ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้วก็เอ่ยว่า “งั้นโอเค ปกติพ่อฉันจะตื่นประมาณหกโมงเช้า เวลานี้เขาน่าจะตื่นแล้ว คุณพาเขาเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน แต่ฉันขอบอกไว้ก่อน เรื่องตบตีคนพ่อฉันยังพอไหว แต่เรื่องช่วยชีวิตคนนั้น…ถ้าหากบาดเจ็บพิการไป คุณต้องรับผลที่จะตามมาเอง คุณห้ามโวยวายใส่ฉันแล้วกัน ฉันจะนอนต่อแล้ว…”
“ตกลง” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจเบาๆ “ผมจะไม่ก่อเรื่องให้คุณ!”
ซีเหมินจินเหลียนวางสายและทิ้งตัวอยู่บนเตียง กอดเจ้าหมีน้อยอย่างเหม่อลอย หูชีเยี่ยนคงไม่ได้ทำอะไรกับจ่านอิ๋นใช่ไหม? แต่เมื่อวานเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนแล้วนี่ อีกทั้งตอนที่เจอหน้ากับจ่านอิ๋นที่คลับหยกก็แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ทั้งคู่ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันแม้แต่น้อย หากอยากจะลงมือทำอะไรจริงๆ มันก็ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือแพทย์สมัยนี้ก็พัฒนาไปไกล ไม่เหมือนกับอดีต
เมื่อถูกจ่านมู่ฮวาโทรมารบกวนถึงสองครั้ง เธอจึงนอนหลับไม่ลง แต่ก็ยังไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง รู้ว่าพ่อของตัวเองนั้นไม่ค่อยปกติ แต่หูชีเยี่ยนก็คงไม่มีวิธีที่จะลงไม้ลงมือบนตัวจ่านอิ๋นนี่นา? อีกอย่างทำไมจ่านอิ๋นถึงได้มั่นใจนักว่าเป็นฝีมือของหูชีเยี่ยน?
เมื่อปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หูชีเยี่ยนรู้จักจ่านอิ๋นได้อย่างไร เรื่องพวกนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้?
คิดอยู่นาน หัวสมองของซีเหมินจินเหลียนก็ไม่มีไอเดียใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนั้นเธอจึงลากสลีปเปอร์ขนปุกปุยของตัวเองเดินเข้าไปล้างหน้าหวีผมในห้องน้ำ ส่องกระจกดูผลลัพธ์ของคาลซิโดนีโบราณ ช่วงนี้ผิวของเธอดียิ่งขึ้นกว่าเก่าเป็นทวีคูณ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินขึ้นไปด้านล่าง บางทีลองไปถามหูชีเยี่ยนดูน่าจะรู้อะไรมากกว่านี้
“จินเหลียน ทำไมคุณตื่นแต่เช้าเชียวครับ?” จ่านป๋ายเห็นเธอเดินลงมาข้างล่าง “คุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อกับข้าว”
“คุณซื้อมาเถอะ อาหารเบาๆ หน่อยก็ดี ช่วงนี้ฉันกินจนอ้วนตุ๊บป่องหมดแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “จริงสิ พี่ชายของคุณโทรมาบอกฉันว่า…พ่อของคุณปวดท้องหนักมาก…”
จ่านป๋ายมึนงง ก่อนจะขานรับอย่างสงสัย จากนั้นพยักหน้าพูด “ให้เขาไปดูอาการที่โรงพยาบาลก็ได้แล้วนี่ เรื่องแค่นี้โทรมาหาคุณทำไมกัน?”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “พ่อฉันล่ะ”
“อยู่ห้องใต้ดิน เขาม่วนอยู่กับหยกนั่นละ” จ่านป๋ายยิ้ม “ถ้าไม่มีธุระอะไร เดี๋ยวผมออกไปซื้อกับข้าวดีกว่า น้ำเต้าหู้ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณไปห้องครัวดื่มได้ตามสบาย”
“โอเค” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า มีจ่านป๋ายอยู่ด้วยทั้งคน เธอก็รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
เมื่อเห็นจ่านป๋ายออกไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็ยังไม่รู้สึกว่าหิว ทันใดนั้นก็เดินไปที่ห้องใต้ดิน เห็นหูชีเยี่ยนที่กำลังมองหินหยกก้อนที่ยังไม่ได้เปิดเปลือกหินอย่างเหม่อลอย “พ่อคะ พ่อทำอะไรอยู่เหรอ”
“เตรียมเปิดเปลือกหินน่ะ” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ทำไมวันนี้ลูกตื่นเร็วนักล่ะ เพิ่งจะกี่โมงเอง?”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ถามกลับไปว่า “พ่ออยากจะผ่าก้อนไหนเหรอคะ”
“ก้อนนี้เป็นไง?” หูชีเยี่ยนชี้ไปยังหินหยกดิบที่ไม่สะดุดตาก้อนหนึ่ง
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป สายตาเขาเฉียบขาดจริงๆ ตั้งใจที่จะเลือกหินหยกดิบแบบนั้นมาเปิดเปลือกหิน? หินหยกดิบก้อนนี้ไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กมาก สีของผิวหินไม่สะดุดตา หากทิ้งขว้างอยู่ในกองหินหยกดิบคงเป็นประเภทที่ถูกมองข้าม แต่…เขากลับถูกใจหินหยกก้อนนี้?
ถ้าเธอจำไม่ผิด หินหยกดิบก้อนนี้เธอก็ซื้อมาจากบ้านอาของหนิงชุ่ยฉิน ตอนนั้นหนิงชุ่ยฉินยังทะเลาะกับอาตัวเองอีก บอกว่าอาเธอขุดหลุมพรางแกล้งซีเหมินจินเหลียน
แต่ข้างในของหินหยกดิบก้อนนี้มันก็ดูแปลกจริงๆ มองทีไรก็เหมือนหยกต้นไม้ แต่ในต้นไม้นั้นมีสิ่งบางอย่างเพิ่มเข้ามา
“เป็นอะไรไป” หูชีเยี่ยนถาม “ผ่าก้อนนี้ลูกว่าเป็นยังไง?”
“ดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “เพียงแต่เกรงว่าพ่อคงไม่มีเวลาเปิดเปลือกหยกแล้วสิคะ”
“หือ?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วถาม “ลูกมีธุระเหรอ?”
“หนูไม่มีหรอกค่ะ แต่ว่าจ่านอิ๋นมีธุระกับพ่อ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ “พ่อกับเขา…รู้จักกันได้ยังไงคะ?”
“เขาปฏิเสธว่าไม่รู้จักพ่อ แล้วจะพูดถึงเรื่องนี้อีกทำไม?” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“หนูอยากจะรู้นี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวและนั่งตรงหน้าเขา สองมือลูบไล้คางและทำท่าทางเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัย
“อืม…เรื่องนี้น่ะหรือ ลูกเคยเจอหูหวังใช่ไหม?” หูชีเยี่ยนพูดจาอ่อนโยน “สมัยปลายราชวงศ์ชิง ตระกูลพวกเราพึ่งพาและได้ความรักเมตตาเป็นพิเศษจากซูสียัยปีศาจเฒ่านั่น บรรพบุรุษของพวกเราฉลาดปราดเปรื่องมาก รู้ว่าเวลานั้นรัฐบาลชิงเข้าข่ายอันตราย อยากจะปกป้องตัวเอง เลยได้แต่แสวงหาหนทาง! ยัยปีศาจซูสีนั่นชอบหยกมาก และในเวลานั้นหยกก็เป็นที่นิยมแพร่หลายขึ้นมาทันตา…”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “เรื่องนี้หนูรู้ค่ะ ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีเครื่องประดับหยกเจไดต์หรือของตกแต่งจากหยกต่างๆ แต่มูลค่าของหยกเจไดต์ก็ไม่มีทางสู้หยกเหอเถียน”
“ใช่แล้ว” หูชีเยี่ยนพูดต่อ “สาเหตุที่ทำให้ซูสีตกหลุมรักหยก นั่นก็คือคาลซิโดนีโบราณนั่นเอง”
“ที่พ่อเอามาถูบนมือหนูนั่นเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ใช่แล้ว” หูชีเยี่ยนพูด “ของในตำนานมีผลลัพธ์ช่วยเรื่องเสริมความงาม และซูสียัยปีศาจเฒ่านั่นอายุปูนนั้นแล้ว พยายามรักษารูปลักษณ์ ของสิ่งนี้ขาดไม่ได้…อีกอย่างเธอก็ได้มาแค่หยดเดียวเท่านั้น”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดจา แค่หยดเดียวเท่านั้นก็สามารถรักษารูปลักษณ์หน้าตาให้ไม่แก่เฒ่าได้ แต่ที่เธอใช้ไปไม่ใช่แค่หยดเดียวนะ
“เอ่อ ทำไมในประวัติศาสตร์ถึงไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ
“ปีศาจยัยเฒ่ากลัวว่าเรื่องนี้จะแพร่หลายออกไปและจะถูกคนอื่นกระทำไวบรรลุเป้าหมายก่อน ดังนั้น…จึงฆ่าคนที่รู้เรื่องนี้หมด ส่วนตระกูลหูของพวกเราสร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยการพนันหิน ไหนจะเกี่ยวกับตำนานหินซ่อมฟ้า ยิ่งทำให้เธอเชื่อว่าในเหมืองหยกพม่าซ่อนยาเทวดาอายุวัฒนะเอาไว้ ดังนั้นจึงใช้ให้ตระกูลหูของพวกเราช่วยเธอตามหาหินซ่อมฟ้ากับยาอายุวัฒนะ ไหนจะคาลซิโดนีโบราณนั่น” หูชีเยี่ยนพูดอธิบาย
“ทำไมหนูถึงไม่รู้เรื่องนี้ ตระกูลของเราเคยรุ่งโรจน์ขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเฝื่อน
“ย่าของลูกไม่อยากให้ตระกูลเรามีคนพนันหินหยกอีก เลยไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้” หูชีเยี่ยนถอนหายใจ “เธอก็กลัดกลุ้มใจมาก ตระกูลพวกเรารู้ความลับมากเกินไป แม้พวกเราอยากจะเก็บไม้เก็บมือไม่ทำอะไร คนอื่นก็คงไม่ปล่อยพวกเราไป”
“แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับจ่านอิ๋นคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามไม่เข้าใจ
“ปีศาจเฒ่านั่นละทิ้งอำนาจในประเทศ ตามหาวิชาทำให้ค้ำฟ้าอยู่ชั่วนิรันดร์ ใช้ประโยชน์จากตระกูลหู ตระกูลหูของพวกเราถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้คว้าผลประโยชน์ ลูกว่าตระกูลพวกเราโง่หรือเปล่าล่ะ?” หูชีเยี่ยนยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนเคาะปลายคางของตัวเองกับหลังเก้าอี้ “มีคนที่จัดเรียงเรื่องราวบรรพบุรุษตระกูลตัวเองเหมือนพ่ออีกไหมคะ”
หูชีเยี่ยนยิ้มอ่อน จัดเรียง? ความจริงก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เพียงแต่เขาพูดไปไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ ตอนนั้นจึงพูดทันทีว่า “อย่างไรเสียเรื่องก็เป็นแบบนี้ อาศัยความรักเมตตาจากปีศาจเฒ่า อาศัยทักษะในการพนันหิน ตระกูลพวกเราจึงก่อตั้งเป็นตระกูลใหญ่มีทรัพย์สินมั่งคั่ง ทาสบริวารมีไม่ถ้วน แซ่จ่านก็เป็นแค่ตระกูลทาสหนึ่งในนั้น ราชวงศ์แมนจูจบเห่ แน่นอนซูสีจึงไม่สามารถมีชีวิตอมตะชั่วนิรันดร์ได้ แต่ตระกูลพวกเราก็ยังคงรุดหน้าต่อไป จนกระทั่งปลายสาธารณรัฐจีน…เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับตระกูลของพวกเรา ทาสบริวารรังแกจ้าว ส่งผลให้ตระกูลพวกเราเกือบสูญสิ้นล้มสลาย เหลือแค่แต่อาจารย์ของหูหวังที่พาเขาหนีไปจากที่นั่น”
ซีเหมินจินเหลียนนั่งฟังอยู่เงียบๆ ความจริงสาธารณรัฐจีนก็เป็นยุคสมัยที่มีเรื่องวุ่นวาย วงศ์ตระกูลที่รุ่งโรจน์กลับเสื่อมสลาย เป็นสาเหตุที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ในไม่ช้ามันก็จะถูกจมอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวของประวัติศาสตร์
“ตระกูลยิ่งใหญ่อย่างพวกเราจึงถูกพวกเขาแยกจนบ้านแตกสาแหรกขาด เดิมทีไม่เป็นอะไรหรอก อย่างไรเสียขอแค่รักษาทักษะในการพนันหินไว้ได้ พวกเราก็หวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่ง”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้ารอให้เขาพูดต่อไป
“จากนั้นยังมีเรื่องราวของหูหวังกับสองพี่น้องตระกูลอวิ๋น ไหนจะความรักแตกสลายของซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ พ่อก็แค่เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งเท่านั้น” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น
“แล้ว…ทำไมถึงได้ไปติดต่อสร้างสัมพันธ์กับตระกูลจ่านอีกครั้งล่ะคะ? แม้บรรพบุรุษจะทำเกินไปหน่อยแต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนถามไม่เข้าใจ
“ซีเหมินน่งเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นมาหาเรื่องพ่อ ลำพังแค่เขาคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อแน่ ถูกพ่อตีไปครั้งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ปีศาจงูขวางไว้ พ่อก็คงทำให้เขาพิการตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว!” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด “จากนั้นพ่อก็เล่นสกปรกขายสถานะตัวตนของเขาให้กับคู่อริฝ่ายตรงข้าม พรรคของพวกเขาเกือบที่จะถูกพ่อล้มล้างพินาจไปหมดสิ้น จากนั้นซีเหมินน่งเยว่ทำเป็นคนดี ไปหาตระกูลจ่านกับตระกูลอวิ๋นรวมถึงทาสของบรรพบุรุษตอนนั้น ทุกคนร่วมมือกันเป็นกลุ่มก้อน…เริ่มแต่ครั้งนั้นพ่อก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หลี่ซานจึงกลายเป็นผีตายแทนพ่อ”
ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจขึ้นมาได้ สิ่งที่แม่ลูกตระกูลหนิงพูดถึงหลี่ซานคนนั้น ที่แท้เขาเป็นใคร ตอนนั้นจึงถามว่า “พ่อกับหลี่ซานเกี่ยวข้องกันยังไงคะ”
“ตบมือข้างเดียวไม่ดัง พ่ออยากจะพนันหินสร้างตัว แน่นอนต้องการหาคนมาช่วยจัดการเรื่องราวยุ่งยากพวกนี้ และเขาก็คือหลี่ซาน!” หูชีเยี่ยนอธิบาย “ครั้งที่สอง ปีศาจงูก็รวมเข้าไปด้วย พ่อเลยไม่สามารถหลบได้…”
“ไม่มีทาง ลุงงูไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น พ่อเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบแก้ตัวแทนลุงงู
“ตอนแรกพ่อก็ไม่ได้สงสัยเขาหรอก” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด “ตอนแรกพ่อคิดมาตลอดว่าปีศาจงูถูกซีเหมินน่งเย่ว์ใช้ประโยชน์ ดังนั้นถึงจะเกลียดแค้นแค่ไหนก็ไม่ถึงขั้นมาลงที่เขา คนอย่างพ่อแยกบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจน จนกระทั่งช่วงนี้พ่อถึงได้รู้มาว่า…ปีศาจงูเป็นพรรคพวกหมอผี”
“หมอผีจีน?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ในใจรู้ดี น่าจะเป็นสำนักเดียวกับสวี่อี้หรานหมอมองโกลไม่น่าเชื่อถือคนนั้น ผู้สืบทอดแพทย์แผนจีนโบราณที่มีมนตร์ชั่วร้ายโดยเฉพาะ?
“โบราณเรียกหมอว่าหลางจง ใช้เรียกหมอท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วทิศว่าหมอยาสะพายกล่องยา…แถมหมอในสมัยโบราณมีเรื่องราวความเป็นมาที่ยาวนาน สำนักของพวกเขามีตำนานโบราณเริ่มจากเสินหนงซื่อกระทั่งเป็นสำนักในตอนนี้ และยังคงรักษาตำรายาเก่าแก่ไว้อยู่” หูชีเยี่ยนอธิบาย
“สวี่อี้หรานเคยบอกกับหนูเรื่องนี้เหมือนกัน เขามียาอายุวัฒนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ตระกูลสวี่ร่ำรวยมั่งคั่ง สวี่เซวียนหยวนอายุเลยหกสิบแล้ว ลูกคนเดียวอย่างเขาเกรงว่าจากนิสัยที่หุนหันพลันแล่นของเขาคงได้ทำตำรายาอายุวัฒนะจริงๆ ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่หายากบนโลก ความจริงขอแค่มียา ทำเป็นยาเสริมความงามก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” หูชีเยี่ยนพูด
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จู่ๆ คิดถึงคำถามหนึ่ง จึงถามอย่างสงสัย “เมื่อครู่พ่อพูดว่าอะไรนะคะ? ผู้เฒ่าตระกูลสวี่อายุเกินหกสิบปีแล้ว? ทำไมหนูดูแล้วเขาน่าจะสักประมาณห้าสิบกลางๆ ล่ะ?”