“เหรอ?” หลินเซี่ยวหรี่ตามองหลินอิ่ง มุมปากยิ้มเย็น
“คุณชายรอง น้องชายของคุณช่างไม่เห็นความหวังดีของคุณเอาเสียเลย มีน้องที่ไหนใช้น้ำเสียงอย่างนี้พูดกับพี่บ้าง?” เหลาอู่ดื่มสุราแล้วพูดกับหลินอิ่งด้วยความเย็นชา
“คุณชายรอง ในเมื่อหัวหน้าสมาคมหลินจะจัดการเอง งั้นคุณก็อย่ายุ่งเรื่องของเขาเลย แบบนี้จะดีที่สุด!” หลี่ว่านหยวนก็พูดอย่างเย็นชาด้วย “เหอซานกู เหอซานจินมีไมตรีกับเหลาหลี่มาหลายปี เรื่องนี้ผมก็ต้องขอคำอธิบายกับหัวหน้าสมาคมหลินด้วยเหมือนกัน!”
หลินอิ่งหัวเราะเย็น แล้วมองทางหลี่ว่านหยวนด้วยสายตาเย็นชา “คุณต้องการคำอธิบายอะไรครับ?”
“หัวหน้าสมาคมหลิน ผมพูดตรงๆ เลยนะ ตามหลักแล้ว ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่เป็นกฎที่รู้กันดี แต่เห็นแก่คุณชายรอง วันนี้ผมจะไว้ชีวิตคุณสักครั้ง” หลี่ว่านหยวนคาบซิการ์ พูดอย่างโอหัง “แบบนี้แล้วกัน คุณก็ขึ้นธูปสามดอกให้เหอซานจิน โขกศีรษะ แล้วสำนึกความผิดตัวเองต่อหน้าเหอซานกู แล้วผมจะให้เรื่องนี้ยุติเอง”
“คุณคิดให้ดีนะ ที่ชางโจวนี่คุณไม่ใช่อะไรทั้งนั้น” หลี่ว่านหยวนเตือนอย่างดุดัน “ไม่ว่าคุณอยู่ตี้จิงจะใหญ่โตล้นฟ้าขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ที่นี่ แค่ผมสั่งการไป คุณก็ต้องเป็นกองกระดูกแล้ว”
ขณะที่หลี่ว่านหยวนพูด เหอซานกูก็นำยอดฝีมือของหุบเฉินเฟิงเข้าล้อมหลินอิ่ง จิตสังหารแผ่ขยายไปทั่ว
พร้อมกันนั้นลูกหลานตระกูลหลินในงานก็คงความนิ่งเงียบ มองปฏิกิริยาของหลินอิ่ง
ใบหน้าพวกเขาล้วนมีความดูถูก
เรื่องที่หลินอิ่งประสบอยู่ไม่แปลกเลยสักนิด
ไม่คิดล่ะ ว่าตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลินนั่งกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นเชียวหรือ?
ผู้มีความสามารถในตระกูลหลินมีมากมายเหลือคณา แต่หากไม่แน่จริงแล้วใครจะยอมก้มหัวให้เล่า?
หลินอิ่งนั่นเก้าอี้ ยกสุราขึ้นดื่มช้าๆ ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ มีเพียงความเหี้ยมที่มุมปากเล็กน้อย
อย่างชัดเจน หลินเซี่ยวเตรียมเรื่องทั้งหมดไว้อยู่ก่อนแล้ว
ให้เหอซานกูมาก่อความวุ่นวาย
หากเขาชนะก็ไม่งาม ทั้งยังได้ชื่อว่ารังแกหญิงอ่อนแอ
หากแพ้ เกียรติศักดิ์สูญสิ้น แล้วยังอาจต้องทิ้งชีวิตที่นี่ด้วย
หากให้หลินเซี่ยวไกล่เกลี่ย เช่นนั้นก็เท่ากับอ่อนข้อให้
หลินเซี่ยววางแผนไว้ดีมาก โยนเรื่องยากมาให้เขาแก้ ส่วนตนก็นั่งดูอยู่เฉยๆ
“น้องหลินอิ่ง ฉันก็อยากปกป้องเธอนะ แต่ในเมื่อเธอจะจัดการเอง งั้นก็จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ถึงยังไงก็เกี่ยวพันถึงหน้าตาตระกูลหลินเรา และเธอก็เป็นตัวแทนของตระกูล” หลินเซี่ยวค่อยวาที “แต่ถ้าเธอจัดการไม่ได้แล้วจริงๆ ก็ให้ฉันจัดการแล้วกัน”
“แต่แน่นอนว่าฉันต้องทำตามเหตุผล ไม่เข้าข้างญาติ ถ้าน้องหลินพูดกับเหอซานกูด้วยเหตุผลไม่สำเร็จ งั้นฉันก็ต้องยึดหลักคุณธรรม ให้เธอขอขมาอีกฝ่ายแล้วล่ะ” หลินเซี่ยวยิ้มเย็นแล้วพูด
เมื่อได้ฟังคนเหล่านี้พูดจาเคร่งเครียดกันแล้ว จางฉีโม่ที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มตื่นตระหนก กระตุกแขนเสื้อหลินอิ่ง
“หลินอิ่ง ไม่งั้นเราก็ยอมให้หน่อยแล้วกัน เราไปกันก่อน?” จางฉีโม่กล่าวกระซิบ
สภาพการณ์นี้เห็นชัดว่าคนพวกนี้เตรียมการไว้อยู่แล้ว อยากให้หลินอิ่งขายหน้า
จางฉีโม่กังวลมาก เพราะหลินอิ่งไม่คุ้นเคยกับชางโจว ไม่มีเส้นสายอิทธิพล อีกอย่าง ช่วงก่อนหลินอิ่งก็เจ็บหนักเพิ่งออกโรงพยาบาลมา ไม่แน่ว่าจะสู้กับคนโฉดพวกนี้ได้
หลินอิ่งลูบหลังมือจางฉีโม่เบาๆ แล้วกระซิบ “ไม่เป็นไร ผมจัดการได้ครับ”
“ยังไง? หลินอิ่ง แกกลัวแล้วละสิ? ถ้ากลัวก็ไปโขกหัวขอขมาศิษย์พี่ของฉันซะ! แล้วฉันจะเห็นแก่ตระกูลหลินไว้ชีวิตแก!” เหอซานกูตวัดกระบี่เนื้ออ่อนยาวออกมา แล้วชี้ไปทางหลินอิ่งเป็นการข่ม
หลินอิ่งไม่สนใจเหอซานกู แต่มองหลินเซี่ยวด้วยความเย็นยะเยือกแทน
“หลินเซี่ยว ที่คุณส่งตัวตลกพวกนี้ขึ้นมา เพราะอยากเห็นความอดทนของผมล่ะสิ?”
หลินอิ่งยิ้มเย็น จากนั้นก็หยิบแก้วสุราขึ้นมาลิ้มรส
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างนี้ หลินอิ่งย่อมมีแผนอยู่ในใจ
ถึงเขายังไม่ผ่านระยะวัฏจักร แต่อาการก็ดีขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็พอออกกำลังได้ถึงขั้นกลางค่อนบนของรายการแห่งดิน
เหอซานกูที่ท่าทางดุดัน หากเทียบกับเหอซานจินก็เก่งกว่านิดหน่อย น่าจะอยู่ขั้นกลางของรายการแห่งดิน
ส่วนคนหุบเฉินเฟิงที่เหอซานกูพามาพวกนั้นแม้เป็นยอดฝีมือ ทว่าแต่ละคนก็อยู่ในขั้นรายการแห่งคนเท่านั้น หากบุกเข้ามาพร้อมกันก็ให้ลำบากเหมือนกัน
แต่คนหุบเฉินเฟิงยังไม่ต้องเป็นห่วง
ที่หลินอิ่งต้องคำนึงถึงก็คือหลินเซี่ยว ตัวการใหญ่ที่แท้จริงต่างหาก
หลินเซี่ยวคุณชายรองแห่งตระกูลหลินคนนี้ ระดับบูโดเกรงว่าจะไม่ด้อยว่าฉินเหิงเยว่ เกือบแตะถึงระดับรายการแห่งฟ้า
แต่หลินอิ่งมาชางโจวครั้งแรก ไม่อยากเปิดไพ่ของตัวเองเร็ว
ในเมื่อคลี่คลายสถานการณ์นี้ไม่ได้ งั้นก็ได้แต่แตกหักกัน สู้ศึกกับหลินเซี่ยว ทำลายหมากกระดานนี้
เพียะ!
ทันใดนั้นหลี่ว่านหยวนก็ตบโต๊ะ ลุกขึ้นยืนจ้องหลินอิ่งเขม็ง
“แกว่าใครเป็นตัวตลก? หลินอิ่ง แกอย่างมาลำพองตัวให้มากนักนะ! ที่ชางโจวแกเป็นตัวอะไรกัน? พวกเราเห็นแก่คุณชายรองต่างหาก ไม่งั้นวันนี้ก็เก็บแกไปแล้ว!” หลี่ว่านหยวนพูดเสียงกร้าว
“เฮอะ! คุณชายอิ่งยิ่งใหญ่เสียจริง คิดว่านี่เป็นตี้จิงทำใหญ่ทำโตได้เหรอ?” เหลาอู่ก็ยิ้มเย็นพูดด้วย
“หลินอิ่งหนอหลินอิ่ง แกคิดว่าตัวเองเก่งกาจแล้วจริงเหรอ? เรื่องของแกฉันก็สืบมาหมดแล้ว เห็นว่าหลายปีก่อนก็ไปเป็นเขยแต่งเข้าที่เมืองเล็กๆ ของตุงไห่ ไร้ศักดิ์ศรีดีๆ นี่เอง พอกลับตระกูลฉีก็สืบทอดมรดกอันน้อยนิด อยู่ตี้จิงจนขึ้นชื่อมาหน่อยก็คิดว่าตัวเองเป็นคนดังแล้วเหรอ?” หลี่ว่านหยวนพูดส่อเสียด สายตาดูแคลนเย้ยหยัน
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายรองห้ามไว้ แค่ที่แกพูดมาในวันนี้ ฉันหลี่ว่านหยวนรับรองได้เลยว่าจะทำให้แกออกจากโรงแรมชางไห่ไม่ได้แน่!”
หลินเซี่ยวยิ้มเย็นมองหลินอิ่ง แผ่ซ่านกลิ่นอันตรายออกมาทั่วตัว เหมือนดั่งอินทรีย์ที่พร้อมตะครุบเหยื่อตลอดเวลา
ใช่แล้ว! เขากำลังรอหลินอิ่งหาเรื่องอยู่ ขอแค่หลินอิ่งทนกับการถากถางไม่ได้แล้วลงมือ เผยช่องโหว่ออกมา เขาก็จะบุกโจมตี ให้หลินอิ่งขายหน้าในงานเลี้ยงทันที
แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด หลินอิ่งนิ่งสงบดุจสายน้ำ ไม่ไหวติง แต่จดจ้องทุกการกระทำของเขาแทน
“เรื่องนี้…เหมือนว่าฉันก็เคยได้ยินมา เห็นว่าคุณชายสามหลินอิ่งเคยมีช่วงหนึ่งที่ไปเป็นเขยแต่งเข้า คณะกรรมการผู้อาวุโสยังเคยโกรธจัด บอกว่าคนที่ลบหลู่ตระกูลหลินอย่างนี้จะให้กลับตระกูลมาได้ยังไง?”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ? ตระกูลหลินของเราไม่ใช่ว่าไม่มีคนเก่งซะหน่อย ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าคิดยังไง เอาคนอย่างนี้มาเป็นผู้สืบทอด”
“ดูคุณชายสามยังอ่อน แค่เจอกับการถามของคุณชายรองก็ยังไม่กล้าแสดงท่าทีอะไร สภาพการณ์แบบนี้ ดูท่าเขาคงจัดการไม่ได้แน่”
ก็ขณะที่มีคนชักดาบออกมาตั้งตนฝั่งตรงข้ามอยู่นั้นเอง
โต๊ะอื่นในงานก็มีคนตระกูลหลินหลายคนเริ่มซุบซิบนินทา