ตอนที่ 546 จะบีบเขาให้ได้เลยใช่ไหม
ไป๋จิ่งเห็นเหยียนอวี้ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหนสักที เขาอดจะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้
‘มั่วไป๋ยังหลับอยู่นะ เหยียนอวี้ไม่คิดจะเฟดตัวออกไปอีกเหรอ’
มีหรือที่เหยียนอวี้จะคิดถึงเรื่องนี้ได้ ตอนนี้ในหัวเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่มั่วไป๋คืนดีกับไป๋จิ่งแล้วโดยไม่คาดคิด
นี่ทำให้เหยียนอวี้ไม่กล้าจะยอมรับได้
รออยู่หลายนาที เหยียนอวี้ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาเบนสายตาจากมั่วไป๋ไปมองไป๋จิ่ง
ก็เห็นเพียงแค่ไป๋จิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อยใส่เขา แสดงท่าทีไม่ชอบใจ
เหยียนอวี้ทำเสียงพ่นลมหายใจในใจ เพิ่งจะคืนดีกันก็มองเขาขัดตาแล้วเหรอ
เกิดความฮึกเหิมอยากจะแอบยุให้มั่วไป๋สะบัดไป๋จิ่งทิ้ง
ทั้งสองคนจ้องกันไปกันมา ไม่มีใครยอมใคร
มั่วไป๋ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางแรงอาฆาตที่อยู่เต็มเปี่ยมในแววตา มือที่ถูกไป๋จิ่งกุมไว้ขยับเล็กน้อย
ไป๋จิ่งรับรู้ถึงความเคลื่อนไหว เขารีบหันไปมองทันที
ก็เห็นแค่เพียงมั่วไป๋ที่เบิกตาเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขายกมือขึ้นมากดบริเวณขมับที่ปูดขึ้นมา เอียงหน้ามองไปด้านข้าง “เหยียนอวี้ นายอยู่ที่ได้ยังไง”
เหยียนอวี้หมดอาลัยตายอยาก ตอนนี้จะก่อหวอดแบบไหนกัน
‘สองคนนี้จะบีบเขาให้ได้เลยใช่ไหม’
“หึ” เหยียนอวี้ทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ ตอนนี้รังเกียจฉันที่ขวางหูขวางตาใช่ไหม ครั้งหน้ามีเรื่องอะไรแล้วมาหาฉันอีก ฉันรับประกันจะเย็นชาในใส่จนนายไม่อาจเอื้อมเลยคอยดู
ด้วยเหตุนี้เหยียนอวี้จึงไม่ได้พูดอะไร เดินสะบัดผมออกไป
‘เขาเป็นผู้ชายที่โกรธเป็นนะ จะมาให้อภัยกันสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง’
ด้วยเหตุนี้มั่วไป๋กับไป๋จิ่งสองคนจึงมองดูเหยียนอวี้ที่เดินหน้าเชิดออกไปทั้งอย่างนี้
มั่วไป๋มองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง เสียงต่ำเอ่ยถามขึ้น “เมื่อกี้เขามาดูอะไรเหรอ”
ไป๋จิ่งคิดแล้วตอบกลับไป “แอบดูคุณหลับ”
เหยียนอวี้ที่ยังเดินไม่พ้นประตูไปไกลนัก “…”
อีกนิดเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว เขาเป็นคนประเภทว่างเบื่อไม่มีอะไรทำแล้วมาแอบดูมั่วไป๋นอนหลับเหรอ
‘อยากจะพุ่งเข้าไปตีคนทำทำยังไงดี’
เหยียนอวี้พร่ำบอกตัวเองไม่หยุด เขาเป็นหมอที่มีจรรยาบรรณวิชาชีพ จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนไข้ไม่ได้
……
หลังจากเหยียนอวี้เดินออกไปแล้ว มั่วไป๋ดูเวลาแล้วเตรียมจะลุกจากเตียง เขาเพิ่งจะเตรียมดึงผ้าห่มออก ถึงได้พบว่ามือตัวเองยังถูกไป๋จิ่งกุมไว้แน่นอยู่
เขาชะงักงันไป จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาปล่อยมือไป๋จิ่ง
มั่วไป๋ยังไม่ทันได้ดึงมือออก ไป๋จิ่งก็รีบคว้าไว้แน่นทันที กลัวมั่วไป๋จะปล่อยมือออกกะทันหัน
มั่วไป๋เงยหน้ามองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง เขาก็เห็นเพียงแค่แววตาที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เหมือนมีอะไรค่อยๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาอย่างช้าๆ
แค่เพียงมองแวบเดียวเท่านั้น มั่วไป๋ก็ไม่ค่อยจะกล้ามองเท่าไหร่แล้ว
เขารู้สึกมาตลอดว่าดูเหมือนไป๋จิ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
มั่วไป๋หันหน้าอยากจะหลีกหนี แต่มือยังถูกไป๋จิ่งกุมไว้อยู่ อยากหลบก็หลบไม่ไหว
เขาทำได้เพียงแค่เอียงหน้าเล็กน้อย หลบหลีกสายตาของไป๋จิ่ง
ไป๋จิ่งเห็นลำคอระหงของมั่วไป๋ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ มั่วไป๋จะหลบหนีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนทีละนิดๆ ได้
ไป๋จิ่งไม่อยากให้มั่วไป๋หลบหนีเขาต่อไปแบบนี้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงจับมือมั่วไป๋ไว้แน่นสนิท ไม่ให้เขาหลบหนีไปได้
มั่วไป๋รับรู้ถึงแรงที่เพิ่มขึ้นมาในฝ่ามือ เขาถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ดูท่าว่าวันนี้ถ้าเขาไม่แสดงออกตามเจตนาของไป๋จิ่งให้ชัดเจน ไป๋จิ่งก็จะไม่ปล่อยมือแล้ว
คิดได้เช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงเงยหน้ามองไป๋จิ่ง
“บอกมาเถอะ มีอะไรอยากจะพูด”
เดิมไป๋จิ่งเตรียมพร้อมอยู่ในใจมาแล้ว แต่พอถูกมั่วไป๋มองขนาดนี้ เขาก็กระวนกระวายนิดหน่อยเสียเดี๋ยวนั้น
ไป๋จิ่งกดเก็บความกระวนกระวายในใจลงไป แล้วเอ่ยเสียงต่ำทันทีหลังจากนั้น “ผมรู้ว่าเมื่อคืนควรจะไม่ได้ทำให้เข้าใจผิด แล้วก็เข้าใจความหมายของคุณ”
เขาตื่นตระหนกนิดหน่อย หยุดลงสักพัก แล้วเอ่ยต่อ “แต่ว่าผมยังอยากจะพูดกับคุณให้ชัดเจน”
ตอนที่ 547 ต้องการคำตอบ
คนสองคนนั่งอยู่บนเตียงใครเตียงมัน ผ้าห่มต่างก็ยังไม่ได้เปิดออก กลับพูดปัญหาที่จริงจังขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่ว่าจะไม่ถูกกาลเทศะ มั่วไป๋รู้สึกว่าตัวเองไม่แน่ว่าจะยิ้มหัวเราะออกมาได้
คงจะมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่เพิ่งตื่นขึ้นมาอยู่นั่งบนเตียงแล้วพูดคุยเรื่องแบบนี้ได้
“ผมจริงจังนะ ไม่ได้จะมาเล่นๆ หลอกๆ เลยสักนิด” เขาพูดไปพลางมองมั่วไป๋ “แล้วคุณล่ะ”
เขาแค่อยากได้คำตอบเดียวที่ยืนยันได้แน่นอน
เขาแค่อยากได้คำตอบเดียวที่ชอบด้วยเหตุผล หลังจากนั้นก็จะเก็บรักษามั่วไป๋ไว้อย่างดี
มั่วไป๋รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามกันตรงๆ ขนาดนี้ เพียงชั่วขณะยังไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดี
ผ่านเรื่องราวในตอนนั้นมา ลักษณะนิสัยของมั่วไป๋เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่เหมือนตอนนั้นที่ไม่เก็บอารณ์แม้แต่น้อยเผยความรู้สึกตัวเองหมดเปลือก
ดังนั้นเมื่อไป๋จิ่งต้องการคำตอบจากเขา เขาอ้าปากจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
เขาควรจะเลือก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นสายตาไป๋จิ่งที่รอคอยแต่กลับซ่อนความกังวลไว้ เขาก็ตอบ “อืม” โดยไม่คิดอะไรก่อนทั้งนั้น
ถึงแม้ว่ามั่วไป๋จะตอบเพียงแค่ ‘อืม’ คำเดียว แต่กลับได้ตอบคำถามของไป๋จิ่งเรียบร้อยแล้ว
ไป๋จิ่งดีใจแทบบ้าอยู่ในใจ เขากุมมือกระชับมือมั่วไป๋แน่นขึ้นเล็กน้อย คนทั้งคนทำอะไรไม่ค่อยถูกแล้ว
ราวกับว่าอยากพุ่งเข้าไปกอดมั่วไป๋ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้มั่วไป๋ตกใจ แล้วพยายามยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
มั่วไป๋เก็บอารมณ์ความรู้สึกของไป๋จิ่งไว้ในสายตาทั้งหมด ในใจก็ขำขันอยู่ไม่น้อย
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ‘อืม’ คำนั้นของเขา พูดได้คุ้มค่ามาก
ในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหวานละมุน มั่วไป๋สูดหายใจเข้าไป รู้สึกว่ากลิ่นหวานนั้นไล้ไปตามปลายจมูกค่อยๆ อบอวลแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ
เวลาผ่านไปนาน มั่วไป๋กระแอมไอด้วยความรู้สึกไปไม่ถูก เอ่ยอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก “คือว่า…ฉันจะไปล้างหน้า”
ไป๋จิ่งยังกำลังดีใจอยู่ ได้ยินคำพูดของมั่วไป๋ ก็รีบพยักหน้าทันที “ได้สิ คุณไปเถอะ”
‘มือเขายังดึงไว้อยู่ แล้วเข้าจะไปได้ยังไงกัน’
มั่วไป๋ก้มหน้ามองมือไป๋จิ่ง บอกใบ้เบาๆ
เวลานี้ไป๋จิ่งเพิ่งรู้ตัว เขาหัวเราะแห้งๆ ดูเหมือนจะเกรงใจไม่เบา รีบปล่อยมือทันที
“คุณ คุณไปเถอะ”
มั่วไป๋ได้รับอิสระใหม่อีกครั้ง เวลานี้ถึงได้ยื่นมือไปดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียงแล้วเข้าห้องน้ำไป
สายตาไป๋จิ่งเหมือนกับกาวห้าศูนย์สอง เกาะติดอยู่บนตัวมั่วไป๋ ติดตัวมั่วไป๋เข้าห้องน้ำไป
ถ้าไม่ใช่ว่าเขายังพอมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง คาดว่าจะตามเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
ไป๋จิ่งลูบหัวปอยๆ ยิ้มหัวเราะกับคำว่า ‘อืม’ ของมั่วไป๋
คิดถึงเพียงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋จิ่งก็ยิ่งลึกลงอีก มองจากมุมไกลเหมือนเจ้าโง่ไม่มีผิด
มั่วไป๋เข้ามาในห้องน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจก ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเอง ก็เห็นเพียงแค่ว่าไม่ได้ผิดแผกจากเดิมไปมากจนเกินไป
ทันทีหลังจากนั้นมั่วไป๋ก็เอามือมาวางที่หัวใจของตัวเอง ก็เห็นเพียงแค่ตรงนั้นเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เสียความสงบเงียบไป
เร็วแรงราวกับอยากจะเต้นออกมาอย่างไรอย่างนั้น
มั่วไป๋กอบน้ำไว้ในมือ แล้ววักน้ำใส่หน้า เหมือนอยากจะวักน้ำดับหัวใจที่ไม่สงบเงียบของเขา
……
ไป๋จิ่งลงไปซื้ออาหารเช้ามาสองชุด คิดดูแล้วก็ซื้อให้เหยียนอวี้อีกชุดด้วย ถึงอย่างไรตอนเช้าก็ล่วงเกินเหยียนอวี้ไป ยังต้องตามไปง้อสักหน่อย
ถึงอย่างไรก็เป็นหมอเจ้าของไข้ ต้องติดสินบน
ไป๋จิ่งเดินๆปถึงห้องทำงานของเหยียนอวี้อย่างอารมณ์ดี เขาเชิดมุมปากผลักประตูเข้าไป อีกนิดขาดแค่เขียนบนใบหน้าว่า ‘อารมณ์ดีมาก’
เหยียนอวี้กวาดสายตามองรอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋จิ่งพลางยิ้มเยาะ
‘รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่เข้าตา หมายความว่ายังไง’
ไป๋จิ่งทำเป็นมองการยิ้มเยาะของเหยียนอวี้ไม่เห็น เดินเข้าไปถึงหน้าโต๊ะของเหยียนอวี้ วางอาหารเช้าลงต่อหน้าเหยียนอวี้ “ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหมล่ะ ผมเลยเอามาให้คุณด้วย”