Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1375 : อสุนีบาตห้าธาตุ

บทที่ 1375 : อสุนีบาตห้าธาตุ

  ยังไม่ทันที่ดวงจิตภายในพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์จะพูดจบดีจู่ๆสมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินก็ปลดปล่อยปราณเสวียนหวงออกมาห่อหุ้มสระอสุนีบาตที่หลิงหยุนเพิ่งสร้างขึ้นมา แยกมันออกจากจุดตันเถียนของหลิงหยุน

  และเวลานี้หลิงหยุนก็พร้อมที่จะรับอสุนีบาตห้าธาตุมากเท่าไหร่ก็ได้..

  ครืน..ครืน.. เปรี้ยง.. เปรี้ยง..

  หลังจากสองสามนาทีผ่านไปสายฟ้าธาตุน้ำใหญ่ขนาดหนึ่งเมตร ก็ฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนติดต่อกันถึงห้าครั้ง และเวลานี้กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินก็ปกคลุมทั่วทั้งร่างของหลิงหยุน ทำให้เขาดูราวกับมนุษย์ไฟฟ้าก็ไม่ปาน..

  หลิงหยุนตื่นเต้นอย่างที่สุดและเฝ้าดูดซับเอาสายฟ้าทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในสระอสุนีบาตทันที หลังจากนั้นท้องฟ้าก็เข้าสู่ความสงบนิ่งอีกครั้ง..

  หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าทัณฑ์อสุนีบาตชุดแรกนั้นได้สิ้นสุดลงแล้วแต่เขาไม่ได้รับอันตรายเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังได้รับประโยชน์อย่างมากมายล้นพ้นอีกด้วย!

  แต่หลังจากนั้นไม่นานยังไม่ทันทีที่หลิงหยุนจะได้ดูดซับเอาอสุนีบาตธาตุน้ำรอบตัวเข้าไปได้หมด สายฟ้าเส้นหนึ่งก็ได้พุ่งผ่านกลุ่มทัณฑ์เมฆาสีดำออกมา และตามมาด้วยสายฟ้าสีเขียวขนาดใหญ่ทันที

  เปรี้ยง!!

  สายฟ้าสีเขียวขนาดใหญ่นี้ฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรุนแรงอีกครั้งและครั้งนี้ร่างของหลิงหยุนก็แข็งราวกับหุ่นไม้ และไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย..

  ธาตุไม้งั้นรึ!

  แม้หลิงหยุนจะไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้แต่สมองของเขาก็ยังคงทำงานอยู่ หลังจากใคร่ครวญดูจึงมั่นใจว่าสายฟ้าสีเขียวเหล่านี้แท้จริงก็คือสายฟ้าเทวะธาตุไม้นั่นเอง!

  และทันทีที่สายฟ้าธาตุไม้ฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนธาตุในสายฟ้าก็เริ่มทำงานของมันทันที และการที่หลิงหยุนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้แม้แต่ส่วนเดียวราวกับว่าเป็นหุ่นไม้นั้น ก็คืออานุภาพการจู่โจมขั้นพื้นฐานของสายฟ้าธาตุไม้นั่นเอง!

  หลังจากที่หลิงหยุนถูกสายฟ้าธาตุไม้ซัดเข้าใส่ร่างจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็จะเห็นเป็นเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน กำลังรัดรึงตรึงร่างกายของเขาไว้แน่น..

  เถาวัลย์สีเขียวเหล่านั้นฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนก่อนจากนั้นจึงเลื้อยไปตามร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว และเข้ารัดรึงไว้ทั่วทั้งร่าง จนเวลานี้หลิงหยุนดูไม่ต่างจากรังไหมสีเขียวขนาดใหญ่ และมีร่างของมนุษย์อยู่ภายในรัง

  แม้สายฟ้าสีเขียวเหล่านี้จะดูคล้ายกับเถาวัลย์แต่มันก็คือสายฟ้าธาตุไม้ที่ทรงพลัง มันจึงแข็งแกร่งและเหนียวกว่าเถาวัลย์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เวลานี้มันห่อหุ้มร่างกายของหลิงหยุนไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกับตัวหนอนที่อยู่ในรังไหม และกำลังค่อยๆบีบรัดเพื่อหวังทำลายกายเนื้อของเขาให้แตกสลาย

  แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้แต่จิตหยั่งรู้ของเขายังสามารถทำงานได้ดี อีกทั้งยังสามารถใช้พลังวิเศษได้อีกด้วย หลิงหยุนทำการเผาเสินหยวนทันที และใช้พลังวิเศษนี้ปกป้องจุดซือไห่ของตนเองไว้ เพื่อไม่ให้พลังของสายฟ้าธาตุไม้แทรกซึมเข้าไปได้..

  จากนั้นหลิงหยุนจึงใช้พลังจิตของตนเรียกมรดกประจำตระกูลหลิงออกมาทันที..

  ทันทีที่หลิวเทวะวิญญาณถูกเรียกออกมามันก็ขยายใหญ่โตทันที และแทบไม่ต้องให้หลิงหยุนสั่งการ มันพุ่งทะยานขึ้นจากใต้น้ำทะเล และไปลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุน ทำหน้าที่เป็นโล่กั้นระหว่างทัณฑ์เมฆาสีดำกับผืนทะเลไว้ เพื่อช่วยต้านทานทัณฑ์อสุนีบาตให้หลิงหยุนอีกชั้นหนึ่ง..

  เวลานี้หลิงหยุนรู้สึกเจ็บปวดที่กายเนื้อของเขาอย่างมากทั้งภายนอกและภายในล้วนถูกบีบรัดด้วยพลังของสายฟ้าธาตุไม้ ความเจ็บปวดที่หลิงหยุนได้รับเวลานี้รุนแรงจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะเถาวัลย์สีเขียวเหล่านั้นได้รัดแน่นจนร่างของเขาแทบกลืนเป็นเนื้อเดียวกับมัน และความจริงเขาควรจะต้องสิ้นใจตายไปนานแล้ว..

  แม้หลิงหยุนจะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้แต่ความเจ็บปวดอย่างที่สุดในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้เหงื่อของเขาไหลท่วมตัว และได้แต่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดทั้งหลายไว้..

  นั่นเพราะในบรรดาอสุนีบาตทั้งห้าธาตุนั้นสิ่งที่หลิงหยุนต้องการที่สุดก็คือสายฟ้าธาตุไม้นี่เอง!

  เหตุผลแรกก็คือ..มรดกตระกูลหลิงเป็นหลิวเทวะวิญญาณ ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นไม้เทวะ การเจริญเติบโตจึงต้องอาศัยพลังชีวิตธาตุไม้ที่บริสุทธิ์

  และสำหรับหลิวเทวะวิญญาณแล้วสายฟ้าธาตุไม้นี้นับว่าเป็นประโยชน์กับมันอย่างมากมายทีเดียว หากได้ดูดซับพลังชีวิตธาตุไม้จากสายฟ้าสีเขียวนี้เข้าไป มันก็อาจจะเติบโตขึ้นได้อีกไม่มากก็น้อย

  เหตุผลข้อที่สอง..หลิงหยุนฝึกวิชาพฤกษาขจี สิ่งที่จำเป็นสำหรับการฝึกวิชานี้ก็คือพลังชีวิตธาตุไม้

  นอกเหนือจากนี้เขายังสามารถใช้สายฟ้าธาตุไม้บำรุงเส้นโค้งรูปมังกร และบ่มเพาะเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางของตนได้อีกด้วย!

  พูดง่ายๆก็คือว่าหากหลิงหยุนสามารถอดทนต่อความเจ็บปวด และสามารถข้ามผ้านทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สองนี้ไปได้ เขาก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว!

  ในเมื่อความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หลิงหยุนจึงต้องใช้พลังปราณในด่านกลางขั้นพลังชี่ช่วยต้านทานความรุนแรงของอสุนีบาตห้าธาตุนี้ไว้ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทนต่อความเจ็บปวดครั้งนี้โดยปราศจากสิ่งป้องกัน

  หลังจากที่หลิงหยุนเผาเสินหยวนแล้วจุดที่เขาใช้พลังวิเศษนี้ปกป้องเป็นจุดแรกก็คือจุดซือไห่กลางหว่างคิ้ว จากนั้นจึงทำการปกป้องหัวใจ อวัยวะภายใน และอวัยวะอื่นๆที่สำคัญต่อไป ระหว่างนั้นก็ทำการกระตุ้นให้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางดูดซับเอาพลังชีวิตภายในสายฟ้าธาตุไม้นี้เข้าไปด้วย!

  ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เริ่มฝึกวิชาพฤกษาขจี และด้วยพลังชีวิตธาตุไม้ที่แข็งแกร่งนี้ ทำให้หลิงหยุนใกล้ที่จะเข้าสู่ขั้นที่หกได้แล้ว..

  สายฟ้าธาตุไม้เหล่านี้หลังจากที่ถูกดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไม้เข้าไปแล้ว จึงเหลือเป็นเพียงสายฟ้าสีขาวบริสุทธิ์ และถูกเส้นโค้งรูปมังกรภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนดูดซับเข้าไปทันที..

  หลังจากผ่านไปหลายชั่วอึดใจในที่สุดสายฟ้าธาตุไม้ชุดแรกก็ถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปในร่างกาย และเถาวัลย์สีเขียวที่รัดรึงร่างของเขาไว้ก็ได้อันตธานหายไปทันที!

  ครืน..ครืน.. เปรี้ยง.. เปรี้ยง..

  สายฟ้าธาตุไม้เริ่มฟาดกระหน่ำลงมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เนื่องจากมีหลิวเทวะวิญญาณกั้นระหว่างทัณฑ์เมฆาสีดำกับผืนทะเลไว้ สายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำลงมาจึงต้องผ่านหลิวเทวะวิญญาณเสียก่อน ความรุนแรงของมันจึงลดลงเหลือเพียงแค่หนึ่งในสาม ทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงมาก และหลิงหยุนสามารถที่จะทานทนได้

  ทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วนั้นโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วยทัณฑ์อสุนีบาตทั้งหมดสี่ชุด และแต่ละชุดก็จะเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

  ทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สองนี้ทำให้ไฟธาตุไม้ในเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางของหลิงหยุนนั้น แข็งแกร่งเช่นเดียวกับไฟธาตุน้ำแล้ว และวิชาพฤกษาขจีของเขาก็เข้าสู่ขั้นที่หก!

  นอกเหนือจากนั้นหลิวเทวะวิญาณที่ได้รับพลังชีวิตธาตไม้จากสายฟ้าสีเขียวนี้เข้าไป ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

  ในขณะเดียวกันเส้นโค้งรูปมังกรที่ดูดซับเอาเอาสายฟ้าเข้าไปจำนวนมากก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

  สำหรับสายฟ้าธาตุไม้ที่ร่างกายของหลิงหยุนนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่หมดนั้นก็จะถูกดูดเข้าไปกักเก็บไว้ในสระอสุนีบาตที่เขาสร้างขึ้น

  และแน่นอนว่าทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สองนี้ย่อมต้องรุนแรงกว่าชุดแรกหลังจากผ่านไปสิบนาที ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

  ระหว่างที่สายฟ้าธาตุไม้ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมยังคงถูกฟาดกระหน่ำลงมานั้นก็มีสายฟ้าสีแดงเพลิงปะปนมาด้วยเช่นกัน!

  และมันก็คือสายฟ้าธาตุไฟนั่นเอง!

  เปรี้ยง…  ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไม้ของสายฟ้าสีเขียวเข้าไปนั้นอสุนีบาตสองเส้นขนาดใหญ่ก็ได้ฟาดใส่ร่างของเขาพร้อมกันอย่างแรง

  และเวลานี้เถาวัลย์สีเขียวมากมายที่รัดรึงร่างของหลิงหยุนไว้นั้นก็ถูกสายฟ้าธาตุไฟสีแดงเพลิงนี้เผา ทำให้เถาวัลย์สีเขียวลุกกลายเป็นไฟขึ้นมาทันที และเวลานี้หลิงหยุนก็ไม่ต่างจากมนุษย์เพลิง!

  เปลวเพลิงของสายฟ้าธาตุไฟนั้นนั้นรุนแรงยิ่งนักแม้แต่ชุดผ้าแพรไหมทองคำของหลิงหยุน ก็ยังไม่สามารถสะกัดกั้นความร้อนของเปลวไฟที่ร้อนแรงนี้ได้!

  ภาพที่เห็นเวลานี้คือ..ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่กลางทะเลและมีน้ำล้อมรอบนั้น เวลานี้ได้เปลียนเป็นทะเลเพลิงแทน น้ำทะเลกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงที่ร้อนเร่าราวกับลาวาที่กำลังเดือดปุดๆก็ไม่ปาน

   ร้อนมากเหลือเกิน… 

  เวลานี้ไม่เพียงผิวหนังของหลิงหยุนจะถูกเปลวเพลิงแผดเผาแต่อวัยวะภายยังถูกเผาผลาญไปด้วย และตอนนี้ผิวหนังของหลิงหยุนก็เผาจนผิวหนังชั้นนอกร่อนออก..

  ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หลิงหยุนจำต้องเผาเสินหยวนอีกครั้งเพื่อปกป้องร่างกายของตนเองไว้ เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด และเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปในร่างกาย

  หลังจากผ่านไปราวสิบนาทีคลื่นอสุนีบาตชุดที่สองก็สิ้นสุดลง..

  ในครั้งนี้..หลิงหยุนไม่เพียงดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไม้และธาตุไฟเข้าไปในร่างกายได้มากมาย แต่สายฟ้าธาตุไม้ที่เผาผลาญร่างกายของเขานั้นยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเขาอย่างมากด้วย ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเลยทีเดียว

  ในขณะเดียวกันทั้งจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่าง รวมทั้งจุดซือไห่ของเขานั้น ก็ได้ถูกหลอมด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงนี้ ทำให้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก..   หลิงหยุนรู้สึกว่าการกลั่นเสินหยวนก็เป็นไปได้รวดเร็วขึ้นด้วย!

   ในที่สุดทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สองจบลงจนได้! 

  หลังจากทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สองจบลงหลิงหยุนจึงได้มีโอกาสหายใจหายคอขึ้นบ้าง และได้ฉวยโอกาสนี้พุ่งตัวขึ้นมายืนอยู่บนผิวน้ำแทน เพื่อเตรียมพร้อมรอรับทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สาม!

  ทันทีที่ขึ้นมายืนเหนือผิวน้ำทะเลได้หลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดระดับเจ็ดออกมาอย่างรวดเร็ว ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ยันต์บำบัดระดับหกไม่อาจใช้กับหลิงหยุนได้..

  หลังจากใช้ยันต์บำบัดระดับเจ็ดรักษาบาดแผลจากการถูกเปลวไฟเผาผลาญตามร่างกายแล้วหลิงหยุนก็เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดันระหว่างสวรรค์กับโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

  ครืน..ครืน.. เปรี้ยง!!!

  อสุนีบาตขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านทัณฑ์เมฆาสีดำออกมาอย่างรวดเร็วและทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สามก็เริ่มกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

  ครั้งนี้มีอสุนีบาตถึงสามสายฟาดลงมาพร้อมๆกันและทั้งสามสายนั้นก็หาได้แยกกันเด็ดขาดไม่ แต่กลับหลอมรวมกันเป็นหนึ่งจนยากที่แยกแยะได้ว่ามีสีใดบ้าง

  มันคือสายฟ้าสีทองสีแดง และสีเขียว!

  ซึ่งก็คือธาตุทองธาตุไฟ และธาตุไม้นั่นเอง!

  เปรี้ยง!!

  เสียงผ่าเปรี้ยงลงมาดังสนั่นหวั่นไหวและสายฟ้าทั้งสามที่รวมเป็นหนึ่งก็ได้ฟาดลงกลางร่างของหลิงหยุนอย่างแรง ทั้งเปลวเพลิงสีแดง เถาวัลย์สีเขียว และกระบี่สีทองมากมายนับไม่ถ้วน ก็ได้พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนราวกับพายุ!

  ทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สามนี้รุนแรงกว่าสองครั้งที่ผ่านมามากเพราะครั้งนี้สายฟ้าธาตุไม้ได้ตรึงร่างของหลิงหยุนไว้ไม่ให้สามารถขยับเขยื้อนได้ ในขณะที่สายฟ้าธาตุไฟก็ทำการเผาผลาญร่างกายของเขา ส่วนสายฟ้าธาตุทองก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่และหอกพุ่งเข้าฟัน และจามใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง..

  แต่หลิงหยุนกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย!

  เขาเริ่มดูดซับเอาสายฟ้าธาตุไฟและสายฟ้าธาตุไม้ซึ่งรุนแรงน้อยที่สุดเข้าไปไว้ในสระอสุนีบาตก่อน จากนั้นเมื่อร่างกายเป็นอิสระ จึงได้ใช้พลังจิตเรียกกระบี่โลหิตเทวะ ตราหยกจักรพรรดิ กระบี่กังฉี และหอกมังกรทองออกมา..

  จากนั้นจึงใช้กระบี่โลหิตเทวะเข้าฟาดฟันใส่ทั้งกระบี่และหอกสีทองทันทีและเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุทองเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว!

  ในการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้หลิงหยุนไม่มีความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย และตั้งใจเพียงแค่ว่า ตราบใดที่เขายังไม่ตายเพราะทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ เขาจะต้องใช้ประโยชน์ที่ได้รับจากการรับทัณฑ์สวรรค์ บ่มเพาะเต๋าภายในของตนให้สมบูรณ์ให้ได้!

  แม้อสุนีบาตห้าธาตุจะนำมาซึ่งความตายแต่ก็นำมาซึ่งการเกิดด้วย แม้จะน่าสะพรึงกลัว แต่ก็คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่!

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท