บริกรนำทางซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมาถึงที่หน้าประตูตึกเย่ว์ฮวา ก็เห็นจ่านมู่ฮวาออกมาต้อนรับ
“ฮะ…ทำไมนายถึงได้มีสภาพอนาถแบบนี้?” จ่านป๋ายมองไปบนเรือนร่างที่อาบไปด้วยคราบเลือดกระจายไปทั่ว ก็ได้แต่ยิ้มออกมา แต่ดูแล้วไม่น่ามีอะไรร้ายแรงก็แค่แผลถลอกเท่านั้น
จ่านมู่ฮวากลอกตาใส่เขา ไม่ได้พูดอะไร เอื้อมมือไปประคองซีเหมินจินเหลียน “จินเหลียน มา…ระวังหน่อย”
ซีเหมินจินเหลียนเห็นข้อมือของเขามีร่องรอยถูกเชือกรัด ก็ยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก แล้วถามไปว่า “เล่นกันท่าไหนล่ะเนี่ย?”
“คุณหูบอกว่าอยากเจอพ่อของผม ผมเลยนัดมาที่นี่ พอรู้ว่าพวกคุณอยู่ที่นี่เลยเชิญพวกคุณเข้ามาด้วย” จ่านมู่ฮวาอธิบายอย่างระมัดระวัง
“คุณหูอยากเจอพ่อทำไมกัน?” จ่านป๋ายที่เดิมทีเตรียมตัวจะขึ้นไปด้านบน ได้ยินเข้าจึงชะงักฝีเท้าถาม
“ฉันไม่รู้” จ่านมู่ฮวาตอบไปตามตรง เขาก็ไม่รู้จริงๆ แม้จะแอบทายอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกจ่านป๋าย
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ขึ้นไปรอเถอะ พ่อของคุณยังไม่มาใช่ไหม”
“ยังไม่มาหรอก แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ” จ่านมู่ฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าลง ใบหน้าที่กระอักกระอ่วนมองเห็นจ่านมู่ฮวากำลังยิ้มอยู่ จ่านมู่ฮวาเห็นเธอยิ้มจึงทำตัวไม่ถูก ถามออกไปว่า “จินเหลียน มีอะไรเหรอครับ”
“พ่อของคุณจะมา คุณ…ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แล้วก็หายาทาที่หน้าด้วยนะ”
จ่านป๋ายที่เดินอยู่ข้างหน้า ได้ยินจึงหยุดฝีเท้าลงหันไปมองจ่านมู่ฮวา “ถึงจะทายาไปก็อำพรางบาดแผลไว้ไม่มิดหรอก แต่หลังจากนี้คงต้องบอกคุณหูว่าอย่าตีที่ใบหน้าเขา เพราะเขายังต้องแสดงหนังเรื่องหินปิดฟ้าของเทพธิดาหนี่วาอยู่!”
“ไม่เป็นไร” ในระหว่างที่พูด จ่านมู่ฮวาก็ยื่นมือไปประคองซีเหมินจินเหลียนอีกครั้ง
“นายจะพูดก็พูดไป อย่าแต๊ะอั๋งพร่ำเพรื่อ!” จ่านป๋ายหมดอารมณ์จะพูดอย่างไม่พอใจ
ซีเหมินจินเหลียนขี้เกียจจะพูดอะไรออกมา พวกเธอเพิ่งขึ้นไปถึงด้านบนก็ได้ยินเสียงหูชีเยี่ยนเรียกขึ้นว่า “จินเหลียน เข้ามานั่งนี่!”
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปนั่งลงข้างเขาและถามขึ้นด้วยความสงสัย “พ่อคะ พ่อเรียกคุณจ่านมาทำอะไรเหรอคะ?”
“มาคิดบัญชีเก่ากับเขานิดหน่อย” หูชีเยี่ยนพูดพลางมองไปที่จ่านมู่ฮวากับจ่านป๋าย
“พ่อรู้จักกับเขามาก่อนเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนแคลงใจ “ทำไมหนูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“เรื่องที่ลูกไม่รู้ยังมีอีกมาก” หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “เรื่องพวกนี้เป็นเพราะย่าของลูกก่อขึ้นมาทั้งนั้น…หญิงแก่ความคิดนกกระจอกเทศอย่างเธอ ก่อเรื่องวุ่นวายไม่หยุด ตามกวาดเก็บไม่ทัน ได้แต่ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ไปวันๆ”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ก่อเรื่องขึ้น ตามเก็บไม่ทัน นอกจากหลบซ่อนแล้วจะทำอะไรได้อีก เธอกลับไม่คิดว่าคุณย่าจะทำอะไรไม่ถูกต้อง
“แต่พ่อทำไม่ได้!” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “เรื่องพวกนี้ถ้าพ่อไม่ตามเก็บ พ่อคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ!” ในขณะที่พูดเขาก็มองไปทางจ่านมู่ฮวา “ยังเหลืออีกสองนาที ถ้าจ่านอิ๋นไม่มา ฉันจะเริ่มจากนายก่อนเลย”
“คุณหูครับ พ่อใกล้จะมาถึงแล้วครับ ขอให้ท่านอดทนรอก่อนเถอะครับ!” จ่านมู่ฮวารีบพูด
เพิ่งพูดได้ไม่ทันไร บริกรเดินพรวดพราดเข้ามาและพูดกับจ่านมู่ฮวาเสียงเบาว่า “นายท่านมาแล้วครับ!”
จ่านมู่ฮวาพยักหน้าน้อยๆ บริกรเพิ่งถอยออกไปไม่นาน จ่านอิ๋นเดินขึ้นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หูชีเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมามองจ่านอิ๋นอย่างเยือกเย็น ในเวลาเดียวกันจ่านอิ๋นเองก็กวาดสายตามองเขา
“มู่ฮวา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จ่านอิ๋นมองรอยบาดแผลบนตัวของจ่านมู่ฮวา พลันขมวดคิ้วถาม ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เพ่งมองไปที่หูชีเยี่ยนคนเดียว แม้จะแกล้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะร้อนอกร้อนใจ คนคนนี้…คือหูชีเยี่ยนจริงๆ น่ะหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“คุณหูท่านนี้อยากจะพบพ่อ!” จ่านมู่ฮวาไม่ค่อยรู้เรื่องในอดีตเท่าไหร่ ได้แค่บอกเล่าความจริงไป ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างจ่านป๋ายกับจ่านอิ๋นก็ร้ายแรงกันตั้งแต่ต้น เห็นจ่านอิ๋นไม่สนใจเขา เขาก็แค่มองเขาผ่านๆ ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา
“คุณหูเหรอ?” ใบหน้าของจ่านอิ๋นยกยิ้มขึ้นมา “เหมือนพวกเราจะไม่ได้รู้จักกันนะครับ ไม่ทราบว่าคุณอยากเจอผม มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?”ในระหว่างทางที่มาเขาคิดแผนรับมือมาไว้หมดแล้ว ไม่สนว่าคนคนนี้จะเป็นหูชีเยี่ยนหรือไม่ หนทางเดียวที่เขาจะทำก็คือแกล้งเป็นไม่รู้จัก จากนั้นค่อยให้คนตามสืบตัวตนของเขาให้ชัดเจน ถ้าเขาเป็นคนคนนั้นจริงๆ ก็อย่าโทษว่าเขาใจดำอำมหิตแล้วกัน
“จริงเหรอ?” หูชีเยี่ยนไม่ได้อารมณ์พุ่งพล่าน “พวกเราไม่รู้จักกันแน่นะ?” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นนิ่งเย็น
“พ่อครับ คุณหูท่านนี้คือพ่อของคุณซีเหมิน!” จ่านมู่ฮวาเจตนาพูดอธิบาย
“โอ้?” จ่านอิ๋นรีบพูด “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง? ผมก็ว่าผมไม่รู้จักคุณหูสักหน่อย คุณหู คุณเรียกหาผมเพื่อที่จะคุยเรื่องการแต่งงานของจินเหลียนกับมู่ฮวาเหรอครับ”
“การแต่งงาน?” หูชีเยี่ยนกลอกตาขาวใส่เขา “ใครยินยอมเหรอ”
“หรือจินเหลียนไม่เคยพูดกับคุณเหรอครับ? เอ๋ แปลกจริง…ผู้หญิงนี่นะหน้าบาง!” จ่านอิ๋นหัวเราะหึๆ “ลูกสาวสุดที่รักของคุณกับลูกชายของผมช่วงนี้กำลังปลูกต้นรักอยู่ คุณลองดูสิ เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก พื้นเพตระกูลจ่านของพวกเราก็ร่ำรวยมั่งคั่ง ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนอาหารเครื่องนุ่งห่ม ถ้าหากคุณไม่ขัดข้อง พวกเราน่าจะลองนั่งคุยกันเรื่องการแต่งงานนะครับ?”
“จ่านอิ๋น นายทำตัวปีนขึ้นกระบอกไม้ไผ่แบบนี้ได้เก่งจริงๆ นะ” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “ฉันจะบอกกับนายแค่ประโยคเดียว อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีที่สุด ข้อตกลงในตอนนั้นตระกูลจ่านของนายปฏิบัติตามกฎหรือเปล่าล่ะ?”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหูพูดถึงเรื่องอะไร” ในใจของจ่านอิ๋นสั่นสะท้าน ที่แท้เขามาก็เพราะเรื่องนี้ “ถ้าคุณหูอยากจะพูดเรื่องงานแต่งงานของคุณซีเหมินกับคุณชายตระกูลจ่านของเรา คนอย่างจ่านอิ๋นก็ยินดีเหลือเกิน ส่วนเรื่องอื่นผมว่าปล่อยมันไปเถอะครับ”
“ดีนี่!” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “จินเหลียน พวกเราไปกันเถอะ!” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ลุกยืนขึ้นเดินตามหูชีเยี่ยนไป จ่านป๋ายเองก็รีบเดินตามข้างหลังเขา จ่านอิ๋นเหล่มองจ่านป๋ายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
บนรถซีเหมินจินเหลียนอยากจะถามหูชีเยี่ยนว่าเขากับจ่านอิ๋นว่ามีความแค้นอะไรต่อกัน แต่เห็นอารมณ์ของหูชีเยี่ยนย่ำแย่สุดๆ หลับตาทำสมาธิ ดังนั้นเธอเลยเลือกที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
หลังจากกลับมาบ้าน เวลาก็ดึกมากแล้ว ซีเหมินจินเหลียนกับหูชีเยี่ยนพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่ถึงกี่ประโยค รู้ว่าเขากินข้าวเย็นแล้ว ทันใดก็แยกย้ายกลับห้องไปพักผ่อน
เช้าวันถัดมา ระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังนอนอยู่นั้น จู่ๆ มีเสียงโทรศัพท์มือถือโทรมาปลุก ทันใดนั้นเธอก็สะลึมสะลือควานหาโทรศัพท์ใต้หมอนและกดปุ่มรับ…
“จินเหลียน ผมเอง…” เสียงของจ่านมู่ฮวามีความกระวนกระวายหวาดกลัว
“อืม…” ซีเหมินจินเหลียนสะลึมสะลือถามออกไป “เช้าขนาดนี้ คุณมีอะไรหรือเปล่า”
“จินเหลียน พ่อของผมใกล้จะไม่ไหวแล้ว ขอร้องคุณล่ะ…คุณหูอยู่หรือเปล่า?” จ่านมู่ฮวากระวนกระวาย
“ห๊ะ…” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วตกใจตื่นลุกขึ้นนั่งบนเตียงพรวดพราด “คุณว่าอะไรนะ?”
“พ่อผมอาการแย่ คุณหูอยู่หรือเปล่า” จ่านมู่ฮวาถามอีกรอบ
“พ่อของคุณเป็นอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ทันได้สติกลับมา พ่อเขาอาการแย่ ก็น่าจะไปหาหมอสิ หากไม่มีทางที่จะเยียวยารักษาจริงๆ ก็ต้องไปซักถามหาสถานที่ตั้งศพมากกว่าจะมาตามหาหูชีเยี่ยนไหม!
ในสายโทรศัพท์ จ่านมู่ฮวานิ่งอยู่นานถึงพูดขึ้น “เมื่อวานผมพักอยู่ที่คลับหยก วันนี้ตอนหกโมงเช้า ที่บ้านโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าพ่อ..ยังไงก็เถอะ หลังจากที่ผมกลับไปดูอาการแล้ว ท่านก็ปวดท้องหนัก ส่งเสียงอวดครวญไม่หยุด แถมยังบอกว่าอยากจะเจอหูชีเยี่ยนอีก…”
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้วก็รีบพูดขึ้น “ในเมื่อปวดท้องคุณก็น่าจะรีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาลสิ! เจ็บป่วยก็ต้องรักษา ถึงจะไม่ป่วยก็ต้องให้หมอตรวจดู พ่อของฉันก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องวิชาแพทย์สักหน่อย ถ้าไม่รู้จะทำยังไง คุณก็ลองเรียกสวี่อี้หรานหมอมองโกลคนนั้นก็ได้ ฝีมือแพทย์ของเขาไม่เลวเลย!”
จ่านอิ๋นปวดท้อง แล้วอยากจะเจอพ่อของเธอทำไมกัน? นี่มันจริงๆ เลย! ซีเหมินจินเหลียนพูดพลาง อีกด้านก็พลิกตัวล้มลงบนเตียง คิดว่าเรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ปวดท้องเองไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะกินอะไรผิดสำแดงจนท้องเสียก็ได้ ไปเข้าห้องน้ำก็ได้แล้ว หรือไม่ก็อาจจะไส้ติ่งอับเสบ?
เช้าตรู่ถูกคนมาปลุกให้ตื่นจากฝัน มองดูนาฬิกาก็เห็นว่ายังไม่เจ็ดโมงดี เธอจึงหลับตาลงอีกครั้ง กอดน้องหมีและนำหัวเข้าไปซุกบนตัวของน้องหมีแสนน่ารัก เตรียมตัวที่จะหลับต่อ
ในขณะที่เธอกำลังหาท่านอนให้สบายตัวอยู่นั้น ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ยังคงเป็นสายจากจ่านมู่ฮวา ซีเหมินจินเหลียนรับโทรศัพท์แล้วพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว “จ่านมู่ฮวา ฉันจะนอน ถ้าไม่มีธุระอะไรอย่ามารบกวนฉัน!”
“พ่อผม…” จ่านมู่ฮวาร้อนใจ
“รีบพาพ่อของคุณไปโรงพยาบาลสิ!” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูด “ปวดท้องแล้วจะโทรมาหาฉันทำไม?”
“พ่อผมไม่ได้ป่วย นำตัวส่งโรงพยาบาลก็ไม่มีประโยชน์อะไร! ภายในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงเขาจะรู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายประมาณสิบห้านาที เวลาอาการกำเริบจะชักไปทั้งตัว เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาบอกว่า…เขาอยากเจอคุณหู…” จ่านมู่ฮวาก็ไม่รู้จะพูดอธิบายอย่างไรเธอถึงจะเข้าใจ จ่านอิ๋นบอกกับเขาว่าเขาไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะหูชีเยี่ยนเล่นตุกติกบางอย่าง
อีกอย่างแพทย์ประจำตระกูลของบ้านเขาก็มาตั้งหลายท่านแล้ว ต่างหาข้ออธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ ยาแก้ปวดตัวดังๆ ราคาแพงๆ ก็ไม่ได้ผล ทุกหนึ่งชั่วโมงเวลาสิบกว่านาทีนั้น สำหรับจ่านอิ๋นก็เหมือนการทรมานตัวเองอย่างโหดเ**้ยม
ถ้าไม่จำเป็น จ่านมู่ฮวาก็ไม่อยากจะเจอหูชีเยี่ยนปีศาจร้ายคนนั้นอีก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะปฏิเสธ จึงจำใจต้องยอมติดต่อหาซีเหมินจินเหลียน
“พ่อของฉันน่าจะอยู่ที่บ้าน เวลานี้เขาคงไม่ได้ออกไปไหน ถ้าคุณอยากเจอเขาก็เข้ามาที่นี่เองเถอะ ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่รู้จักสักหน่อย!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เอ่อ…” ความตั้งใจเดิมของจ่านอิ๋นก็คืออยากจะให้ซีเหมินจินเหลียนช่วยพาหูชีเยี่ยนมาที่บ้านตระกูลจ่าน แต่เห็นชัดเจนว่าซีเหมินจินเหลียนไม่อยากขยับไปไหน
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นอีกเดี๋ยวผมจะเข้าไป!” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าลึก “จินเหลียน อีกเดี๋ยวขอร้องให้คุณช่วยพูดต่อหน้าพ่อของคุณสักประโยคหน่อยได้ไหม ให้เขาช่วยไปถอนความเจ็บปวดของพ่อผมที…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วหลุดหัวเราะออกมา “จ่านมู่ฮวา คุณคิดว่าพ่อของฉันเป็นคนประเภทไหนกัน เทพเซียนเหรอ? พ่อของคุณปวดท้องกลับไม่ไปโรงพยาบาล แต่มาให้พ่อของฉันถอนความเจ็บปวดให้เนี่ยนะ ประโยคนี้คุณว่ามันน่าเชื่อถือเหรอ?”
“ผมไม่รู้!” จ่านมู่ฮวาพูดออกไปตามตรง “แต่พ่อผมบอกว่า มีแค่คุณหูที่สามารถคลายความเจ็บปวดได้” แม้ว่าคนที่พูดประโยคนี้จะไม่ใช่จ่านอิ๋น แต่เขาก็ยังเชื่อคนคนนั้น…ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น บนโลกใบนี้เกรงว่าคงไม่มีใครที่สามารถทำได้แล้ว…