ปาร์ตี้ปิดกล้อง
หลินเช่อมองหน้าอวี๋หมินหมิ่นอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับอวี๋หมินหมิ่นมาหลายปี เธอรู้สึกว่าถึงแม้อวี๋หมินหมิ่นจะชอบทำตัวหัวสูง แต่เธอก็ไม่ใช่คนไม่น่าคบหาแต่อย่างใด
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเธอทั้งสองคนต่างก็เปิดเผยอุปนิสัยที่แท้จริงของตัวเองกันออกมาอย่างตรงไปตรงมา เธอรู้สึกว่าอวี๋หมินหมิ่นไม่เสแสร้งแล้วก็ไม่เคยคิดจะแก้ตัวที่เธอเองเป็นคนแบบนี้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ใช่คนน่ารำคาญ
และถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอวี๋หมินหมิ่นจะไม่ได้ดูแลเธอเป็นอย่างดีเท่าไหร่นัก แต่หล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีกับหลินเช่อด้วยเช่นกัน มันเป็นเพราะว่าหลินเช่อเป็นเพียงนักแสดงเล็กๆ ที่ยังไม่มีชื่อเสียง ทำให้อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้มีโอกาสที่จะช่วยเหลือดูแลเธอสักเท่าไหร่นัก แต่มาตอนนี้ หลินเช่อได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่อวี๋หมินหมิ่นจะได้เริ่มเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอทั้งสองจึงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก
ไม่ช้าพวกเธอก็มาถึงคลับเฮาส์ของกู้จิ้งอวี่
จากด้านนอก พวกเธอก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่คลับเฮาส์ธรรมดาทั่วไป แต่มันดูเหมือนรีสอร์ตคลับเฮาส์ที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชนิดเต็มอัตรา ที่ชั้นใต้ดินนั้นเป็นคลับสำหรับความบันเทิง ส่วนเหนือพื้นดินเป็นโรงแรม พวกเธอสามารถกิน ร้อง เต้น เล่นเกม และไปที่บาร์เครื่องดื่มได้พร้อมกันในที่เดียว
เมื่อมองจากด้านนอก ตึกสูงหลังนั้นกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทำให้แลดูให้ความรู้สึกของความหรูหรามีระดับเป็นอย่างมาก
บรรดาคนจากทีมงานกองถ่ายต่างพากันทยอยมาถึงครั้งละสองสามคน พวกเขาต่างแสดงความยินดีแก่กันและร่วมฉลองการปิดกล้องถ่ายทำซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่องนี้
หลินเช่อพาอวี๋หมินหมิ่นเข้าไปหาที่นั่งตรงบริเวณที่มีคนไม่แออัดจนเกินไปนัก ทั้งสองนั่งพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ตามสบาย ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าผู้คนรอบข้างเริ่มส่งเสียงอื้ออึงดังไปทั่ว เพราะการมาถึงของกู้จิ้งอวี่นั่นเอง
หลินเช่อรีบยกแขนขึ้นและร่วมผสมโรงตบมือไปด้วย เธอเห็นกู้จิ้งอวี่กำลังเที่ยวทักทายคนอื่นๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเธอ
สีหน้าของหลินเช่อเต็มไปด้วยความสับสนไม่แน่ใจ เธอเฝ้ามองกู้จิ้งอวี่และอดรู้สึกแปลกนิดๆ ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินมาหาและนั่งลงข้างเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ
หลินเช่อถามว่า “ทำไมคุณถึงมานั่งตรงนี้ละคะ”
มีการจัดเตรียมที่นั่งพิเศษเอาไว้ให้สำหรับนักแสดงนำและบุคคลสำคัญในทีมถ่ายทำ แล้วนี่เขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมกัน
กู้จิ้งอวี่มองหน้าเธอ “ก็ตรงนี้มันเงียบดีนี่ ฉันชอบที่เงียบๆ ทำไมเหรอ”
“…” ก็ได้ ถ้าชอบก็ตามใจเถอะ
เป็นครั้งแรกที่อวี๋หมินหมิ่นได้นั่งใกล้ชิดกับดาราระดับซูเปอร์สตาร์ เธอจึงไม่อาจระงับท่าทีตื่นเต้นกระสับกระส่ายเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีดาราดังๆ มาร่วมงานมากมาย แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นดาราดังตัวท็อปแบบนี้
กู้จิ้งอวี่หันมาเห็นอวี๋หมินหมิ่น เขาเอียงคอทักทายและส่งยิ้มให้ทำเอาอวี๋หมินหมิ่นมีสีหน้าปลื้มปริ่มเป็นที่สุดและรีบฉีกยิ้มตอบกลับไป
ดาราคนดังเหลือบมองหญิงสาวข้างตัวแล้วเริ่มต้นบทสนทนากับหลินเช่อต่อ ทำเอาหญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้หรือบ่ายเบี่ยงได้แม้ว่าจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม
ตอนแรกเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่เมื่อได้เห็นสายตาแปลกๆ หลายคู่ที่พากันมองตรงมาทางเธอเข้า หลินเช่อก็อดที่จะรู้สึกอายขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ เธออยากจะลุกหนีไปเต็มที
เมื่อหลินลี่ก้าวเข้ามาในงาน เธอกวาดตามองเพียงครั้งเดียวก็เห็นกู้จิ้งอวี่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างหลินเช่อ
เป็นเรื่องยากที่จะมองไม่เห็นหลินเช่อ เพราะทุกคนต่างก็พากันจับจ้องมาที่เธอกันเป็นตาเดียว แถมยังพูดคุยซุบซิบกันอย่างออกรสจนเป็นที่สะดุดสายตาอย่างมาก
เธอคิดถึงงานเลี้ยงฉลองหมั้นของตัวเองที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดีจนเธอคิดว่าจะสามารถทำให้ตัวเองได้กลายเป็นข่าวดังไปอีกหลายวันให้ใครต่อใครได้พูดถึงด้วยความอิจฉา เป็นเพราะข้อความเพียงแค่โพสต์เดียวของกู้จิ้งอวี่เท่านั้นที่ทำให้หลินเช่อได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้เต็มๆ หลินลี่คิดแล้วก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาในหัวอกทีเดียว
แล้วยิ่งระยะนี้นังหลินเช่อก็ยังจะทำตัวยโสโอหังใหญ่แล้ว! ไม่ว่าหล่อนจะไปที่ไหน ก็เอาแต่คอยทำตัวเรียกร้องความสนใจไม่หยุด
เมื่อมู่เฝ่ยหรานมาถึงงาน ทุกคนก็เริ่มหันไปแสดงความยินดีกับเธอ
หลินเช่อมองดูมู่เฝ่ยหรานด้วยความอิจฉาแล้วกล่าวว่า “ถ้าฉันได้เป็นนักแสดงมีบารมีอย่างพี่เฝ่ยหรานบ้างสักวันก็คงจะเยี่ยมไปเลยนะคะ”
ด้านหลังของมู่เฝ่ยหรานคือบรรดาผู้ช่วยส่วนตัวและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่ติดตามเธอมาด้วย เมื่อเข้ามาอยู่ในงาน ทุกคนก็รับรู้ได้ถึงการขยับตัวไปในทุกที่ของเธอ
กู้จิ้งอวี่เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองตามหลินเช่อ เขายิ้มและบอกว่า “สักวันเธอก็จะได้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่าย “คุณก็พูดไปเรื่อยนะคะ กว่าจะถึงวันนั้นคงอีกนานมากเลยละ”
“เชื่อในตัวเองสิ ความสำเร็จทุกอย่างล้วนต้องค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว เมื่อก่อนนี้ มู่เฝ่ยหรานเองก็เป็นหญิงสาวยากจนที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกินด้วยซ้ำ ตัวหล่อนเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ได้”
“จริงเหรอคะ พี่เฝ่ยหรานเนี่ยนะจะเคยมีชีวิตแบบนั้นด้วย”
“แน่นอนสิ มีใครเป็นดาราดังมาตั้งแต่เกิดบ้างเล่า”
มีสิ! ก็พวกคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดทั้งหลายไงล่ะ หลินเช่อเหลือบตามองกู้จิ้งอวี่ ทั้งเขาและกู้จิ้งเจ๋อนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเทพบุตรมาจุติก็ว่าได้ เป็นที่อิจฉาของใครต่อใครมาตั้งแต่เกิด
กู้จิ้งอวี่เหมือนจะอ่านความคิดอีกฝ่ายได้ เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เธอคิดว่าขอแค่มีข้าวให้กินตอนเด็กๆ แค่นั้นก็คงมีความสุขแล้วละสินะ ไม่ว่าใครก็มีปัญหาของตัวเองกันทั้งนั้นนั่นแหละ สมาชิกตระกูลกู้ก็เหมือนกัน ในขณะที่เราได้เสพสุขกับทรัพย์สินเงินทองทั้งหลาย เราก็ต้องแบกรับภาระต่างๆ เอาไว้เต็มสองบ่าด้วย เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่ขอกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้อีก แล้วดูฉันตอนนี้สิ ทั้งอิสระแล้วก็เสรีออกจะตาย จริงมั้ยล่ะ”
นี่กู้จิ้งเจ๋ออก็มีปัญหากับเขาด้วยงั้นเหรอ
ก็คงจะจริงนั่นแหละ พอลองคิดดูแล้ว เธอก็รู้ได้ตั้งแต่ความจริงข้อแรกที่ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ปรารถนาเลย
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเห็นใจกู้จิ้งเจ๋อ ถึงแม้ว่าเขาจะดีพร้อมทุกอย่างแต่กลับต้องล้มป่วยด้วยโรคประหลาด และชีวิตที่อิจฉาของเขาต้องกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะว่าหลินเช่อ
“เฮ้ นี่ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ เธอคิดถึงใครอยู่น่ะ” เมื่อเห็นเธอมีท่าทีใจลอย กู้จิ้งอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกเธอเบาๆ
“โอ๊ย เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้นนั่นแหละ” หลินเช่อรีบตอบอย่างรู้สึกผิดกับตัวเอง
ที่งานเลี้ยงฉลองปิดกล้องนี้ ทุกคนต่างก็มีความสุขและสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง เพราะหลังจากการถ่ายทำที่เสร็จสิ้นลงแล้ว ทุกคนจะได้พัก ในระหว่างที่การทำงานในขั้นตอนหลังจากนั้นจะเริ่มขึ้น และเมื่อเริ่มซีรีส์เริ่มออกอากาศ ทุกคนก็จะต้องมารวมตัวอีกครั้งเพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์และออกงานอีเวนต์เพื่อเดินสายโปรโมตต่อไป
ทุกคนต่างพากันดื่มชนิดหัวราน้ำ หลินเช่อเองไม่ใช่คนคอแข็งเท่าไหร่ เมื่อเธอเดินกลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำ เธอก็พบว่าทุกคนพากันหายหน้าไปหมด
แม้แต่อวี๋หมินหมิ่นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินเช่อจึงนั่งดื่มต่อเพียงลำพังคนเดียว จนกระทั่งเธอได้ยินใครบางคนพูดขึ้นทางด้านหลังว่า “ท่านประธานาธิบดีมาที่นี่จริงๆ นะ”
“ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นคลับเฮาส์ของตระกูลกู้นี่เนอะ ท่านประธานาธิบดีจะมาที่คลับเฮาส์ของครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ที่นี่ไม่ได้เป็นของกู้จิ้งเจ๋อหรอกเหรอ”
“พวกเขาเป็นพี่น้องกันนี่ ทำไมจะต้องมาแบ่งว่าของใครเป็นของใครด้วยล่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นหรอกเหรอ ดูเหมือนว่าเขาจะมาค้างคืนที่โรงแรมข้างบนนั่น ตอนนี้ก็เลยมีการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยแล้วก็ห้ามคนเข้าออกด้วย”
ในจังหวะนั้นเอง กู้จิ้งอวี่ก็เดินกลับมาพอดี หลินเช่อรีบดึงเขาให้นั่งลงข้างตัวแล้วถามว่า “เมื่อกี้พวกเขาบอกว่าท่านประธานาธิบดีเพิ่งมาถึงเหรอคะ เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวคุณใช่หรือเปล่า”
กู้จิ้งอวี่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ใช่ เขามาแล้วมันแปลกอะไรเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ…ครอบครัวของคุณนี่…พี่น้องแต่ละคนต่างก็เป็นคนสำคัญกันทั้งนั้นเลย”
“แล้วเธอชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเธอชอบ เธอจะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลกู้ก็ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ฉันรับประกันได้ว่าเธอจะรู้สึกถึงชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมแบบสุดๆ เลยละ” กู้จิ้งอวี่พูดพลางยิ้มกริ่ม
หลินเช่อนึกกลัวว่าจะถูกจับได้ เธอจึงก้มหน้างุด พลางคิดอยู่ในใจด้วยความอายว่า ตอนนี้เธอเองก็ถือว่าเป็นสมาชิกของตระกูลกู้เข้าไปครึ่งหนึ่งแล้วละนะ…
กู้จิ้งหมิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาได้สามปีแล้ว คะแนนนิยมของเขานับว่าเป็นไปด้วยดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีกลุ่มคนคอยไปรวมตัวกันติดตามไปให้กำลังใจในทุกที่
หลินเช่อมองเห็นผู้คนพากันวิ่งออกไปเพื่อดูประธานาธิบดี เธอจึงได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ และรีบหันไปถามกู้จิ้งอวี่อย่างร้อนใจ “แล้วนี่พี่อวี๋หายไปไหนเสียละคะ”
“พี่อวี๋เหรอ ผู้จัดการของเธอใช่มั้ย ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากที่ฉันเห็นเมื่อกี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะเมานะ เห็นหล่อนเดินโงนๆ เงนๆ ออกไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย” กู้จิ้งอวี่เลิกคิ้วแล้วถามต่อ “อ้อ ถ้าหล่อนขึ้นไปข้างบนแล้วบังเอิญไปเจอประธานาธิบดีเข้าละก็ หล่อนได้หมดสนุกแน่ รับรอง”
“…” หลินเช่อได้แต่เฝ้าพะวงอยู่ในใจ พี่อวี๋คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกน่า