ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ได้ค่ะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็ลงมีดตัดจากตรงนี้ดูแล้วกัน”
หูชีเยี่ยนพยักหน้า “จินเหลียน หินหยกดิบใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เสี่ยวป๋ายช่วยลูกจะเปิดเปลือกหินได้ยังไง”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ “เมื่อก่อนตอนที่เขาไม่ได้ช่วยหนู หนูก็ยังผ่าหินได้ เรื่องนี้ง่ายมากค่ะ!” ในขณะที่เธอพูด ก็พลางหยิบเครื่องตัดเคลื่อนที่ขนาดเล็กที่อยู่บนผนังห้องอีกฝั่งขึ้นมาพร้อมทำท่าประกอบ “เปลี่ยนใบมีดที่ดีกว่านี้หน่อยและใช้มีดตัดลงไปแบบนี้ค่ะ”
“ไอเดียนี่ไม่เลว!” หูชีเยี่ยนผงกศีรษะหงึกหงัก “พ่อเอง ลูกไปยินรอตรงนั้นเถอะ”
“พ่อคะ พ่อผ่าหินหยกเป็นเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย
“พูดตามตรงก็ไม่เป็นหรอก เลยอยากลองดูสักหน่อย! ถ้าพ่อเป็นเมื่อครู่นี้พ่อคงไม่ถามลูกหรอก” หูชีเยี่ยนยิ้มระรื่น
จ่านป๋ายเงยหน้ามองหูชีเยี่ยนก็อดยิ้มไม่ได้ หูชีเยี่ยนเป็นคนทำธุรกิจหยก คนที่ถามเขาว่าผ่าหยกเป็นไหมเกรงว่าจะมีแค่ซีเหมินจินเหลียนยัยซื่อบื้อคนนี้ถึงจะถามคำถามแบบนั้นออกมาได้…อีกอย่างธุรกิจในพม่าของหูชีเยี่ยนก็ตั้งใหญ่โต งานจำพวกเปลือกเปิดหินบางครั้งก็ยืมมือคนอื่นไม่ได้
ซีเหมินจินเหลียนเชื่อใจในตัวเขาทุกอย่าง หรือจะพูดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนผ่าหยกก็คืองานใช้แรงงานจำเป็นต้องพึ่งพาเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ให้เขาแตะต้องหินหยกดิบของเธอหรอก
แต่เมื่อหูชีเยี่ยนเริ่มเปิดเปลือกหิน จ่านป๋ายก็พลันรู้สึกว่าการคาดเดาของเขาผิดไปโดยสิ้นเชิง ท่าทางเวลาผ่าหินของคนคนนี้เป็นมือใหม่อย่างแน่นอน แต่เห็นแล้วทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน
“จินเหลียน ไม่ได้การแล้ว” หูชีเยี่ยนพูด ใบมีดตัดลงไปลึกคั่นกลางระหว่างหิน แต่น่าจะเป็นเพราะหินหยกก้อนนั้นใหญ่เกินไป อีกทั้งเครื่องตัดยังเล็ก มันเลยทำให้เครื่องตัดไม่ทำงาน
ซีเหมินจินเหลียนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี หินหยกดิบก้อนนี้แตกต่างกับทั่วไป ถ้าให้หูชีเยี่ยนผ่าจนเสียหาย คงได้สูญเสียไปเป็นหลักสิบล้าน
“นี่มันหินบ้าบออะไรกัน!” หูชีเยี่ยนพูดขึ้น “เสี่ยวป๋าย นายอย่ามัวแต่มองอยู่นั่น ไม่คิดจะเข้ามาช่วยเลยเหรอ?”
เสี่ยวป๋ายสีหน้าจนตรอก ได้แต่วางเครื่องมือในมือและยิ้มฝืดเฝื่อน “คุณหู ความจริงหินหยกก้อนใหญ่ขนาดนี้น่าจะใช้เครื่องตัดหยกขนาดใหญ่สิครับ”
“ปัญหาก็คือที่นี่ไม่มี!” หูชีเยี่ยนพูด “ฉันก็รู้ว่าต้องใช้เครื่องตัดหยกขนาดใหญ่ นายไม่ต้องมาสอนฉันหรอก”
“เมื่อก่อนคุณไม่เคยผ่าหยกเลยเหรอครับ” จ่านป๋ายถาม
“เมื่อก่อน…” หูชีเยี่ยนคิดๆ ดู “เริ่มแรกก็มีแต่ปีศาจงูกับเม่ยอิงที่ช่วยกันเปิดเปลือกหิน ฉันไม่ค่อยใช้มีดเองเท่าไหร่ เวลาเปิดเปลือกหยกก็จะผ่าแต่หยกขนาดเล็กพวกนั้น”
ที่เขาพูดเป็นความจริง หินหยกดิบก้อนใหญ่ขนาดนี้ เขาก็ไม่เคยผ่ามาก่อน ถึงจะผ่าเขาก็เป็นแค่คนคอยสั่งกำชับให้พนักงานมืออาชีพเป็นคนทำ
“ท่านเป็นผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์อย่างแท้จริง!” จ่านป๋ายถอนหายใจ
“ใช้คำพูดของพวกเธอก็คือ ฉันน่าจะเป็นคนบ้านนอกคอกนาที่แท้จริง!” หูชีเยี่ยนส่ายศีรษะพูด “ฉันเป็นคนในพื้นที่ที่เติบโตในหมู่บ้านชนบทนะ”
“ประโยคนี้คุณเก็บไว้หลอกคนขับแท็กซี่เถอะครับ จริงสิ เหมือนว่าคนขับแท็กซี่ก็แซ่หู น่าจะเป็นตระกูลเดียวกันกับคุณมาก่อน” จ่านป๋ายคิดถึงเรื่องราวครั้งแรกที่เจอหูชีเยี่ยนในเซี่ยงไฮ้ เขาแต่งตัวเป็นชายบ้านนอกเชยเฉิ่มเข้ามาในเมือง…ในใจได้แต่แอบพูดว่า ลูกน้องที่ติดตามเขาก็เลอะเทอะพอๆ กัน ไม่เตรียมเงินสักแดง แต่กลับให้เขามาเซี่ยงไฮ้เนี่ยนะ? แล้วถ้าเขาหาซีเหมินจินเหลียนไม่เจอล่ะ จะทำยังไง?
จ่านป๋ายจำได้ดีว่าหูชีเยี่ยนมาเซี่ยงไฮ้ แม้แต่โทรศัพท์ยังไม่พกติดตัวมา…
จ่านป๋ายออกแรงไปพอสมควรในการตัดหินหินหยกใหญ่ก้อนนั้นจากตรงกลาง แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น หากอยากจะเคลื่อนย้ายหน้าหยกออกจากกันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
จ่านป๋ายใช้รถฟอร์คลิฟท์ขนาดเล็กเคลื่อนย้ายหินหยกดิบครึ่งเล็ก จึงทำให้หน้าหยกทั้งสองของหินก้อนใหญ่นี้ ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน
“จินเหลียน พวกเรารวยแล้ว เหมือนจะเป็นสีม่วงดอกไลแอค!” เพราะหน้าหยกด้านบนมีฝุ่นผงหินเกาะติดอยู่ มองแล้วหน้าหยกเลือนรางไม่ชัด แต่ก็สามารถเผยสีม่วงเบาบางทะลุออกมา
หูชีเยี่ยนยกกะละมังมากวักน้ำกระเซ็นไปบนหน้าหยก
“คุณหู คุณ…” จ่านป๋ายมองไปทั่วพื้นเต็มไปด้วยน้ำเปียกปอน ไม่เข้าใจว่านี่เอามาล้างหน้าหยกดิบหรือว่าล้างพื้นกันแน่
“ก็เพราะว่าฉันอยากจะเห็นให้ชัดๆ ไม่ใช่เหรอไง?” หูชีเยี่ยนท่าทางมั่นใจ
จ่านป๋ายเงียบปากอย่างรู้หน้าที่ คนคนนี้พูดออกมาจากปากว่าเติบโตในชนบท เป็นคนบ้านนอกคอกนา! แต่เรื่องที่เขาคนนี้ทำออกมาช่างหาเรื่องให้คนหมดคำพูด ดูอย่างไรเขาก็เหมือนกับคนร่ำรวยที่ไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน
“อย่างไรเสียอีกเดี๋ยวนายก็ทำความสะอาดพื้นด้วยล่ะ!” คำพูดต่อมาของหูชีเยี่ยนทำให้จ่านป๋ายแทบจะคุ้มคลั่ง คนคนนี้…มีแต่ซีเหมินจินเหลียนที่หวังจะให้เขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ นี่มันภัยพิบัติชัดๆ เลย!
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปทาบ บนหน้าหยกเป็นสีม่วงดอกไลแอคบริสุทธิ์ ถ้าเธอจำไม่ผิดลำดับสีข้างในน่าจะเป็นสีม่วงดอกไลแอค สีเหลือง สีแดง…
ด้านบนสุดเป็นสีแดงสว่างสดใสเหมือนเปลวไฟ เสริมกับตอนนั้นที่เธอเคยเห็นว่ามีเกร็ดเงินขนาดเท่านิ้วมือพันล้อมอยู่ด้านบน สวยจนไร้ซึ่งคำบรรยาย
“จินเหลียน นี่เป็นชนิดเนื้อแก้ว แต่…หยกก้อนนี้ซ่อนตัวไว้ลึกเหลือเกิน” จ่านป๋ายย้อนคิดถึงคลื่นมรสุมตอนแรกที่ซื้อหินหยกดิบก้อนนี้ ยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจียงเจิ้นใจใหญ่พอ ลงมีดตัดจากตรงกลาง พวกเราคงไม่ได้เก็บของถูกดีเลิศขนาดนี้”
“คนส่วนใหญ่ไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้นหรอก” หูชีเยี่ยนพูดแทรก “จินเหลียน เมื่อสักครู่ลูกว่ายังไงนะ หินหยกดิบก้อนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อ?”
“หลี่ซานคนที่ช่วยพ่อทำธุระ มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งแซ่หนิงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“อ้อ? หนิงเฉิง?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด “พ่อจำได้ว่าแฟนของเขาทำกับข้าวอร่อยทีเดียว”
“พ่อก็รู้แต่เรื่องกิน!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วหมดอารมณ์จะพูด “เขาขายหลี่ซานและได้เงินมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นไปขอยืมเงินญาติมิตรเพื่อนสนิทอีกหน่อย และรีบไปซื้อหินหยกดิบที่พม่า ผลสุดท้ายกลับแพ้พนัน หินก้อนใหญ่นี้เป็นหินที่ภรรยาของเขาเก็บไว้เป็นก้อนสุดท้าย ที่เหลือขายไปใช้หนี้หมดแล้ว ยังมีเปลือกสีขาวหิมะก้อนนั้นอีก!”
“เปลือกผิวสีขาวหิมะเป็นของพ่อ ตอนนั้นพ่อให้หลี่ซานเอง” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “ลูกเคยเจอหนิงเฉิงเหรอ?”
“ไม่เคยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
“หลังจากที่เขาแพ้พนันก็ฆ่าตัวตาย เหลือไว้ก็แต่สองแม่ลูกที่น่าสงสาร” จ่านป๋ายพูดแทรก ในระหว่างที่พูดสายตาก็จ้องมองหูชีเยี่ยน
ความจริงชีวิตที่ซีเหมินจินเหลียนได้ประสบพบเจอมาก็คล้ายคลึงกับสองแม่ลูกตระกูลหนิง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมตอนนั้นแม่ของเธอหลังจากรู้ว่าหูชีเยี่ยนเจอเรื่องไม่ดีเข้า ถึงได้ทิ้งซีเหมินจินเหลียนไว้และฆ่าตัวตาย แต่หูชีเยี่ยนทำเหมือนไม่มีอะไร เพียงแค่ตอบกลับไปว่า “ตายแล้วเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าให้หูชีเยี่ยน “ได้ยินหนิงชุ่ยฉินบอกว่าพ่อของเธอฆ่าตัวตายไปตั้งนานแล้ว” ในระหว่างที่พูดก็หันไปบอกกับจ่านป๋าย “เสี่ยวป๋าย คุณอย่ามัวพูดจาไร้สาระอยู่เลย รีบไปเจียรข้างในหยกต้นไม้นั้นออกมา เดี๋ยวฉันผ่าก้อนนี้เอง”
เธอไม่กล้าให้หูชีเยี่ยนลงมือ ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะตัดมั่วก็ได้ หินหยกดิบก้อนนี้ผ่าออกมาเพื่อเตรียมจะแกะสลักเป็นเตาไฟของหินซ่อมฟ้า แต่ถ้าให้หูชีเยี่ยนทำเสียหาย เธอจะไปหาหินหยกที่ลักษณะดีแบบนี้จากที่ไหนมาทำเตาหินปิดฟ้าล่ะ?
หูชีเยี่ยนยิ้มกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก เขาดูเป็นตัวซวยขนาดนั้นเลย?
“จินเหลียน ลูกอย่าเพิ่งลงมือทำอะไร ให้พ่อจัดการเอง หินหยกดิบก้อนนี้ใหญ่เกินไป ระวังหินทับเท้าของลูก!” หูชีเยี่ยนพูดพลางหยิบเครื่องเจียรหินอัตโนมัติขนาดเล็ก เริ่มผ่าหินหยกดิบ ในเวลาเดียวกันก็เอ่ยขึ้นว่า “สองวันนี้ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ลูกห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
“หืม ทำไมล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ซีเหมินน่งเย่ว์เป็นไข่เต่าฟองใหญ่เลยล่ะ! ไม่ต่างจากไข่ในราชาหยก เปลือกไข่กะเทาะจนแตกข้างในก็แค่ของเหลวไม่มีประโยชน์อะไร แต่ไข่ฟองนี้มันช่างปลิ้นปล้อน ตัวเขาเองไม่ใช่ศัตรูคู่อริของพ่อเลย แน่นอนมันต้องมาจัดการกับลูกแน่ คนคนนี้…” หูชีเยี่ยนพูด
“เลวเข้าขั้น!” ซีเหมินจินเหลียนรับช่วงพูดต่อ
“ถูกต้องที่สุด!” หูชีเยี่ยนได้ยินแล้วยิ้ม “พ่อไม่เข้าใจเลยจริงๆ อย่างน้อยซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ก็เป็นคน ทำไมถึงได้มีลูกแบบนั้นออกมา? ถ้าเขาอยากจะคิดบัญชีกับพ่อ ก็มาเจอกันแบบเปิดเผยซึ่งๆ หน้า พ่อยังจะพอเลื่อมใสเขาอยู่บ้าง แต่เขา?”
“คุณหู ไข่เต่าฟองนั้นทำอะไรกันแน่ครับ?” จ่านป๋ายถาม
ยี่สิบปีก่อน หูชีเยี่ยนไปอยู่ที่ไหนมา ดูแล้วเขาน่าจะกลับมาเพียงปีหรือสองปี
หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
จ่านป๋ายได้แต่เงียบปากอย่างว่าง่าย และตั้งใจเจียระไนเป็นพิเศษ…แม้หูชีเยี่ยนจะไม่พูดก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียสุดท้ายเขาก็สามารถได้คำตอบที่เขาต้องการในคืนนี้
ระดับฝีมือเปิดเปลือกหินของหูชีเยี่ยนไม่ค่อยเท่าไหร่ ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาใช้มีดตัดลงไป ราวกับสุนัขแทะกระดูก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงโรงงานแปรรูปหยกที่พม่า จากความเห็นของคนในวงการนี้ นี่มัน…สุนัขแทะกระดูกชัดๆ!
หรือหยกแปรรูปที่พม่าก็ได้รับผลกระทบจากเขา?
แต่ฝีมือในการแปรรูปหยกของหูชีเยี่ยนเหนือชั้นเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนยังต้องยอมรับ ภาชนะหยกสามขายังทำไม่เสร็จ แต่ลวดลายดอกไม้ด้านบนก็ประณีตชดช้อย ลายเส้นพลิ้วไหว ทักษะมือคล่องแคล่วชำนาญ ซีเหมินจินเหลียนยังห่างไกลที่จะเทียบเทียม
จนกระทั่งซีเหมินจินเหลียนสามารถรับรองได้ว่าซีเหมินเหล่าเอ๋อร์คนที่หูชีเยี่ยนเรียกจากปากว่าอาจารย์ท่านนั้น เกรงว่าฝีมือคงไม่ได้ดีเท่าเขา
“จินเหลียน หินหยกใหญ่ก้อนนี้ ลูกคิดที่จะทำอะไร” หูชีเยี่ยนถาม
“รอให้เปิดเปลือกหยกออกให้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด แม้ว่าในใจเธอจะยืนหยัดความคิดแน่วแน่ แต่ยังไม่ทันได้ผ่าหยกเธอคงไม่สะดวกที่จะพูดอะไรทั้งนั้น
“จินเหลียน เป็นไข่จริงๆ ด้วย! คุณรีบมาดูนี่ ไข่ฟองนี้สวยมาก!” จ่านป๋ายร้องเรียกทันที
“ก็แค่ไข่ ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเลย” หูชีเยี่ยนพูด “ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย?”
“ไข่ธรรมดาทั่วไปแน่นอนว่าต้องพบเห็นมาเยอะครับ แต่หยกไข่ห้าสีแบบนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อน!” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนรีบกระโจนเข้าไปก่อนแล้ว เป็นอย่างที่คิด จ่านป๋ายเจียหยกต้นไม้ในส่วนพื้นผิวภายนอกของไข่ฟองนั้นออกไปหมดแล้ว ข้างในมีไข่กลมรีฟองเล็กขนาดพอๆ กับไข่นกกระทา ห้าสีสว่างสดใสเรืองรอง
ไข่ฟองนี้ไม่เหมือนกับราชาหยก ลักษณะภายนอกของราชาหยกดูแล้วเหมือนไข่งู จนทำให้ซีเหมินจินเหลียนและคนอื่นๆ สงสัยกันว่ามันเป็นไข่งูที่กลายเป็นฟอสซิลหยกหรือเปล่า แต่ไข่ฟองนี้ลักษณะภายนอกยังแบ่งสีเป็นแดง ส้ม เหลือง เขียว ม่วงห้าสี แบ่งกันอย่างมีระเบียบ แต่อยู่ติดกัน มองแล้วไม่ดูรกสายตา แต่กลับขับให้มันดูสวยงามมากขึ้น