ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 659 ความวุ่นวายในตี้จิง

บทที่ 659 ความวุ่นวายในตี้จิง

“จัดการคุณชายอิ่ง?”

เมื่อฟังการข่มขู่ของหลินชิงเย่ สีหน้าของเย่เฮยและหวงชิงซานก็เปลี่ยนสีทันที

นี่เป็นเรื่องตลกอะไรกันนี่?

กล้าที่จะพูดว่าจะจัดการคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงผู้มีอำนาจหรือ?

แน่นอนว่า ขณะที่หวงชิงซานและเย่เฮยรู้สึกตกใจ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกังวลแทนหลินอิ่ง

เพราะอย่างไรเสีย เด็กหนุ่มและคนชราที่อยู่ตรงหน้า ล้วนเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทาน ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงรายการแห่งฟ้าแล้ว

โดยเฉพาะ พวกเขายังแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตนเองมาจากตระกูลไหน ทั้งสองคนมาจากตระกูลในแวดวงลึกลับ ตระกูลหลินแห่งลังยา

หวงชิงซานและเย่เฮยนั้นได้ยินชื่อเสียงของตระกูลหลินแห่งลังยามาแล้ว

โดยเฉพาะ ดูเหมือนว่าคุณชายอิ่งจะมาจากตระกูลหลินแห่งลังยา ตามที่คนเหล่านี้กล่าว คุณชายอิ่งกับตระกูลหลินแห่งลังยายังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

สถานการณ์ที่นี่ค่อนข้างซับซ้อน

หวงชิงซานเคยคิดว่าคุณชายอิ่งมีฐานะภูมิหลังที่น่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่ แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินแห่งลังยา และตอนนี้ยังมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อีกด้วย

ยอดฝีมือของตระกูลหลินสองคนนี้มาปรากฏตัวอยู่ในตี้จิง ถ้าอาศัยฝีมือของพวกเขาสองคนนั้นไม่สามารถต้านทานได้เลย

ถึงแม้ว่าเย่เฮยจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้ามากนัก

เพราะเขารู้ฐานะตัวตนของหลินอิ่งที่เป็นประมุขแก๊งมังกร

ฝีมือการต่อสู้ของหลินอิ่งนั้นแข็งแกร่งถึงระดับที่ไม่น่าเชื่อ

เขาอาจจะสามารถต่อสู้กับตระกูลหลินแห่งลังยาทั้งหมด ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่

เพียงแต่ว่า ตอนนี้คุณชายอิ่งไม่ได้อยู่ในตี้จิง บางทีตี้จิงอาจถูกคนสองคนนี้ทำให้เกิดความโกลาหลอลหม่าน

“เอาล่ะ ผมไม่มีเวลาคุยกับคนกระจอกอย่างพวกคุณสองคน ปู่เจ็ด ทุกอย่างที่ตี้จิงมอบให้คุณเป็นคนจัดการ”

หลินชิงเย่กล่าวลอย ๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เห็นพวกเขาสองคนอยู่ในสายตา

หลังจากพูดจบ หลินชิงเย่พาผู้ติดตามพวกนั้นขึ้นรถอย่างจองหอง เตรียมเดินทางไปที่สนามบินตี้จิง และแทบจะรอไม่ไหวที่จะบินไปที่มณฑลตุงไห่เพื่อจัดการหลินอิ่ง

เพราะอย่างไรเสีย ที่คราวนี้เขาออกมาจากตระกูลหลินด้วยภารกิจ

แม่เฒ่าคระกูลหลินได้ออกคำสั่งเด็ดขาดว่าต้องจับหลินอิ่งกลับไปลงโทษที่ตระกูลหลินให้ได้

แม้กระทั่งโดยไม่คำนึงว่าต้องแลกกับอะไรบ้าง

นอกจากยอดฝีมือทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ตระกูลหลินแห่งลังยายังส่งกลุ่มยอดฝีมือลึกลับมาซุ่มอยู่ในที่ลับ ทุกคนล้วนมีทักษะฝีมือที่เก่งจนน่าตกใจ

การเตรียมการด้านการรบที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เป็นกองกำลังลึกลับที่สามารถทำลายกองกำลังทั่วไปของโลกได้เลย

หลินชิงเย่คิดว่า การจัดการกับหลินอิ่งคนเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องกังวลมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การที่หลินอิ่งกลับสู่ตระกูลหลิน เขาจะใช้อำนาจบารมีกดขี่ให้หลินอิ่งยอมสยบให้ตนเอง

มิฉะนั้น ไม่รู้ว่าหลินอิ่งจะเย่อหยิ่งเพียงใด ที่เขาสามารถจัดการผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลินก่อนหน้านั้นได้

“ชิงเย่ คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ตี้จิงแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป” หลินสวนถูกล่าวอย่างมั่นใจ

หลังจากพูดจบ หลินสวนถูมองไปที่หวงชิงซานและเย่เฮยอย่างเย็นชา ด้วยสายตาที่มีเจตนาฆ่า

“จะให้โอกาสพวกคุณสองคน คุกเข่าลงและยอมจำนน ผมจะให้อนาคตที่ดีแก่พวกคุณทั้งสองคน”

หลินสวนถูกล่าวอย่างเผด็จการบ้าอำนาจ เพื่อบีบบังคับเย่เฮยและหวงชิงซานทั้งสองคน

เย่เฮยกับหวงชิงซานมีสีหน้าที่เคร่งขรึม และมีเม็ดเหงื่อตกลงมาจากหน้าผาก

ถูกต้อง ตอนนี้พวกเขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

หลินสวนถูยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก

“คุณไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา? และอยากให้พวกเรายอมจำนนโดยง่าย ๆ หรือ?”

“นอกจากนี้ พวกคุณคิดว่าจะสามารถจัดการคุณชายอิ่งได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? พวกคุณจะทำอะไรที่นี่ก็ได้หรือ? มาบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือในตี้จิง ไม่กลัวว่าจะไม่สามารถรับผลที่จะตามมาได้หรือ?”

เย่เฮยกล่าวด้วยความโมโห

คนตระกูลหลินแห่งลังยา หยิ่งยโสเกินไปแล้ว

แสดงท่าทางที่หยิ่งยโส และไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย

“อ้อ? ไม่สามารถรับผลที่จะตามมาได้ คืออะไร?

หลินสวนถูหัวเราะเบา ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็พุ่งไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าไปที่เย่เฮยและหวงชิงซาน

บูม! บูม! บูม!

วินาทีนี้ อากาศสั่นสะเทือนและเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

ชั่วพริบตาเดียว ทั้งสามได้ต่อสู้กัน และมีคลื่นผันผวนชี่กังที่น่ากลัว สั่นสะเทือนจนพื้นของลานกว้างแตกไปทั่ว

เมื่อเห็นภาพที่น่าตกใจเช่นนี้ ทำให้กลุ่มผู้คุ้มกันที่ใส่ชุดสูททั้งหมดนั้นแสดงสีหน้าตกใจ

ตอนนี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหยิบปืนออกจากกระเป๋าเสื้อ

เพราะการต่อสู้ในระดับนี้มันช่างน่ากลัวจริง ๆ

สำหรับยอดฝีมือระดับนี้ การใช้ปืนพกนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

หลังจากนั้นไม่นาน หลินสวนถูก็ต่อสู้กับเย่เฮยและหวงชิงซานไม่ต่ำกว่าห้าสิบกระบวนท่า

เกิดเสียงดังสนั่น

มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นกลางอากาศ และกระจกหน้าต่างทั้งหมดที่อยู่ใกล้ ๆ กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยทันที

เย่เฮยและหวงชิงซานถูกหมัดของหลินสวนถูจนกระเด็นถอยหลังไปห้าสิบเมตร และโซเซไปมา

เวลาเพียงชั่วครู่ เลือดสด ๆ ก็ไหลออกมาจากมุมปากของคนทั้งสองคนนี้

เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับหลินสวนถูแบบตัวต่อตัวได้

“คุณหยู รีบพาคนออกไปก่อน! พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา……” หวงชิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“นี่……”

เมื่อมองดูภาพนี้ หยูจื๋อเฉิงรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดว่าจะสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ได้

กลุ่มคนที่มีพลังแข็งแกร่งมาอย่างกะทันหัน ถล่มอาณาเขตของท่านอิ่งในตี้จิงทันที ซึ่งแม้แต่ท่านปู่หวงก็ไม่สามารถจัดการกับมันได้

“แล้วธุรกิจของท่านอิ่งในตี้จิงล่ะ? จะให้คนพวกนี้แย่งไปตามอำเภอใจหรือ?” หยูจื๋อเฉิงกล่าวด้วยความลังเล

“อนาคตยังอีกยาวไกล รอให้ท่านอิ่งกลับมาตี้จิงก่อน จะต้องมีวิธีจัดการแน่นอน” เย่เฮยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

กล่าวจบ ทั้งสองก็พาหยูจื๋อเฉิงหายตัวไปจากลานกว้างของอาคารดวงดาวอย่างรวดเร็ว

หลังจากการต่อสู้ เย่เฮยและหวงชิงซานทั้งสองคนได้ตัดสินใจโดยปริยาย และตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงความได้เปรียบของพวกเขา

มียอดฝีมืออย่างหลินสวนถูอยู่ ซึ่งเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ หากพวกสู้ตาย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเสียชีวิต มันจะส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมต่อไปในอนาคตของท่านอิ่งด้วย

หลินสวนถูยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม หรี่ตาและมองดูพวกเย่เฮยหนีไป และไม่คิดที่จะขัดขวางหรือตามไล่ล่าแต่อย่างไร

“ฮ่า ถือว่ารู้จักเอาตัวรอด”

หลินสวนถูมองตามเสียงของพวกเขาที่วิ่งหนีไปในระยะไกล แล้วหัวเราะเยาะเย้ยด้วยดวงตาเต็มที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

จุดประสงค์ของเขาคือการบีบบังคับให้ยอดฝีมือของหลินอิ่งที่อยู่ในตี้จิงถอยหนี

จากนั้นค่อยครอบครองธุรกิจทั้งหมดของหลินอิ่งในตี้จิง

ขั้นตอนต่อไปคือการนำพาชื่อเสียงและอำนาจของตระกูลหลินแห่งลังยาเข้ามาในตี้จิง

ใช้รากฐานที่ดีของหลินอิ่งขยายอำนาจบารมีของตระกูลหลิน

อาจกล่าวได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมในการทำผิดเรื่องผิดราว

……

หลายวันต่อมา คนของตระกูลหลินแห่งลังยา ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตี้จิงแล้ว

เข้าควบคุมธุรกิจของหลินอิ่งในตี้จิง และจัดการประชุมขององค์กรตระกูลใหญ่ เพื่อประกาศอำนาจเบ็ดเสร็จของตระกูลหลิน

พวกเขาประกาศกับคนภายนอกว่า หลินอิ่งก่ออาชญากรรม และถูกตระกูลหลินจับตัวกลับไปลงโทษแล้ว

หลังจากนั้น กิจการทั้งหมดของหลินอิ่งในตี้จิงคนของตระกูลหลินครอบครอง

หลังจากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ไม่เพียงแต่ผู้คนในแวดวงตกใจ แต่พวกเขายังรู้สึกสับสน ตระกูลหลินดำรงอยู่อย่างไร?

สรุป เป็นที่ชัดเจนว่าเกิดเรื่องโกลาหลในตี้จิงแล้ว…..

……

อำเภอเจียงเยว่

ห้องไอซียูของโรงพยาบาลประจำอำเภอ

หลินอิ่งได้รับการช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ตื่น

จางฉีโม่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยด้วยใบหน้าซีดเซียว ด้วยแววตาที่มีความหวัง ตั้งตาตั้งตารอหลินอิ่งตื่นด้วยความกังวล

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท