ตอนที่ 452 ผมก็ชอบมากเหมือนกัน
คำพูดของเจียงมู่เฉินขาดช่วงไม่ต่อกัน แต่ซือเหยี่ยนกลับรู้ถึงความหมายของเขาได้ในเวลาอันสั้น
เขาเงียบงันไม่พูดอยู่นานมาก ราวกับต้องการกดเก็บอารมณ์ที่แปรปรวนในใจนี้ลงไป
“หาเจอหรือยัง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามอีก
ในคำสั้นๆ สี่คำนี้ กลับฟังหางเสียงออกได้ว่ากำลังสั่นเครือเล็กน้อยอยู่
เพียงแต่ว่าเจียงมู่เฉินในขณะนี้เมาแล้ว จึงฟังไม่ออกเป็นธรรมดา เขาหรี่ตาลง “เมื่อก่อนหาไม่เจอ แต่ว่า…”
เขาเอื้อมมือคว้าซือเหยี่ยนไว้ “ตอนนี้เหมือนจะหาเจอแล้ว”
พูดจบ เจียงมู่เฉินก็โผตัวซบร่างซือเหยี่ยนแล้วหลับลงไป
ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินในอ้อมอกของเขา ในใจเจ็บแปลบ เขาไม่เคยคิดมาก่อน ถึงแม้ว่าเจียงมู่เฉินจะลืมเขา แต่ในจิตใต้สำนึกกลับยังตามหาเขาอยู่
เจียงมู่เฉินสูญเสียความทรงจำ จดเขาไม่ได้ แต่กลับยังจดจำกลิ่นของเขาได้
ถ้าหากว่ายังมีสติตื่น เจียงมู่เฉินไม่มีทางจะโผเข้าหาซือเหยี่ยนแบบนี้ได้ ถึงอย่างไรตอนนั้นพวกเขาก็เหมือนน้ำกับไฟที่ไม่คู่ตรงข้ามกัน
จะมีเพียงแค่ครั้งนั้นที่เจียงมู่เฉินดื่มจนเมา แล้วกลับมาเป็นฝ่ายจูบเขาแทน
ตอนนี้มาคิดดู เจียงมู่เฉินคงจะรู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคยกัน ดังนั้นถึงได้ทำการกระทำแบบนั้นออกมาได้
ซือเหยี่ยนยกมือขึ้นเช็ดใบหน้าของเจียงมู่เฉิน หางตาเขาแดงก่ำ ดูเหมือนจะมีความเปราะบางในแบบที่พบเห็นได้ยาก
ความรู้สึกในใจตอบสนอง เขาถอนหายใจเบาๆ ช้อนอุ้มร่างคนตรงหน้าขึ้นมา เดินอย่างมั่นคงทีละก้าวขึ้นชั้นบนไป
ผลักเปิดประตูห้องของตัวเอง แล้ววางร่างลงบนเตียง
เจียงมู่เฉินอยู่ในอาการเมาแล้ว ไม่ดื้อ ไม่เสียงดัง ไม่โวยวาย ว่าง่ายมาก เขานอนฟุบหลับลงไป
ซือเหยี่ยนนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปเช็ดมุมปากที่ยังเลอะน้ำเหล้าอยู่ ถูไปถูมาก็อดจะโน้มตัวลงไปจูบเขาสักหน่อยไม่ได้
ริมฝีปากที่น่ารักน่าเอ็นดูของเจียงมู่เฉินปล่อยให้เขาจูบตัวเองไป
จนกระทั่งเริ่มหายใจติดขัด ถึงได้เอามือดันเจียงมู่เฉินออก
ซือเหยี่ยนจ้องมองเจียงมู่เฉินที่อยู่ใต้ร่างเขา หัวใจก็อ่อนยวบ
เขาอดจะยื่นนิ้วไปจิ้มใบหน้าของเจียงมู่เฉินไม่ได้ เดิมทีเจียงมู่เฉินอยากจะนอนหลับ แต่กลับมีคนมาจิ้มหน้าเขาอยู่ตลอด
เขาค่อนข้างจะหงุดหงิดอยากจะจับคนคนนั้น แต่ซือเหยี่ยนดันหลบหลีกด้วยใจที่อยากแกล้ง ไม่ให้เจียงมู่เฉินจับได้
เจียงมู่เฉินรีบร้อนลืมตาขึ้น ก็เห็นใบหน้าของซือเหยี่ยนพอดี เขาปรือตาเอื้อมมือไปกอด แล้วพึมพำอยู่ข้างหูซือเหยี่ยน “ชอบ…”
ซือเหยี่ยนตื่นเต้นอยู่ในใจ ฝืนทนใช้น้ำเสียงที่พยายามจะสงบนิ่งเอ่ยถามขึ้น “ชอบอะไร”
เจียงมู่เฉินกอดคอเขาเอาไว้ เงยหน้าขึ้นจูบซือเหยี่ยน “นาย…ชอบ”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงจูบเจียงมู่เฉิน “ผมก็ชอบเหมือนกัน”
ราวกับว่าคำว่า ‘ชอบ’ ยังไม่เพียงพอ ซือเหยี่ยนเอ่ยเสริมอีก “ชอบมาก”
เหมือนเจียงมู่เฉินจะได้ยินคำว่า ‘ชอบ’ แล้ว เขายกมุมปากขึ้นพร้อมหลับลงไปทั้งอย่างนี้
ซือเหยี่ยนมองดูใบหน้ายามหลับใหลของเจียงมู่เฉิน ยื่นมือไปปลดเสื้อเชิ้ตให้เขา จากนั้นก็ดึงผ้าห่มเปิดออกแล้วดันร่างเขาเข้าไป
ทำทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว ซือเหยี่ยนถึงค่อยลงมาชั้นล่าง เตรียมจะเก็บเหล้าที่เหลืออยู่บนโต๊ะ
เพิ่งจะเดินถึงห้องอาหาร เหวินฮุ่ยและคุณพ่อซือก็เดินเข้ามา พวกเขาเห็นขวดเหล้าที่ว่างเปล่าอยู่บนโต๊ะ จิตใต้สำนึกก็บอกให้มองมาทางซือเหยี่ยนทันที
ซือเหยี่ยนเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรน่าอาย มองขวดเหล้าในมือแวบหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย “เฉินเฉินนอนแล้วครับ”
เขาพูดปิดบังรายละเอียดที่ว่า เขามอมเหล้าเจียงมู่เฉินจนหลับไปแล้ว หลับไปเลย…
เหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซือสบตากัน หัวใจเต้นตึกตักกันโดยไม่ตั้งใจ
‘สมกับเป็นวัยรุ่น เข้าใจเล่นกันจริงๆ’
ทั้งสองคนไม่มีอะไรทำ รู้สึกเบื่อจึงออกไปซื้อผลไม้กันมา เหวินฮุ่ยล้างผลไม้อยู่ในห้องครัว เธอมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “ลูกกับเฉินเฉินต้องการจะออกไปจดทะเบียนอะไรข้างนอกหรือเปล่า”
ซือเหยี่ยนหยุดลงสักพัก ก่อนจะเอ่ยตอบ “ต้องการอยู่แล้วครับ”
“งั้นอยากให้แม่จัดการให้ลูกไหม”
ตอนที่ 453 หุงหาอาหาร
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากจะรอให้พ่อแม่ของเฉินเฉินทางนั้นยอมรับแล้วจริงๆ ค่อยพาเฉินเฉินไปครับ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง “ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปที่ไหน ถึงตอนนั้นให้เฉินเฉินเลือกเองก็ได้แล้วครับ”
เหวินฮุ่ยฟังคำพูดสองสามประโยคนี้ของซือเหยี่ยน แล้วถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ลูกชายของเธอคนนี้ ทั้งใจเต็มไปด้วยเจียงมู่เฉิน จะทำอะไรก็ยกเจียงมู่เฉินไว้อันดับหนึ่งเสมอ
‘ก็ดี ก็ดี แบบนี้ถึงจะเป็นลูกชายของเธอเหวินฮุ่ย’
ทำดีกับคนที่ชอบเป็นสัจธรรมของฟ้าดิน เห็นพวกเขาสองคนเป็นแบบนี้ เธอก็วางใจแล้ว
เจียงมู่เฉินเมาเหล้า ท้องฟ้าค่ำลงแล้ว เหวินฮุ่ยเสนอไปตรงๆ ว่าให้พวกเขาค้างอยู่ที่นี่ ซือเหยี่ยนคิดแล้วก็ว่าดีเหมือนกัน จึงพยักหน้ายอมตกลง
ได้ยินว่าพวกเขาสองคนคืนนี้จะค้างอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแล้ว เหวินฮุ่ยดีใจสุดขีด เธอรีบพูดกับคุณพ่อซือ ให้เขาทำอาหารอร่อยๆ ให้เฉินเฉินได้ลิ้มลอง
คุณพ่อพยักหน้ารับคำ แต่กลับโดนซือเหยี่ยนปฏิเสธมา
“พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่พักเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ถึงแม้ว่าตระกูลซือจะมีเงินมีอำนาจ แต่หลายปีมานี้ เรื่องหุงหาอาหาร พวกเขาเป็นคนทำเองทั้งหมด
ดังนั้นหลายปีมานี้ เรื่องทำความสะอาดดูแลคฤหาสน์จะให้คนอื่นมาทำ ส่วนเรื่องการกินพวกเขาทำกินกันเองมาโดยตลอด
เหวินฮุ่ยคิดว่าครอบครัวก็ควรจะเป็นอย่างนี้ ดังนั้นถึงแม้ตระกูลซือนี้จะรวย แต่เหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซือก็ยังใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เมื่อก่อนทั้งสองคนทำงานกันยุ่งๆ กลับมาก็ทำกับข้าวด้วยกัน
ต่อมาซือเหยี่ยนรับช่วงต่อบริษัท ทั้งสองคนจึงได้ไปเที่ยวกันทั่วทุกแห่งหน บางครั้งบางคราวก็กลับมาอยู่ไม่กี่วัน มาทำอาหาร ซื้อวัตถุดิบ เดินเล่นตลาด
เป็นอย่างนี้มาตลอดหลายปี ซือเหยี่ยนเองก็ค่อยๆ ซึมซับได้รับอิทธิพลไปด้วย เขาจึงชอบกลิ่นอาหารปรุงสุกใหม่ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากๆ ไปโดยปริยาย
ดังนั้น ถ้ามีเวลา เขาก็เข้าครัวเองเช่นกัน
เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่หลังจากที่คบกับเจียงมู่เฉินแล้ว ซือเหยี่ยนถึงได้ค้นพบความรู้สึกของการได้ทำอาหารให้คนที่ตัวเองชอบกิน เห็นเขากินจนหมดเกลี้ยง ไม่ต้องถึงขั้นเจรจาธุรกิจพันล้าน ก็รู้สึกประสบความสำเร็จมากแล้ว
เหวินฮุ่ยมองดูซือเหยี่ยน “ลูกไม่ขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนเฉินเฉินเหรอ”
ซือเหยี่ยนส่ายหัว “เขาหลับไปแล้ว ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรอกครับ”
ในเมื่อซือเหยี่ยนพูดขนาดนี้แล้ว เหวินฮุ่ยก็รีบถอยออกมา ยกครัวให้ซือเหยี่ยน ตัวเองกับคุณพ่อซือเดินไปยังสวนดอกไม้ ชมดอกไม้ไปด้วย ป้อนผลไม้กันไปด้วย
ซือเหยี่ยนเห็นพวกท่านเป็นแบบนี้กันจนชินตาไม่รู้สึกแปลกมาตั้งนานแล้ว ทุกอย่างเป็นปกติ
เขามองดูวัตถุที่คุณพ่อซือคุณแม่ซือเพิ่งจะซื้อกลับมา แล้วเลือกของที่เจียงมู่เฉินชอบกินออกมา เวลานี้ถึงได้เริ่มลงมือทำอาหาร
เจียงมู่เฉินเมาทีหลับไปสามชั่วโมงเต็มๆ
ซือเหยี่ยนทำอาหารเสร็จแล้ว ยังไม่เห็นเจียงมู่เฉินตื่น เขาล้างมือแล้วจึงขึ้นชั้นบนไปดู
ก็เห็นเพียงแค่เจียงมู่เฉินนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่ นอนหลับตาพริ้มพร้อมรอยยิ้มอย่างสบายใจเฉิบ
ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน อุ้มคนขึ้นมาวางบนขาของตัวเอง
เจียงมู่เฉินโดนเขากอดอยู่อย่างนี้ก็ยังไม่ตื่น ซือเหยี่ยนยกมือขึ้นบีบจมูกเจียงมู่เฉินไว้ ในที่สุดเขาก็หายใจติดขัด ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย
ซือเหยี่ยนปล่อยมือ เสียงต่ำเอ่ยเรียก “ลุกเถอะ ไปกินข้าวกัน”
ครั้งแรกเจียงมู่เฉินแน่นิ่ง
ครั้งที่สองเจียงมู่เฉินยังคงแน่นิ่ง
จนถึงครั้งที่สาม เขาถึงได้ลืมตาขึ้นมองซือเหยี่ยน “มีอะไรเหรอ”
ดวงตาดอกท้อยังยกเปลือกตาไม่ค่อยจะขึ้น เพราะเพิ่งจะตื่นจากการนอนมา เขาหรี่ตาเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเขา
เจียงมู่เฉินปรือตา เงยหน้าขึ้นเอ่ย “ขอต่อ”
ซือเหยี่ยนไม่ลังเล ก้มหน้าลงจูบเขาอีก หลังจากจูบแล้ว ซือเหยี่ยนก็เอ่ยเสียงต่ำ “คุณอยากนอนต่อ หรือลงไปกินข้าวกับพ่อแม่ผม”
เจียงมู่เฉินได้ยินคำกล่าวถึงพ่อแม่ซือเหยี่ยน ก็สะดุ้งตกใจเด้งตัวขึ้นมาทันที เขามองไปรอบๆ ถึงได้พบว่าตอนนี้ตัวเองนอนอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลซือโดยไม่คาดคิด