“เฮ้ คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณหลินจะพ่ายแพ้” กู่ชางไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“หลินอิ่งเป็นคู่ต่อสู้ของท่านมังกรดำได้อย่างไร” นายพลงูกล่าวด้วยเสียงเยาะเย้ย “เขาเป็นเพียงคนที่ตกอับและอ่อนแอ จะสู้ท่านมังกรดำได้อย่างไร”
นายพลงูกล่าวด้วยความมั่นใจ แต่ภายในใจกลับรู้สึกกระสับกระส่าย
เขาไม่รู้ว่าใครชนะ
เขาคาดหวังว่า ท่านมังกรดำจะรีบจัดการหลินอิ่งแล้วมาช่วยตนเอง
มิเช่นนั้น หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ เขาอาจจะถูกกู่ชางไห่ฆ่าตาย
สีหน้ากู่ชางไห่เคร่งขรึม แต่ไม่ตอบ แต่มีคลื่นลูกใหญ่ปรากฏขึ้นในใจ
เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากกับเรื่องที่ไม่รู้ผลลัพธ์เช่นนี้
ผลลัพธ์ของคืนนี้ จะตัดสินจากการต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งและท่านมังกรดำ
ระหว่างสองคนนี้ถ้าใครเป็นฝ่ายชนะ ก็จะเป็นคนที่ครองทุกอย่างที่นี่……
สิ่งที่กู่ชางไห่สามารถทำได้คือการคาดหวังให้คุณหลินเป็นฝ่ายชนะ
“คนแซ่กู่ ถือโอกาสในขณะที่ท่านมังกรดำยังไม่มา ถ้าตอนนี้คุณมอบจางฉีโม่ออกมา คุณอาจจะได้รับการอภัยจากท่านมังกรดำ…มิฉะนั้น สำนักบี้ชุ่ยของพวกคุณจะตกอยู่ในอันตราย” นายพลงูกล่าวข่มขู่
“งั้นหรือ? คุณยังต้องการลักพาตัวคนอีกหรือ?”
ขณะนี้ มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้น
ภายในป่า ร่างของชายหนุ่มเดินมา
หลินอิ่งมาแล้ว
ร่างกายทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด และมีรัศมีสังหารที่น่าสะพรึงกลัว เหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามชูร่าที่เดินออกจากทะเลเลือด
“ห๊ะ! หลินอิ่ง!”
ทันทีที่นายพลงูเห็นหลินอิ่ง เขาตกตะลึง และส่งเสียงหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว
เขาต้องการวิ่ง แต่เขาหวาดกลัวหลินอิ่งจนขาอ่อนแรง
ตอนนี้หลินอิ่งมีสภาพที่แย่มาก
สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้นายพลงูตกใจอย่างสิ้นเชิง
หลินอิ่งเดินมาถึงที่นี่
นั้นก็หมายความว่าท่านมังกรดำพ่ายแพ้แล้ว……
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ท่านมังกรดำเสียชีวิตไปแล้ว…..
นี้เป็นผลลัพธ์ที่นายพลงูไม่กล้าจินตนาการ และไม่กล้าที่จะเชื่อ
ในความคิดของเขา ท่านมังกรดำผู้ไร้เทียมทาน พ่ายแพ้ให้แก่หลินอิ่งผู้อ่อนแอ……
“เอ้อ!”
หลินอิ่งพุ่งเข้าไป ใช้ฝ่ามือที่รุนแรงซัดไปที่หน้าอกของนายพลงู ทำให้เขากระเด็นไกลออกไปกว่าสิบเมตร และล้มลงกับพื้นอาเจียนเป็นเลือดอย่างบ้าคลั่ง
“คุณ คุณ….” นายพลงูหายใจเร็ว พูดตะกุกตะกัก และรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองหลินอิ่ง
“กล้าลักพาตัวผู้หญิงของผม คุณต้องตายเท่านั้น”
หลังจากที่หลินอิ่งกล่าวอย่างเย็นชา เขาใช้เท้าเตะไปที่หน้าอกของนายพลงูอย่างแรง
เสียงดังบูม นายพลงูล้มลงบนพื้น และพื้นบริเวณที่เขาล้มลงแตกแตกร้าวกว่าสิบเมตร
“โอ๊ย!”
นายพลงูส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด หมดลมหายใจ ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง และนอนตายอยู่บนพื้น
“หลินอิ่ง คุณ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จางฉีโม่รีบวิ่งเข้ามา และอดไม่ได้ที่จะกอดหลินอิ่งจากด้านหลัง
น้ำตาของเธอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ใช้ศีรษะพิงไปบนแผ่นหลังของหลินอิ่ง
เมื่อเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดของหลินอิ่ง จางฉีโม่รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เธอรู้ว่าหลินอิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ก็เพราะเธอ
หลินอิ่งหันกลับมา ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของจางฉีโม่ แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า “ผมไม่เป็นไร คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…..”
“ฉัน ฉัน….” จางฉีโม่สะอึกสะอื้น เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองเต้นเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก
ตูม!
ขณะนี้ ดูเหมือนว่าหลินอิ่งนั้นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นและหมดสติ
เขาหลับตาแน่น หน้าขาวซีดเผือด และหายใจดังสนั่น
“โอ๊ย!”
จางฉีโม่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เอนตัวไปจับมือของหลินอิ่งด้วยความกังวล
“คุณกู่ เกิดอะไรขึ้นกับหลินอิ่ง?” จางฉีโม่ถามด้วยความรีบร้อน
สีหน้าของกู่ชางไห่ซับซ้อน และเขาเพิ่งจะหายจากอาการตกใจ
เขาเดินไปที่ร่างของหลินอิ่ง ตรวจสอบอย่างระมัดระวังอยู่สักครู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณนายหลิน ไม่ต้องกังวลมากเกินไป คุณหลินได้รับบาดเจ็บภายใน เขาหมดสติเพราะว่าหมดแรง ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
“งั้น งั้นก็ดี” จางฉีโม่ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณกู่ คุณรีบติดต่อคนโดยเร็ว แล้วรีบส่งหลินอิ่งไปที่โรงพยาบาล!” จางฉีโม่กล่าวอย่างรีบเร่ง
“ได้ครับ!”
กู่ชางไห่ไม่กล้าที่จะเสียเวลา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว และสั่งให้เสิ่นซานพาคนมาเคลียร์สถานที่ด้วย
หลินอิ่งได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาสั่งให้เสิ่นซานอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมรับคำสั่งอยู่ใต้ภูเขาเจียงเยว่ตลอดเวลา
หลังจากโทรเสร็จ กู่ชางไห่มองไปที่หัวกะทิองครักษ์มังกรดำที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เย็นชา
เขาเดินเข้าไป ใช้พลังฝ่ามือที่คมราวกับมีดฆ่าองครักษ์มังกรดำที่หมดสติตายไปจนหมด
นี่คือสิ่งที่หลินอิ่งเคยสั่งไว้ก่อนหน้านั้น
ขอแค่หลินอิ่งเป็นฝ่ายชนะ ก็จะไม่ไว้ชีวิตพวกเขาสักคน
ยี่สิบนาทีต่อมา
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำสามคนขับขึ้นมาบนยอดภูเขาเจียงเยว่
เสิ่นซานพาคนมาถึงที่เกิดเหตุ และพาหลินอิ่งและจางฉีโม่กลับไป
ขณะเดียวกัน กู่ชางไห่ยังจับเหวินเทียนเฟิ่งที่ตกใจกลัวจนเกือบจะเสียสติ เขาไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ แล้วพาเธอกลับไป รอให้หลินอิ่งตื่นขึ้นก่อนค่อยจัดการต่อไป
เหวินเทียนเฟิ่งเห็นการต่อสู้ทั้งหมดระหว่างหลินอิ่งและท่านมังกรดำ
หลังจากนั้นเธอก็ถูกหลินอิ่งถูกซัดจนสลบ และปิดผนึกจุดฝังเข็มของเธอไว้
หลังจากประสบกับการต่อสู้ที่ภูเขาเจียงเยว่แล้ว หลินอิ่งทำให้เหวินเทียนเฟิ่งตกใจกลัวจนเกือบจะเสียสติ
ผลความล้มเหลวดังกล่าว เป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถยอมรับได้……..
……
วันถัดไป
อำเภอเจียงเยว่ โรงพยาบาลประจำอำเภอ
ณ.ห้องไอซียู หลินอิ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยหนัก หมดสติและไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมาย และแพทย์หลายคนพยายามช่วยชีวิตเขา
นอกห้องไอซียู เสิ่นซานและเจียงฉีพากลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสูทมาด้วย พวกเขาเดินไปรอบ ๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ
จางฉีโม่ใช้มือจับหัวใจของตนเองไว้แน่น นั่งบนเก้าอี้ด้วยความอกสั่นขวัญหาย
เธอกำลังรอผลการผ่าตัดของหลินอิ่ง…..
แพทย์แจ้งว่า อาการบาดเจ็บของหลินอิ่งนั้นร้ายแรงและวิกฤตเป็นอย่างมาก
……
ตี้จิง
ณ.อำเภอหลงซิง วิลล่าในเขตชานเมือง
ชายวัยกลางคนผมยาวสวมลูกประคํา นั่งที่โต๊ะน้ำชา และถือถ้วยน้ำชาและกำลังนั่งจิบชา
บนผนังด้านหลังของเขา แขวนภาพมังกรเขียวกวนแม่น้ำคู่บารมีอันงดงาม
ทันใดนั้น ชายชราในเสื้อคอจีนปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในห้องของวิลล่า
“ท่านมังกรเขียว จากการสอบสวนของผม การหายตัวไปของท่านมังกรดำและองครักษ์มังกรดำนั้นเกี่ยวข้องกับงูเขียวซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ….” ชายชราในเสื้อคอจีนกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เกี่ยวข้องกับงูเขียว? มันเกิดอะไรขึ้น?”
“งูเขียวหายไปพร้อมกับท่านมังกรดำ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าท่านมังกรดำได้พาองครักษ์มังกรดำทรยศหลบหนีไปหรือไม่….”
“อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ทำให้อาจารย์กู้ต้าตกใจ”
“อาจารย์กู้ต้าที่อยู่ต่างประเทศได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ส่งผมมาถามท่านมังกรเขียวว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”