“คุณ…หู…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเจ้าเล่ห์ หลายปีที่ไม่ได้พบเจอกัน รวมกับการเจอเขาสองครั้งที่แยกกันแบบไม่สวย จนอาจเรียกได้ว่าสถานการณ์ตึงเครียด แม้ว่าครั้งนี้จะดูผ่อนคลายลงบ้าง แต่อยากจะเรียกเขาว่าพ่อมันก็ยังยากอยู่ดี
“พ่อไม่สนใจหรอกว่าลูกจะเรียกพ่อว่าอะไร” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“ผ้าม่านเพิ่งซักไปเดือนที่แล้วเองนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนขยับนิ้วมือและยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ซักอีกสักรอบแล้วกัน” หูชีเยี่ยนพูดอย่างสบายใจ
“แต่…ผ้าไหมไม่ทนต่อการล้างทำความสะอาดนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนใช้สมองครุ่นคิดหาข้ออ้าง ถ้าไม่คำนึงถึงจ่านป๋าาย ก็ต้องคำนึงถึงผ้าม่านสุดสวยของเธอด้วย นับตั้งแต่เธอตกหลุมรักงานปักฝีมือราคาแพง ฉินเฮ่าก็คิดไอเดียแผลงๆ ให้เธอเปลี่ยนผ้าม่านเป็นแบบผ้าไหมปัก สวยน่ะสวยจริง แต่มันไม่ทนทานต่อการซักล้าง อีกทั้งยังซักลำบาก
ถ้าเป็นผ้าม่านทั่วไปเธอจะส่งให้ร้านซักอบแห้งเป็นคนจัดการ ถ้าให้จ่านป๋ายซักจริงๆ เกรงว่าต้องถึงเวลาที่ได้เปลี่ยนผ้าม่านใหม่แล้ว
“หากซักแล้วพังพ่อจะชดใช้ให้” หูชีเยี่ยนหัวเราะออกมาแห้งๆ
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ถ้าพูดอีกอย่างก็คือเขาน่าจะไม่ถูกชะตากับจ่านป๋าย!
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ลูกยังไม่นอนอีกเหรอ?” หูชีเยี่ยนมองไปยังนาฬิกาแขวนผนัง
“คุณก็แก่แล้วแต่ก็ยังไม่นอนนี่คะ ฉัน…” ซีเหมินจินเหลียนเปื้อนยิ้ม
“ลูกไม่ต้องสนใจพ่อหรอก” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อชอบนอนดึก”
จ่านป๋ายที่ออกแรงเช็ดพื้นอยู่ก็ได้แต่บ่นพึมพำในใจ ชอบนอนดึก? ถ้าอย่างนั้นก่อนหกโมงเช้าเขาคงไม่มีทางลุกขึ้นจากเตียงได้หรอก ในเมื่อเป็นอย่างนี้ยังจะให้เขาตื่นมาเคี่ยวโจ๊กก่อนหกโมง เพื่อเตรียมมื้อเช้าอีกทำไมกัน?
แต่ระวังไว้ก่อนก็ดี ใครจะไปรู้ว่าก่อนหกโมงเช้าเขาอาจจะตื่นขึ้นมากินโจ๊กสักชาม จากนั้นค่อยกลับไปนอนพักต่อก็ได้
“พ่อจะเข้าไปชมหยกของลูกหน่อยได้หรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนถาม “ถ้าลูกยังไม่นอน” เห็นซีเหมินจินเหลียนไม่มีทีท่าว่าจะนอน เขาจึงถามอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนและพาไปโกดังข้างๆ ที่เก็บหินหยกไว้อยู่ เพราะอย่างไรจากความสามารถของหูชีเยี่ยน เขาก็คงไม่มีทางขโมยหยกของเธอ
“ฉันเกือบลืมไปแล้ว ขอบคุณคุณที่ส่งหินหยกดิบมาให้ฉันนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“อ้อ?” หูชีเยี่ยนพูด “ลูกชอบก็ดีแล้วล่ะ”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกริ่ม ในใจแอบพูดว่า คุณปั่นหัวฉันเล่น จนฉันเสียใจตั้งหลายวันเลยนะคะ
หูชีเยี่ยนมองหยกในห้องใต้ดินที่วางอยู่ให้เห็นเต็มไปหมด รวมไปถึงหินหยกดิบที่ยังไม่ได้ผ่าออกมา จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เลวนี่”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกผิดหวังในใจ หินหยกหลากสีที่เธอสะสมด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษ ในสายตาของเขาก็เป็นแค่ประโยคเรียบง่ายที่พูดออกมาว่า…ไม่เลวเนี่ยนะ?
แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของเขาเมื่อสักครู่แล้ว ควบคุมการส่งออกของหินหยกดิบที่พม่า และฟังจากน้ำเสียงที่เขาพูด เหมือนว่างานประมูลหินหยกใต้ดินที่พม่าครั้งนี้จะอยู่ในการควบคุมของเขา ขอแค่เขาเต็มใจ แน่นอนหินหยกที่เขาสะสมคงต้องมีมากกว่าเธอ และสวยกว่าของเธอแน่ คิดถึงเท่านี้เธอก็ใจชื้นได้บ้าง
“ก้อนนี้ลูกเตรียมจะทำอย่างไรกับมัน” หูชีเยี่ยนมองไปที่หยกเนื้อแก้วสีเขียวสดขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดเปลือกหินได้ไม่นาน “ดูจากขนาดแล้วใช้ได้เลย ถ้าทำเป็นของตกแต่งขนาดใหญ่คงสวยน่าดู”
“ฉันคิดจะทำเป็นโถไว้ใส่ของค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกะพริบขนตางอนยาวและยิ้มบางๆ
“อ้อ?” หูชีเยี่ยนรู้สึกแปลกใจ มองไปที่หินหยกดิบก้อนนั้นอยู่นานจึงยิ้ม “ความคิดไม่เลว แล้วหินราชางูล่ะ? ไหนจะราชาหยกอีก? พ่ออยากจะดูหน่อย”
“ฉันจะให้เสี่ยวป๋ายย้ายออกมาให้คุณดูแล้วกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนเรียกจ่านป๋ายให้ช่วยย้ายหินราชางูกับราชาหยกออกมาจากตู้เซฟนิรภัย
หูชีเยี่ยนมองไปที่หินราชางูนั้น แต่ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจถึงขนาดหูหวังที่จ้องมองหินราชางูอยู่นานครึ่งค่อนวัน ซีเหมินจินเหลียนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเขากับงูในราชาหินดูแล้วให้ความรู้สึกตาใหญ่จ้องมองตาเล็ก จึงกลั้นหัวเราะออกมาไม่ได้
“ลูกหัวเราะอะไร?” หูชีเยี่ยนหันหน้ามาถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกลบเกลื่อน “อย่างไรคุณก็จะพักอยู่ที่นี่สักระยะอยู่แล้ว ถ้าชอบก็ดูได้ตามสบายเลยค่ะ”
“ดูมันแล้วก็รู้สึกสะอิดสะเอียน” หูชีเยี่ยนพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ “พ่อก็เกลียดงูเป็นที่สุด!”
“มันสวยมากนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด ไม่รู้ว่าเธอเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า เมื่อสักครู่ตอนที่หูชีเยี่ยนบอกว่าเขาเกลียดงูเป็นที่สุด ดวงตาคู่ใหญ่ของงูตัวนั้นก็กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา…เหมือนดั่งหญิงสาวที่ใสซื่อไม่มีพิษมีภัย
หูชีเยี่ยนเอื้อมนิ้วมือยาวๆ ทำท่ากะสัดส่วนของหินหยกราชางู “ใช้มีดตัดลงจากตรงนี้…”
“อย่านะคะ…” ซีเหมินจินเหลียนตกใจขึ้นมาในทันที ตามององศาที่เขาทำท่าลงมีดไปนั้นก็ช่างประจวบเหมาะตรงกับเจ็ดนิ้วนับจากหัวของหินราชางูพอดิบพอดี และทำให้มันแยกออกเป็นสองส่วน นี่มันป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
“ลูกไม่รู้สึกว่าถ้าผ่ามันออกมาดูแล้วจะสนุกมากเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้มชั่วร้าย
“แต่…” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ความคิดของเขามันดูบ้าเกินเหตุ
“นี่เป็นหยกที่หายากบนโลกก้อนหนึ่ง ถ้าคุณผ่าลงไปแบบนั้นหยกก้อนนี้ได้พังหมดพอดี!” จ่านป๋ายทนดูไม่ได้รีบพูดแทรก
“นายถูพื้นเสร็จแล้วเหรอไง?” หูชีเยี่ยนหันหน้าเข้ามาถาม
จ่านป๋ายจึงได้ปิดปากลงอย่างว่าง่าย ส่วนหูชีเยี่ยนเองก็จ้องมองหินราชางูอยู่นานสองนาน ใช้มือทำท่าทำทางเหมือนกำลังคิดว่าจะลงมีดผ่าจากตรงไหนดีถึงจะเหมาะสม ทำให้ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายที่มองอยู่รู้สึกกลัวจนใจเต้นรัว ส่วนหินราชางูที่น่าสงสารตัวนั้นก็ดูหดตัวสั่น…
ซีเหมินจินเหลียนเริ่มเป็นห่วงชะตาชีวิตของหินราชางูตัวนี้เข้าแล้วสิ เขาคงไม่ได้เตรียมที่จะผ่ามันจริงๆ ใช่ไหม?
“เลือกวันที่ฤกษ์งามยามดี แล้วพวกเราผ่ามันซะ!” หูชีเยี่ยนพูด “แล้วแปรรูปเป็นเครื่องประดับเอาไปขาย ดูว่างูข้างในยังสดใหม่อยู่หรือเปล่า ถ้ายังสดอยู่พวกเราก็จัดการตุ๋นเป็นซุปเสีย บำรุงร่างกายไว้ก่อนหน้าหนาวจะมา นี่มันก็ดีเหลือเกิน! จินเหลียน ฝีมือตุ๋นซุปไก่ฟ้ากระดูกดำหรือซุปงูของพ่อก็เป็นที่หนึ่งเลยนะ ลูกอยากจะลองชิมหรือเปล่า?”
ซีเหมินจินเหลียนเหงื่อท่วมตัว ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย? ผ่าหินราชางูออกมาแล้วเอางูออกมาตุ๋นซุปเหรอ? เรื่องวิปริตแบบนี้ ในโลกนี้นอกจากหูชีเยี่ยนแล้วเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าพูดออกมา
จากที่เธอกับสวี่อี้หรานคาดการณ์ไว้ งูในหินหยกราชางูตัวนี้น่าจะยังมีชีวิตอยู่ และยังสดใหม่อยู่แน่นอน!
“คุณหูครับ งูตัวนี้น่าจะมีพิษหรือเปล่าครับ?” จ่านป๋ายศีรษะชุ่มไปด้วยเหงื่อ เรื่องบ้าบอแบบนี้ เขาคิดออกมาได้อย่างไร
“จินเหลียนไม่ได้บอกนายเหรอว่าฉันไม่กลัวพิษ?” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “เพราะอย่างนั้นนายก็อย่าคิดที่จะใส่อะไรไปในอาหารเชียวล่ะ”
เดิมทีจ่านป๋ายคิดไว้ว่าจะไปซื้อสลอดกลับมา จากนั้นก็ใส่ไว้ในอาหาร แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตัวเ**่ยวแห้งลง…เขาไม่กลัวพิษเหรอ? นี่เขาเป็นคนประเภทไหนกัน?
“ที่นี่ยังมีไข่งูอีกฟอง เช่นนั้นก็ต้มไปพร้อมกันเลย!” หูชีเยี่ยนยังไม่คิดที่จะหยุด ไม่นานเปลี่ยนจุดเพ่งเล็งไปที่ราชาหยก
“คุณหูคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันจะไปนอนแล้วค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็รีบเดินออกไปจากห้องใต้ดินก่อนคนแรก จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบน หากคุยเรื่องนี้กับเขาต่อไป ไม่แน่เขาอาจจะผ่าหินราชางูตอนนั้นจริงๆ ก็ได้
หูชีเยี่ยนยิ้มกริ่ม ครุ่นคิดในใจ ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องทำลายหยกราชางูให้สิ้นซาก ในระหว่างที่เดินออกจากห้องใต้ดินนั้น เขาก็หันหลังกลับมามองหินราชางูอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่มาได้ตั้งหลายปี กินเข้าไปจะให้ความรู้สึกอย่างไร?
จ่านป๋ายรีบนำหินราชางูกับราชาหยกย้ายไปเก็บในตู้เซฟนิรภัย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องใต้ดิน เขาเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนเดินขึ้นด้านบนไปแล้ว
“เอากุญแจมาให้ฉันสักดอกสิ” หูชีเยี่ยนพูดกับจ่านป๋าย
“ผมไม่มีครับ คุณน่าจะไปขอที่จินเหลียนมากกว่า” จ่านป๋ายแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ไม่มีก็จัดการหามาให้ฉันสักดอก!” หูชีเยี่ยนนั่งบนโซฟา “ฉันจะรอนาย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายจะทำอะไร?”
“ถ้าคุณจัดการกินหินราชางูจริงๆ จินเหลียนก็ไม่มีทางไว้ชีวิตคุณแน่!” จ่านป๋ายมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเอากุญแจให้เขา พระเจ้า! คนส่วนมากยินดีที่จะได้ครอบครองหินราชางู เพราะว่ามันเป็นหยกที่หายากชิ้นหนึ่ง มีมูลค่ามหาศาล แต่อยากจะผ่าหินราชางูออกมาเพื่อดูว่ามันสดหรือเปล่า แล้วค่อยคิดที่จะต้มกินนั้น คนบนโลกนี้คงมีแค่เขาคนเดียวที่คิดแบบนี้
“หรือว่านายไม่สงสัย?” หูชีเยี่ยนถาม
“ผมก็สงสัย” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ตอนที่เห็นหินหยกก้อนนี้ ก็มีความอยากรู้เต็มไปหมดว่าข้างในจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือว่านี่จะเป็นของอะไร แต่จินเหลียนไม่ยอมให้ผมผ่าออกมา…”
“ฉันจะคิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมเธอเอง” หูชีเยี่ยนพูด “เอากุญแจมาให้ฉัน ฉันรับปากว่าถ้าเธอไม่ตกลง ฉันก็จะไม่มีทางผ่าหินหยกราชางูก้อนนั้นด้วยตัวเองเด็ดขาด”
“แล้วก็ราชาหยกด้วยนะครับ!” จ่านป๋ายรีบแก้ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ของเขา
“แน่นอน!”
จ่านป๋ายถอนหายใจออกมา ก่อนจะนำกุญแจ รหัส รวมถึงทำให้เครื่องจดจำลายนิ้วมือส่งให้เขา และพูดว่า “คนอย่างคุณก็เป็นภัยพิบัติจริงๆ”
“ฉันกลายเป็นภัยพิบัติได้อย่างไร?” หูชีเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจ “ก็แค่หินก้อนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อ…” จ่านป๋ายที่เดิมทีคิดอยากจะพูดว่ามันเป็นสิ่งของล้ำค่า แต่เมื่อย้อนคิดกลับไป สำหรับหูชีเยี่ยนแล้ว หินที่แปลกประหลาดตั้งมากมายเขาก็มีเยอะ นี่คงไม่ใช่ของมีค่าอะไร
“โลกมนุษย์ไม่ต้องการสิ่งมหัศจรรย์มากมายหรอก” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “โดยเฉพาะเรื่องจำพวกปีศาจ! มนุษย์ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะครอบครองสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ทั้งหมดและกินทุกอย่าง!”
“คุณไปพูดกับจินเหลียนเองเถอะครับ ผมคงห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ในอนาคตคุณอยากจะหาหมีแพนด้ามาต้มน้ำแดงสักตัวไหมล่ะครับ?” จ่านป๋ายหมดอารมณ์จะพูด
“สัตว์พวกนั้นน่ารักกว่างูตั้งเยอะ” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ฉันน่าจะลองคิดให้จินเหลียนเลี้ยงสัตว์สักตัวนะ นี่มันก็น่าสนใจกว่าเลี้ยงขโมยอีก!” เมื่อพูดจบเขาก็ไพล่สองมือไว้ข้างหลังแล้วเดินขึ้นไปด้านบน
จ่านป๋ายได้ยินแล้วปากกว้างตาค้างอยู่นานถึงเรียกสติกลับมา “คุณหู…”
“มีเรื่องอะไร?” หูชีเยี่ยนยืนอยู่บนบันไดและตะโกนถามขึ้น
“เห็นแก่ความดีที่ผมให้กุญแจคุณ ผมไม่ซักผ้าม่านได้ไหมครับ หรือไม่ก็ส่งไปให้ร้านซักแห้งก็ได้ เดี๋ยวผมออกเงินเอง?” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อนๆ
“อ้อ…โอเค ช่างเถอะ เห็นแก่กุญแจแล้วกัน!” หูชีเยี่ยนพยักหน้าและเดินขึ้นไปข้างบน
เดิมทีคิดว่าการที่ลุงหูท่านนี้มาตนเองจะโชคร้ายและน่าสงสารที่สุดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่โชคร้ายที่สุดก็คือหินราชางู…หูชีเยี่ยนเหมือนไม่ได้พูดล้อเล่น เขาก็ดูอยากจะกินหินราชางูจริงๆ!