ด้วยอยากอาศัยรถฟรีกลับบ้าน เฉินโยวหรานจึงตัดสินใจว่าจะไม่ชวนเขาทะเลาะและยอมขึ้นรถอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ช้าเธอก็ถึงบ้าน
ขณะลงจากรถ เธอก็หันไปทำหน้าล้อเลียนใส่เขาแล้วพูดว่า “งานคนรับใช้ของนายอาจจะทำให้มีรถกับเงินก็จริง แต่นายก็ยังต้องเป็นคนมาส่งฉันกลับบ้านอยู่ดีนั่นแหละน่า ฮิๆ”
พูดจบก็เผ่นผลุงเข้าตัวอาคารไป
“เธอนี่มัน…” เฉินอวี่เฉิงจะวิ่งไล่ตามก็ไม่ทัน ทำได้แค่มองหญิงสาววิ่งเข้าไปที่ล็อบบี้และปิดประตูใส่โดยแรง
นายแพทย์หนุ่มนั่งบ่นพึมพำอยู่ในรถ “วิ่งเร็วเป็นบ้า”
เมื่อหมุนตัวจะเดินเข้าไปด้านใน เฉินโยวหรานก็หันไปเจอมารดาของตัวเองเข้าเต็มรัก
“โอ๊ย! ตกใจหมดเลย แม่ก็” หญิงสาวร้องอุทาน
ผู้เป็นแม่ลากตัวลูกสาวไปที่หน้าต่างและชี้ไปยังรถที่เพิ่งขับออกไป “ใครมาส่งแกที่บ้านน่ะ”
ที่ด้านหลังของแม่ เฉินโยวหลัน น้องสาวของเธอก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “นั่นน่ะสิพี่ ใครกันน่ะ แล้วทำไมเขาถึงมาส่งพี่ที่บ้านได้ล่ะ ฉันเห็นนะว่ารถนั่นน่ะปอร์เช่เชียว ทำไมถึงไปรู้จักคนรวยเบอร์นั้นได้ล่ะเนี่ย แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกพวกเราบ้าง”
เฉินโยวหรานมองแม่และน้องสาวด้วยความอึดอัด “แค่เพื่อนมาส่งบ้านน่ะ”
“นี่ไม่ได้เดตกับเขาหรอกหรือ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ” ให้เธอเดทกับอีตาเฉินอวี่เฉิงเนี่ยน่ะเหรอ รอให้เธอเสียสติซะก่อนเถอะ
เมื่อผิดหวังกับคำตอบ ผู้เป็นมารดาจึงไม่ซักไซ้อะไรต่อ “ฉันก็ว่าแล้วละว่าคนมีเงินระดับนั้นเขาไม่น่าชายตามองแกหรอก นี่แกควรจะหาแม่สื่อได้แล้วนะ”
ข้างเฉินโยวหลันก็กระโดดเข้ามาหาพลางอ้อนวอนว่า “พี่จ๋า ในเมื่อเขาไม่ใช่แฟนพี่…งั้นพี่ช่วยแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ ถ้าพี่คว้ามาไม่ได้ งั้นก็ให้ฉันลองหน่อยนะ”
“นั่นน่ะสิ ว่าแต่เขามีแฟนรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่มี แกก็ช่วยแนะนำให้น้องสาวแกหน่อย น้องแกก็อายุยี่สิบเข้าไปแล้ว ออกเดตได้น่ะ จะหาคู่น่ะต้องหาเสียตั้งแต่ยังสาวๆ ไม่อย่างนั้นคนดีๆ มีหวังโดนฉกไปหมดกันพอดี”
“โอ๊ย เขามีสาวควงเป็นกระบุง เลิกคิดกันได้เลยทั้งคู่นั่นแหละ” เฉินโยวหรานไม่อาจทนฟังสองแม่ลูกผู้หิวเงินได้อีกต่อไป เธอรีบตรงเข้าห้องและนึกถึงของขวัญที่จะต้องส่งให้กับยัยหลินเช่อหน้าโง่ในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวรีบกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น…
อีกด้านหนึ่ง
กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อกลับมาถึงบ้าน เมื่อเข้ามาในบ้าน เขาก็สั่งให้ทุกคนออกไปและพาเธอเข้าไปในห้องนอนด้วยตัวเอง
เขาวางหลินเช่อลงบนเตียง ใช้ผ้าขนหนูเปียกช่วยเช็ดหน้าให้เธอ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้า เมื่อเห็นว่าเธอไม่รู้สึกตัวดีนัก เขาจึงฉวยโอกาสก้มลงและจูบเธอเบาๆ ที่หน้าผาก
แต่เมื่อคิดได้ว่าหลินเช่อออกไปดื่มเหล้าตามลำพัง เขาก็อดโกรธไม่ได้ จนต้องเขกหัวเธอเข้าสักที
หลินเช่อสะดุ้งตื่น เมื่อเธอลืมตาก็มองเห็นกู้จิ้งเจ๋อ หญิงสาวจึงนิ่วหน้าและพยายามผลักเขาออกไป
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “นี่เธอเมาใส่ฉันอีกแล้วงั้นเหรอ!”
“คนเลว ออกไปเลยนะไม่ต้องเข้ามา” หลินเช่อว่า
กู้จิ้งเจ๋อหน้าตึง “ฉันเลวตรงไหน!”
หลินเช่อตอบ “เลวสิ คุณน่ะคอยแต่รังแกฉันอยู่เรื่อยเลย!”
ชายหนุ่มครุ่นคิด ถ้าหากว่าเป็นแบบที่เธอว่า เขาก็อยากจะรังแกหล่อนอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ กู้จิ้งเจ๋อพยายามอธิบายอย่างอดทน “ยัยโง่ แบบนี้เขาไม่เรียกว่ารังแก นี่เป็นการแสดงความรักต่อเธอต่างหากล่ะ”
หลินเช่อยังคงมึนงงจนได้ยินที่ชายหนุ่มพูดไม่ถนัดนัก เธอยังคงพยายามผลักไสเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ราวกับว่ากำลังจะหาทางระบายความหงุดหงิด “ปล่อยฉัน ออกไปนะ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”
“เอาล่ะ หลินเช่อ เกิดอะไรขึ้น”
เธอปัดมือเขาออกไปอย่างโกรธจัด “คุณก็มีผู้หญิงที่คุณรักอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมถึงยังจะมาวุ่นวายกับฉันอีก นี่คุณกำลังรังแกฉันอยู่นะ!”
กู้จิ้งเจ๋อนิ่งงัน
หลินเช่อยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วหยิกเข้าที่แก้มของอีกฝ่าย ด้วยความเมามาย หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน ขาเธอลอยละล่องขึ้นจากพื้น ร่างกายก็แผ่ขยายออกไป ตอนนี้เธอแยกไม่ออกแล้วระหว่างความฝันกับโลกความจริง เธอจึงทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณบอก
กู้จิ้งเจ๋ออยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอมองดูใบหน้าแสนร้ายกาจของเขาแล้วก็อดรู้สึกว่าตัวเองโชคดีไม่ได้ คนทั่วไปไม่มีทางได้แตะเนื้อต้องตัวผู้ชายคนนี้ต่อให้พวกเขาจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม แต่เขากลับอยู่ตรงหน้าต่อหน้าเธอในทุกๆ วัน
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็คิดว่าตัวเองโชคร้ายด้วย เพราะหลังจากได้พบกู้จิ้งเจ๋อแล้วจะมีผู้ชายคนไหนอีกล่ะที่จะทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ได้
เธอกลัวเหลือเกินว่าเมื่อเธอต้องจากเขาไปแล้ว เธอจะไม่มีวันตกหลุมรักใครได้อีก
แล้วแบบนี้โชคชะตาจะดลบันดาลให้เธอได้มาพบกับเขาทำไมกันล่ะ ให้เธอได้พบเขาแต่ไม่อาจได้ครอบครองเขา
หรือหากได้ครอบครองเขา ก็เป็นเวลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ถ้าจะให้ได้พบกันเพียงเพื่อผ่านแบบนี้ละก็ งั้นไม่ต้องเคยพบเจอกันเลยไม่ดีกว่าหรือ เธอจะได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาของเธอ แต่งงานกับผู้ชายธรรมดา แทนที่จะต้องมามีชีวิตอยู่แบบในเวลานี้…
“คนชั่ว อันธพาล คนร้ายกาจ กู้จิ้งเจ๋อ เมื่อไหร่เราจะหย่ากันซะที ไหนบอกฉันมาให้ชัดเจนทีซิ!”
เธอระดมมือตบตีเข้าไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายไม่ยั้งทั้งที่เขายังคงนิ่งไม่ไหวติง เขามองดูสีหน้าทุกข์ทรมานของเธอขณะยอมให้เธอทุบตีได้ตามใจชอบ
จนกระทั่งหลินเช่อหมดแรง เขาก็ยังคงไม่ขยับไปไหน
ชายหนุ่มมองใบหน้าเล็กๆ นั้นและถามขึ้นว่า “เธออยากหย่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลินเช่อค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองและตอบว่า “ใช่ค่ะ”
ใช่สิ เธออยากจะไปจากเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจตัวเองต้องตกหลุมรักเขาไปมากกว่านี้
เธอไปซะตอนนี้ บางทีทุกอย่างอาจจะยังไม่สายเกินไปก็ได้
กู้จิ้งเจ๋อมองดูเธอด้วยสายตาอันลึกล้ำ มีแววหม่นเศร้าผุดขึ้นมาแวบหนึ่งในดวงตา
หลังจากที่อยู่ๆ หลินเช่อก็โพล่งออกมาว่าอยากจะไป เขาก็บังเกิดความรู้สึกประหลาดบางอย่างที่อยากจะเก็บเธอเอาไว้ข้างกายไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ต่อให้เขาต้องจับเธอมัดเอาไว้กับตัวเขาก็อยากจะทำ เขาไม่อยากให้เธอไปเลย
ทำไมถึงคิดแบบนี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
เขาเพียงแต่รู้สึกเริ่มเคยชินกับการมีเธออยู่ด้วยเสียแล้ว แต่เธอกลับมาบอกว่าต้องการทอดทิ้งเขาและจากไป เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องหย่าเลยสักนิด หัวใจของเขาปวดร้าวอย่างไม่อาจหักห้ามได้ กู้จิ้งเจ๋อจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้ จนเผลอตัวลืมไปว่าเขาจับเธอไว้แน่นแค่ไหน
“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันไม่อนุญาตล่ะ ฉันไม่ให้เธอไป” น้ำเสียงหนักแน่นของเขาดังก้องไปทั่วห้อง
หลินเช่อเงยหน้าขึ้น ศีรษะของเธอยังหนักอึ้งด้วยฤทธิ์เหล้า แต่ดวงตาของเธอใสกระจ่าง เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแน่วแน่ของเขา
ดวงตาสีเข้มนั้นดูจะยิ่งเข้มทะมึนยิ่งขึ้นไปอีก เขาผลักเธอลงกับเตียงแล้วขึ้นกดร่างเธอเอาไว้ จ้องมองใบหน้าของเธอ พร้อมสองมือที่ยังกระชับแน่นอยู่กับไหล่ทั้งสองข้าง
“ทะ…ทำไมคะ…” หลินเช่อถามเสียงแผ่ว
ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้เธอไปล่ะ
กู้จิ้งเจ๋อว่า “เธอถามฉันว่าเราจะหย่ากันเมื่อไหร่ใช่มั้ย”
“อืม…”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าเราจะไม่หย่ากันล่ะ”
“อะไรนะ”
แล้วเขาก็ประทับจูบอันหนักแน่นลงบนริมฝีปากเธอ หลินเช่อรู้สึกเหมือนจะสิ้นสติ เธอกำลังจะสิ้นสติอยู่ในอ้อมแขนด้วยจูบอันดูดดื่มของเขา จูบที่เธอไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย…