ตลอดทั้งคืน กู้จิ้งเจ๋อนอนหลับสนิทเป็นอันดี
สิ่งที่เขารับรู้ในเวลาต่อมาก็คือ แสงแดดของยามเช้าที่ส่องสว่างแล้ว
เมื่อตื่นนอนขึ้น เขาก็ได้เห็นเท้าของหลินเช่อวางเด่นอยู่ตรงหน้า ขาทั้งสองข้างของเธอพาดอยู่บนตัวเขา โรคนอนดิ้นของหลินเช่อทำให้เธออยู่ในสภาพนอนขวางเตียงเอาไว้
น่าแปลกที่เขาไม่ยักรู้สึกเลยว่าขาของเธอขยับมาพาดไว้ตอนไหนเมื่อคืนนี้
หลินเช่อที่เพลียหนักจากเมื่อวานยังคงอยู่ในสภาพง่วงงุน
“นี่…นี่กี่โมงแล้วน่ะ…” หลินเช่อเกาสะลึมสะลือเกาเท้าแกร่กๆ ขาข้างหนึ่งกระแทกเข้าที่หน้ากู้จิ้งเจ๋อ
ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบลุกขึ้นนั่งทันที เขาหันไปมองหญิงสาวอย่างพูดอะไรไม่ถูกแล้วร้องขึ้นว่า “หลินเช่อ นี่เธอทำอะไรน่ะ!”
หลินเช่อหันมาเห็นคนตัวโตนั่งอยู่บนเตียง หน้าตาบูดบึ้งอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา
“อา โทษทีน่ะ…” เธอเกาหัวแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มาดู เมื่อเห็นว่าเพิ่งจะเป็นเวลาหกโมงเช้าเท่านั้น เธอก็กางแขนล้มผึ่งลงกับเตียงอีกรอบ “พระเจ้า ยังเช้าอยู่เลย คุณตื่นขึ้นมาทำไมคะเนี่ย”
“นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนได้ก่อน อีกอย่าง การตื่นเช้าช่วยให้รู้สึกมีพลัง เหมาะกับงานใช้ความคิดยังไงล่ะ” เขาก้าวลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างกระฉับกระเฉง
หลินเช่อหันไปมองแล้วนึกอยากจะคารวะเขาจริงๆ
ไม่ว่ากู้จิ้งเจ๋อจะเข้านอนดึกดื่นแค่ไหน เขาก็จะตื่นขึ้นมาตอนหกโมงตรงเป๊ะทุกครั้งไม่เคยสายกว่านั้น แล้วก็สามารถลุกจากเตียงขึ้นไปทำโน่นทำนี่ได้ทันที ก่อนจะกลับมาตอนค่ำและทำงานต่อจนถึงกลางดึกจึงจะเข้านอน
หลินเช่อคิดว่าเขาไม่น่าจะได้นอนถึงเจ็ดชั่วโมง อย่างเก่งก็น่าจะหกเท่านั้น
มีเพียงเฉพาะช่วงที่เร่งถ่ายทำเท่านั้น ที่หลินเช่อจะต้องอดหลับอดนอนเป็นวันๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมีโอกาส เธอก็จะหลับแบบเป็นตายชนิดปลุกไม่ตื่นเลยทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อคงจะทำงานหนักมากทีเดียว
หลินเช่อจำไม่ได้แล้วว่าทำไมเมื่อคืนเธอกับเขาถึงลงเอยด้วยการนอนบนเตียงเดียวกัน แต่ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงเลือกที่จะกลับไปนอนต่อภายในเวลาอันรวดเร็ว
กู้จิ้งเจ๋อกลับออกมาจากห้องน้ำและได้เห็นหลินเช่อหลับปุ๋ยไปแล้วอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นในท่านอนคว่ำ
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างระอา เขาคว้าผ้าห่มมาห่มให้ก่อนที่จะออกจากห้องไป
ตกบ่าย หลินเช่อนั่งมองสาวใช้ที่กำลังล้างรถ คิดว่าคงน่าสนุกดีที่จะร่วมวงด้วย
เมื่อสาวใช้เห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบวางสายยางในมือลงเพราะเกรงว่าจะกระเซ็นโดนเข้าจนเปียก
หลินเช่อพูดหน้าตาเฉยว่า “ไม่เป็นไร ฉันอยากจะมาช่วยถูน่ะ สมัยอยู่บ้าน ฉันเคยช่วยพี่เลี้ยงล้างรถ รับรองเลยว่าทำได้เหมือนมืออาชีพแน่”
“คุณผู้หญิงคะ คุณไม่จำเป็นต้อง…”
“ไม่เป็นไรน่า ในเมื่อฉันเป็นคุณผู้หญิง ทุกคนก็ต้องเชื่อฟังสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สาวใช้ก็ไม่มีทางเลือก
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อกลับมาถึงบ้าน เขาถอดเสื้อนอกออกและหันไปถามว่า “คุณผู้หญิงล่ะ”
สาวใช้พยักพเยิดไปทางสวนหลังบ้านแล้วบอกว่า “คุณผู้หญิง…กำลังล้างรถอยู่ค่ะ”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้าไปที่สวนหลังบ้านและได้เห็นหลินเช่อกำลังลงมือขัดถูด้านหลังของรถอย่างขมีขมัน ท่าทางราวกับพนักงานมืออาชีพก็ไม่ปาน
เมื่อได้เห็นเธอกำลังทำงานอย่างสนุกสนาน กู้จิ้งเจ๋อก็ส่ายหัว กระโปรงที่เธอสวมนั้นเปียกน้ำไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราว แต่เธอกลับไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะดูไม่ดีหรือกลัวว่าผิวจะเสีย เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดแบบนี้ เธอกลับส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็พลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วยทันตา
ดูเหมือนว่าเขาเองก็น่าจะติดเชื้อเธอเข้าแล้วเพราะเขาเองก็พลอยรู้สึกเบิกบานไปด้วยเช่นกัน
สาวใช้เมื่อได้เห็นว่าเจ้านายไม่ได้หัวเสียอะไร หนำซ้ำยังยิ้มกริ่มทีเดียว ท่าทางเขาดูอารมณ์ดีเอามากๆ เธอจึงพูดขึ้นว่า “คุณผู้หญิงไม่เคยถือตัวกับพวกเราเลยค่ะ แถมเธอยังช่วยงานพวกเราด้วยซ้ำ เธอเป็นคนดีมากเลยนะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อหันมายิ้ม ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาหลินเช่อ
“นี่เธอทำอะไรอยู่น่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
หลินเช่อแหงนหน้ามอง “ทำงานอยู่น่ะสิคะ เรื่องใช้แรงงานนี่ฉันถนัดนักแหละ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม “ไม่ยักรู้นะว่าเธอล้างรถเป็นด้วย”
หลินเช่อตอบ “ที่บ้านตระกูลหลินก็มีรถหลายคันอยู่ค่ะ สมัยก่อนฉันเคยต้องเป็นคนล้างรถ ลงแว็กซ์ก็เป็นนะคะ”
“เก่งขนาดนั้นเลยรึ”
“แน่นอนสิคะ ฉันทำได้ตั้งหลายอย่าง!” หลินเช่อยกนิ้วโป้งขึ้นเช็ดจมูกด้วยท่าทางภาคภูมิ จนทิ้งฟองสบู่เอาไว้บนปลายจมูกเล็กๆ นั่น
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะและเอื้อมมือมาช่วยเช็ดให้
หลินเช่อใช้มือถูปลายจมูกไปมาอย่างน่ารักและมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะยิ้มหวานให้เขา
หัวใจของกู้จิ้งเจ๋อเต้นระรัว
โดยไม่ทันได้คิดอะไร เพียงแค่มองหน้าเธอ เขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างประหลาดอวลอยู่ในใจ
“อา นี่แหละข้อดีของรถยี่ห้อแพงๆ ล่ะ ทันทีที่ฉันทำความสะอาดเสร็จ มันก็จะดูใสปิ๊งเหมือนใหม่ทันทีเลย” หลินเช่อมองดูรถปอร์เช่ราคานับล้านหยวน
แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็พลันนึกขึ้นได้ในตอนนั้นเองว่าหลินเช่อไม่มีรถ เขาจึงถามออกไป “เธอขับรถเป็นหรือเปล่า”
“ฉันเหรอคะ ไม่เป็นหรอก…”
เขาบอกเธอว่า “จริงสินะ เธอซื่อบื้อออกอย่างนี้ ไม่น่าต้องถามเลย”
“เฮ้ ฉันมัวแต่ทำมาหากินเอาชีวิตรอดอยู่นี่นา ก็เลยไม่มีเวลาจะไปหัด โอเคมั้ยคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มและคิดว่าอย่างเธอคงดูไม่ดีนักกับการขับรถปอร์เช่คันโตแบบนี้ เธอน่าจะเหมาะกับรถเล็กๆ หน่อย
“เธอควรจะมีรถและเริ่มหัดขับได้แล้ว มันสะดวกกว่ามาก”
หลินเช่อตอบ “ใช่ค่ะ! ฉันก็ว่าจะซื้อสักคันตอนที่เก็บเงินได้มากพอ!”
อันที่จริงตอนนี้เธอก็หาเงินได้มากขึ้นแล้ว แต่ถึงจะพยายามเก็บออมยังไง ก็ยังพอจะซื้อได้แค่รถยี่ห้อธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
กู้จิ้งเจ๋อกระทบกระเทียบ “ก็ได้ งั้นเราคงต้องรอกันตลอดไปเลยกว่าเธอจะเก็บเงินได้มากพอ ไปซื้อรถกันเถอะ”
“หา ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้แหละเหมาะเลย เพราะฉันว่างอยู่ เร็วเข้าสิ”
“โอ๊ย ไม่ละค่ะ มันมากเกินไป ฉันยังต้องใช้เงินคุณอยู่เลย”
“งั้นแปลว่าเธอจะไม่ซื้องั้นเหรอ”
ดวงตาของหลินเช่อวาววาบ ซื้อสิ เธอต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้แน่ๆ ก่อนจะรีบหัวเราะออกมา “ซื้อสิคะ ซื้อๆๆ ซื้อแน่นอน ฉันจะซื้อค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อพูดเบาๆ “นี่เธอควบคุมตัวเองหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ไม่เอาน่า ฉันต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองหลังหย่าด้วยสิ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะใช้เงินคุณ แต่ฉันก็ต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองด้วยนี่คะ”
กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้า เขาไม่ชอบเลยที่เธอพูดเรื่อง ‘หย่า’ เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาแบบนี้
“คนหน้าเงิน”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันคิดเรื่องเงินสักหน่อย คุณควรจะหัดทำตัวให้ชินไว้นะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อมายังร้าน 4S
ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นชายหนุ่มมาถึง เขาก็รีบตรงเข้ามาทักทายด้วยตัวเองในทันที เขามองดูคนทั้งสองด้วยท่าทีเคารพนบนอบยิ่ง “คุณกู้ครับ มาซื้อรถให้คุณผู้หญิงเหรอครับ”
“ใช่ นี่ภรรยาฉันเอง” กู้จิ้งเจ๋อแนะนำ
เจ้าของร้านตกตะลึงทีเดียวก่อนจะรีบพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณผู้หญิงมากทีเดียวครับ”
แน่ล่ะว่าต้องคุ้นหน้า เพราะเธอเริ่มที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วในช่วงนี้น่ะสิ
เจ้าของร้านถามต่อไป “คุณนายกู้ต้องการรถประเภทไหนครับ”
หลินเช่อไม่มีตัวเลือกใดในใจ เธอจึงหันไปมองกู้จิ้งเจ๋ออย่างจะรอคำตอบ