“อ้อ? นายหาเจอแล้วเหรอ?”หลินอิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามขึ้นด้วยความสนใจ
งานหน้าที่ของเย่เฮย ก็มาจากที่เขาเคยเป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรดำ คุ้นเคยเรื่องภายในของแก๊งมังกรอย่างมาก
หลินอิ่งให้เย่เฮยไปที่จี้โจว เพื่อที่จะให้แอบไปสืบว่าแก๊งมังกรได้ทิ้งแผนอะไรไว้หรือไม่
“ใช่ครับ ผมเจอคนสองคนที่มณฑลจี้โจว จากสายตาของผมแล้ว ไม่ผิดแน่นอน พวกเขาเป็นหัวกะทิขององค์รักษ์มังกรทั้งสองคนเลยครับ”เย่เฮยพูดขึ้นอย่างจริงจัง
หลินอิ่งพูดถามขึ้น”องค์รักษ์มังกร? สาขาไหน?”
“ตกลงองค์รักษ์มังกรสาขาไหนนั้น ผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนั้นลงมือมาก่อน ผมไม่อาจรู้ได้ครับ”เย่เฮยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”แต่สามารถรู้ได้ว่าเป็นองครักษ์มังกรดำและองครักษ์มังกรเขียว”
หลินอิ่งพูดขึ้น”ดีมาก นายสะกดรอยตามต่อไป สืบรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งดี”
เย่เฮยจะต้องรู้จักคนของหัวหน้าองครักษ์มังกรดำแน่นอน ส่วนองครักษ์มังกรเขียวในตอนนี้ได้สร้างความสัมพันธ์กับตัวเองแล้ว ลักษณะเฉพาะก็บอกเย่เฮยไปแล้ว เย่เฮยไม่มีทางปล่อยให้เล็ดลอดจากสายตาไปได้แน่นอน
จี้โจวยังมีองครักษ์มังกรคนอื่นๆที่กำลังปฏิบัติการอยู่?
ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีท่านมังกรทรงเกียรติคอยควบคุมสั่งการอยู่ด้วยสินะ?
นี่มันช่างลึกซึ้งและน่าครุ่นคิดจริงๆ……
“ครับ”เย่เฮยพูดขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม”ท่านจะมาที่จี้โจวตอนไหนครับ? ผมได้รับข่าวจากข้างนอก ต่างบอกว่าท่านจะมาเป็นตัวแทนของตระกูลหลินในการเข้าร่วมการประชุมหกตระกูลลึกลับที่จี้โจว”
“ออกเดินทางวันนี้ พรุ่งนี้ฉันก็จะถึงจี้โจวแล้ว”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“นายกับหวงชิงซานแอบปฏิบัติหน้าที่อย่างลับๆต่อไป รอแผนเตรียมการจากฉัน”
“น้อมรับคำสั่งจากประมุขแก๊งมังกร”เย่เฮยพูดขึ้นด้วยความเคารพนอบน้อม
วางสายลง ดวงตาที่นิ่งลึกของหลินอิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
เรื่องที่จี้โจวในครั้งนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ สำหรับเหตุการณ์ที่จี้โจวในครั้งนี้ เขากำลังเล่นเกมหมากรุกที่ยิ่งใหญ่อยู่ เป้าหมายของเขา ไม่ใช่แค่ตระกูลเผยเพียงเท่านั้น
หลังจากยี่สิบกว่านาทีผ่านไป
กู่ชางไห่ก็ขับรถมาจอดอยู่ด้านหน้าของร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง
หลินอิ่งขึ้นไปที่ชั้นสามของร้านอาหาร
“คุณ คุณชายสาม สวัสดีค่ะ……”
ตอนที่หลินอิ่งเดินมาถึงประตูห้องไพรเวทนั้น หญิงสาวที่ดูร่าเริงห้าวหาญคนหนึ่ง มองหลินอิ่งด้วยความเคารพยำเกรง พร้อมกับทักทายด้วยความสั่นกลัว
หลินอิ่งชำเลืองตามองเล็กน้อย ก่อนจะหันสายตากลับ
คนที่ยืนต้อนรับอยู่ตรงหน้าห้องไพรเวท ก็คือลูกศิษย์ของท่านเฉินเฟิง เหอซานกู
“คุณชายสาม เรื่องที่ตึกชางไห่เมื่อครั้งที่แล้วเป็นเพียงแค่การเข้าใจผิดเท่านั้น เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าท่านกับอาจารย์เคลียร์เรื่องความแค้นกันชัดเจนแล้ว”เหอซานกูก้มหน้าขอโทษ”ครั้งนั้นฉันก็ถูกหลินเซี่ยวทำให้เข้าใจผิดเหมือนกัน ถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือ หวังว่าท่านจะไม่ถือสาฉันนะคะ”
เหอซานกูถูกหลินอิ่งทำให้ตกใจสุดๆตอนที่อยู่ที่ตึกชางไห่ก่อนหน้านี้ ต่อมาพอกลับมาอยู่ต่อหน้าของอาจารย์ ท่านเฉินเฟิง ก็รายงานสถานการณ์แถมเติมน้ำมันใส่ไฟลงไปอีก
ตอนแรกนึกว่าอาจารย์จะกราดเกรี้ยวระเบิดโมโหออกมา คิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะระเบิดโมโหออกมาจริง แต่กลับมาลงที่เธอแทน
หลังจากที่กลับมาจากลังยา อาจารย์ก็ประกาศกับภายในว่า เหอซานจินตายไปก็ไม่สาสมกับความผิดที่ได้ทำ ถูกตัดออกจากหุบเฉินเฟิง ใครก็ห้ามพูดถึงความแค้นนี้เป็นอันขาด
ส่วนคุณชายสามหลินอิ่ง กับเขาก็เป็นเพื่อนต่างชั่วอายุกัน แล้วก็เป็นรุ่นพี่อาวุโสของพวกนายด้วย
ในตอนนั้นเหอซานกูตกใจกับข่าวข้อมูลนี้จนอึ้งตะลึงไป เดิมทีคิดว่าจะอาศัยพึ่งพาอาจารย์เพื่อที่จะแก้แค้นหลินอิ่งระบายความโกรธแค้น แต่ผลที่ได้กลับแม้แต่ท่านเฉินเฟิง ตัวอาจารย์เองก็ดูเหมือนจะเกรงกลัวหลินอิ่งด้วยซ้ำ
“ไปซะ ไป!ไปเอาชามาเสิร์ฟให้คุณชายอิ่งเดี๋ยวนี้!”
ในตอนนี้เอง ท่านเฉินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องไพรเวท พูดสั่งกำชับเหอซานกู
“บุคคลระดับคุณชายอิ่ง จะมาถือสาคิดเล็กคิดน้อยกับคนชั้นล่างแบบเธอหรือไง? อย่ามาทำให้ฉันขายหน้านะ”
“ค่ะ ค่ะ”
เหอซานกูถอยออกไปอย่างนอบน้อมเชื่อฟัง
หลังจากสั่งสอนลูกศิษย์เสร็จแล้ว ท่านเฉินเฟิงก็ยิ้มทักทายหลินอิ่ง พร้อมกับพูดขึ้น”คุณชายอิ่ง เชิญนั่งครับ”
หลินอิ่งเดินเข้าไปในห้องไพรเวทตามปกติ นั่งลงที่ที่นั่งตำแหน่งสูงสุด
ท่านเฉินเฟิงนั่งลงข้างๆ
ไม่นาน เหอซานกูก็ยกน้ำชาเดินเข้ามา พอเห็นอาจารย์ของตัวเองที่มีท่าทางเคารพนอบน้อมต่อหน้าของหลินอิ่งแล้ว ก็หวนนึกถึงสมัยก่อนที่ตัวเองทำตัวเย่อหยิ่งโอหังอย่างไม่รักตัวกลัวตายต่อหน้าหลินอิ่งในตอนนั้น ในใจก็รู้สึกอับอายขึ้นมา
“ที่คุณชายอิ่งมาในครั้งนี้ มีคำสั่งอะไรหรือครับ?”หลังจากที่เหอซานกูออกไปแล้ว ท่านเฉินเฟิงก็มองหลินอิ่ง พร้อมกับพูดถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
หลินอิ่งสีหน้านิ่งเฉย ยกแก้วชาขึ้นมาสักพัก ก่อนจะจิบไปหนึ่งคำ
“คุณชายอิ่ง ผมได้ยินมาว่าแม่เฒ่าตระกูลหลินให้ท่านไปเข้าร่วมการประชุมของหกตระกูลลึกลับที่จี้โจวด้วยกันกับคุณชายใหญ่หลินเซวียน”
ท่านเฉินเฟิงค่อยๆพูดขึ้น”คุณชายมาที่จี้โจว ต้องการมามอบหมายผมให้ไปย้ายไปใช่ไหม?”
“ผมก็พอมีเส้นสายความสัมพันธ์ที่จี้โจวอยู่เหมือนกัน มีลูกศิษย์อยู่ข้างกายอยู่บ้าง สามารถไปทำงานเล็กๆน้อยๆให้กับคุณชายได้อยู่”ท่านเฉินเฟิงพูดประจบประแจง
“นายไม่ต้องไปจี้โจวแล้ว”หลินอิ่งวางแก้วชาลง พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”ฉันมีแผนการของฉัน”
“ที่ฉันมาในวันนี้ เพื่อมามอบหมายให้นายอยู่ที่ชางโจวต่อไป รอคำสั่งของฉันทุกเมื่อ”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ!น้อมรับแผนการของคุณทั้งหมดครับ”ท่านเฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ยื่นมือมานี่”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
พอได้ฟังแบบนั้น ท่านเฉินเฟิงก็สีหน้าตกใจ รีบลุกขึ้นทันที ยื่นแขนซ้ายออกไป
ตอนแรก ส่วนที่หลินอิ่งสกัดจุดไว้ก็คือมือซ้ายที่ใช้ดาบของเขา
ทำให้เส้นการไหลเวียนของเลือดที่มือซ้ายของเขาแทบจะถูกสกัดจุดไว้ทั้งหมด ไม่สามารถออกแรงได้ สูญเสียพลังไปอย่างมาก
หลินอิ่งนิ้วเริ่มขยับ ฝ่ามือเร็วดั่งสายฟ้า กดลงไปที่ข้อมือของท่านเฉินเฟิงอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่กดจะมีพลังชี่กังพุ่งออกมา ทำให้ข้อต่อของท่านเฉินเฟิงเกิดเสียงดังหวึ่งๆๆ
หลังจากลมหายใจสามเฮือกผ่านไป
หลินอิ่งดึงมือกลับมา ยกชาขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ
“คลายจุดการไหลเวียนเลือดลมของนายไปส่วนหนึ่งแล้ว ถ้านายอยากที่จะฟื้นฟูกลับไปถึงจุดสุดยอด ก็ต้องดูว่านายจะทำผลงานออกมายังไง”
ท่านเฉินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก สีหน้าดีใจ ก้มหน้าพูดขึ้นอย่างเคารพ”คุณชายอิ่งวางใจได้ครับ ถ้าเป็นคำสั่งของคุณ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟผมก็จะไม่ลังเลเลย”
เขารู้สึกว่า ที่หลินอิ่งทำในตอนนี้ อย่างน้อยก็ให้เขาฟื้นฟูพลังกลับมายี่สิบเปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆก็คือประหยัดงานหนักไปได้สักพักใหญ่เลย
จากอายุขนาดนี้ของเขาแล้ว ถ้าอยากที่จะฟื้นฟูบูโด แทบจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานก็ไม่สามารถช่วยได้
ใครเป็นคนทำคนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้ไข เรื่องนี้ ต้องเป็นหลินอิ่งคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
“แค่นี้ก่อนแล้วกัน ฉันมีเรื่องที่ต้องทำ”
หลินอิ่งลุกขึ้นยืน
ท่านเฉินเฟิงเดินไปส่ง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม”ขอส่งคุณชายอิ่งครับ ผมขอให้คุณชายอิ่งประสบความสำเร็จที่จี้โจวนะครับ”
ช่วงค่ำวันนี้ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งบินออกจากสนามบินชางโจว มุ่งตรงไปยังจี้โจว