชายหนุ่มผู้ลึกลับคนนี้ไหม
ชายหนุ่มที่ท้าทายกับซือหม่าเฟิงคนนี้ มีที่มายังไง? ทำเรื่องใจกล้าได้ถึงขนาดนี้ จะมีวิธีจัดการไหม?
“แก ไอ้แซ่หลิน แก?” ซือหม่าเฟิงโมโหมาก โกรธจนสีหน้าแดงก่ำ จ้องหน้าหลินอิ่งตาไม่กะพริบ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร
ฮาเดสซึ่งเป็นคนโหดขนาดนี้ ยืนอยู่ข้างกายเขา แต่ดูยังกลัว
คำพูดที่เขาอยากด่าหลินอิ่ง มาถึงลำคอแล้ว แต่ก็ต้องอดกลั้นลงไป
“แกกล้าทำลายของสะสมที่ฉันรักทั้งหมด แกมีปัญญาชดใช้ไหม?” ซือหม่าเฟิงถามอย่างโมโห “แกรู้ไหม โรงแรมสากลกวงหุยเป็นกิจการของตระกูลซือหม่า วันนี้ ถ้าแกไม่ชดใช้ให้ฉัน ฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้”
“ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ของของคุณ ในสายตาผม มันไร้ค่า” หลินอิ่งดับบุหรี่ พูดอย่างเรียบเฉย “ผมบอกว่าทุบ คุณนึกว่าผมล้อเล่นเหรอ?”
“ทำลายทรัพย์สินคนอื่นโดยตั้งใจ มูลค่าสูงขนาดนี้ ฉันจะทำให้แกติดคุกจนตาย”
ซือหม่าเฟิงพูดข่มขู่หลินอิ่งอย่างเย็นชา โมโหร้าย
“เรียกทีมบอดี้การ์ดมา”
ซือหม่าเฟิงออกคำสั่ง ทันใดนั้น บอดี้การ์ดชุดสูทที่คอยสังเกตการณ์อยู่ใกล้เคียง ก็พากันมารวมกันที่นี่ ทั้งหมดประมาณยี่สิบกว่าคน แต่ละคนหน้าตาโหดเหี้ยม
ไอ้ไร้น้ำยาแซ่หลินนี่ รนหาที่ตายชัดๆ
กล้าทำลายของสะสมที่มูลค่าสูงขนาดนี้ได้
โดยเฉพาะ ยังอยู่ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในโรงแรมสากลกวงหุย นี่ทำให้เขาซือหม่าเฟิงจะใช้ชีวิตในสังคมตี้จิงต่อไปยังไง? จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ปัง
ทันใดนั้น ฮาเดสลงมือกะทันหัน ตบเข้าที่หน้าของซือหม่าเฟิง ล็อกมือสองข้างของเขาไว้ กดตัวเขาอย่างแน่นไว้บนโต๊ะ หันหน้าไปหาหลินอิ่ง
“แกนี่มันรนหาที่ตายใช่ไหม? ยังเอะอะโวยวายต่อหน้าประธานหลิน? ยังจะเรียกคนมาอีก?” ฮาเดสถามด้วยสีหน้าเลือดเย็น
แรงในมือของเขาหนักมาก บีบขนแขนของซือหม่าเฟิงฟกช้ำดำเขียว ตัวสั่นไปทั้งร่าง สีหน้าซีดขาว ท่าทางเหมือนคนใกล้ตาย
“แก แกอย่าทำอะไรไปเลื่อยนะ แกจะทำอะไรกันแน่?” ซือหม่าเฟิงสีหน้าตกใจ ถูกคนโหดอย่างฮาเดสทำให้ตกใจ
“ทำอะไร? บ้าไปแล้วใช่ไหม? แม้แต่คุณชายเฟิงยังกล้าลงมือ? รู้ไหมว่าคุณชายเฟิงมีฐานะสูงส่งขนาดไหน?”
“ปล่อยคุณชายเฟิงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น วันนี้แกสองคนอย่าคิดที่จะออกจากโรงแรมสากลกวงหุยเลย”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดชุดสูททั้งทีมต่างก็พากันตะโกน สายตาแต่ละคนต่างเฉียบคมเย็นชา
“ไอ้แซ่หลิน ยังไม่บอกบอดี้การ์ดแกปล่อยมืออีก? แกก่อเรื่องใหญ่แล้วรู้ไหม?” ซือหม่าเฟิงมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าโมโห พูดอย่างไม่พอใจ
“ก่อเรื่องใหญ่? เรื่องใหญ่อะไร?” หลินอิ่งมองซือหม่าเฟิง ถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“แกทำลายสมบัติล้ำค่าของฉันตั้งมากมาย แกมีปัญญาชดใช้ไหม? อีกอย่าง แกคิดว่าตระกูลซือหม่าไม่มีศักดิ์ศรีเหรอ? กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่?” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างเย็นชา แสดงท่าทางคุณชาย
ฉู่ฉู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเสียงเบาอยู่ข้างหลินอิ่ง “คุณหลิน ตระกูลซือหม่าดูเหมือนจะมีอำนาจในตี้จิงไม่น้อย จะนำความวุ่นวายมาให้คุณหรือเปล่า?”
ฉู่ฉู่รู้ว่าหลินอิ่งมีอำนาจในตี้จิงมาก แต่ว่าในใจก็ไม่ได้รู้อย่างละเอียด ว่าความจริงหลินอิ่งอยู่ระดับไหนในตี้จิง เพราะว่า ซือหม่าเฟิงคนนี้ฐานะดูเหมือนไม่ธรรมดา หากเรื่องราวใหญ่โตจะมีปัญหาอะไรไหม
เธอรู้สึกกังวลในใจ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะตัวเองหรือเปล่า ที่นำปัญหามาให้หลินอิ่ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอในใจหลินอิ่งไม่ดี นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว
“ฉู่ฉู่ ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องเล็กแค่นี้ ผมยังรับได้” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ยังเรื่องเล็ก? แกทำลายสมบัติขนาดนี้ แกมีปัญญาชดใช้เหรอ? แกยังไม่รู้ความรุนแรงของสถานการณ์อีก? เหอะเหอะ” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างเย็นชา ในแววตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
“ก็ได้” หลินอิ่งดื่มไวน์ไปคำหนึ่ง พูดอย่างเรียบเฉย “ผมก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ฮาเดส ปล่อยเขา ผมมีปัญญาทำลายของคุณ แน่นอนว่าต้องมีปัญญาชดใช้เงินให้คุณอยู่แล้ว”
ฮาเดสถีบซือหม่าเฟิงไปด้านข้าง ให้เขากลิ้งอยู่บนพื้น ท่าทางโทรมซาน
“คุณไปนับจำนวนมูลค่ามา” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย โยนบัตรดำใบหนึ่งไว้ตรงหน้าหลินอิ่ง
“ชดใช้ ผมให้คุณได้ แต่ศักดิ์ศรีของตระกูลซือหม่าของพวกคุณ ผมต้องเหยียบไว้ฝ่าเท้าแน่นอน”
หลินอิ่งค่อยๆลุกขึ้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ตอนนี้โทรไปถามพ่อคุณดู ผมหลินอิ่ง เล่นอะไรกันแน่ ให้คนของตระกูลซือหม่าที่มีอำนาจในการพูด มาหาผมเดี๋ยวนี้”