ตอนที่ 228 พูดถึงการเลิกรากันของเรา
ฉินเฮ่าเข็นรถหลินเช่อไปพลางก็พูดกับเธอว่า “คุณผู้หญิงโปรดรอซักครู่ ท่านกำลังทำงานอยู่ vudเดี๋ยวก็จะออกมาแล้วละครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร ไปทำงานของคุณเถอะค่ะ ผู้ช่วยฉิน ฉันจะรออยู่แถวนี้แหละ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเช่อได้มาที่ทำงานของกู้จิ้งเจ๋อ เธอจะต้องขอดูรอบๆ ซักหน่อยละว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นออฟฟิศของเขา มีห้องเลขาอยู่ด้านนอก ซึ่งมีเลขาจำนวนนับสิบคอยทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนหันมองดูหลินเช่อด้วยความสงสัยใคร่รู้
ทางด้านในเป็นห้องทำงานของกู้จิ้งเจ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น ตกแต่งด้วยสีขาวดำให้ความรู้สึกทันสมัยและเอาจริงเอาจัง
เมื่อหลินเช่อเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มกำลังโทรศัพท์ เมื่อเขาเห็นหลินเช่อ ก็ส่งสัญญาณบอกให้เธอหาที่นั่ง หลินเช่อพยักหน้าและนั่งลงด้านข้าง ฉินเฮ่ารีบยกเอาหนังสือ คอมพิวเตอร์ และสิ่งต่างๆ ที่จะให้หลินเช่อได้ดูฆ่าเวลาเข้ามาให้
เมื่อผู้ช่วยกลับออกไป หลินเช่อก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองดูชายหนุ่มที่กำลังทำงานง่วนอยู่หลังโต๊ะ เขาพูดทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น รัสเซียและภาษาอื่นๆ อีกมากมายในโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาแช่มช้าทว่ามั่นคง สีหน้านั้นบางครั้งผ่อนคลาย บางครั้งตึงเครียด
เธอสามารถบอกได้เลยว่างานของเขากำลังยุ่งเหยิงและตึงเครียดไม่น้อยทีเดียว
หลายครั้งที่เขาจะลุกขึ้นไปยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างบานใหญ่ มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้ไว้และมองออกไปด้านนอก ร่างสูงตรงยิ่งดูสะดุดตายิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมีตึกสูงระฟ้าระบายอยู่เป็นพื้นหลัง
หลินเช่อเอียงคอมองและคิดถึงคำพูดหนึ่งที่เคยได้ยินมา ผู้ชายที่กำลังจริงจังคือผู้ชายที่ดูหล่อที่สุด
เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูจะรู้ไปหมดทุกอย่างและเก่งกาจไปหมดทุกเรื่อง เขามีความรู้หลายภาษา แถมยังหล่อลากดิน ต่อให้โกรธเขาก็ยังดูหล่ออยู่นั่นเอง หล่อร้ายเหมือนปีศาจ
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อหมุนตัวกลับมา เขาก็ได้เห็นว่าหลินเช่อกำลังจ้องมองเขาอยู่
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มงี่เง่าของเธอ เขาก็อดคิดไม่ด่า ยัยนี่ช่างเป็นผู้หญิงบ้าผู้ชายซะจริง
แต่ปกติแล้วเวลาที่ผู้หญิงทำตัวคลั่งไคล้ผู้ชาย มักจะทำให้ผู้คนรู้สึกระอิดระอาและเบื่อหน่ายหล่อน มีผู้หญิงมากมายที่เอาแต่จ้องมองเขา จนทำให้เขารู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข แต่การได้เห็นหลินเช่อเป็นแบบนี้ กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเช่นนั้น กลับกัน เขากลับรู้สึกพึงใจด้วยซ้ำที่ได้เห็นสายตาเทิดทูนบูชาของเธอ
ไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้ชวนรังเกียจแม้แต่น้อย เขาคุ้นเสียแล้วกับความขี้เล่นชวนหัวของเธอ ในตอนแรกอาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสวย เพราะฉะนั้น ต่อให้แสดงท่าทางคลั่งไคล้ผู้ชาย เธอก็ยังดูดีอยู่นั่นเอง หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาเองนั่นแหละที่ชอบให้เธอมองดูเขาแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าเธอแสดงความชื่นชมต่อเขาอย่างจริงใจ ไม่เสแสร้ง
หลินเช่อไม่เคยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หลายคนรู้สึกว่าเธอน่ารังเกียจก็ได้
ชายหนุ่ม มองดูเธอและแซวว่า “นี่ น้ำลายเธอหยดจะถึงโต๊ะอยู่แล้วนะ”
หลินเช่อสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ รีบยกมือขึ้นเช็ดมุมปากทันที
ไม่มีอะไรนี่นา
“คนเลว! ไม่มีน้ำลายซักหน่อย หรือต่อให้มี ฉันก็จะบ้วนใส่ปากคุณนั่นแหละ”
กู้จิ้งเจ๋อหน้าตึง
แต่ก็แปลกอีก ที่การจินตนาการว่าเธอกำลังถ่มน้ำลายลงคอเขาซึ่งเป็นกริยาที่ควรจะน่ารังเกียจ ก็กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเธออยู่นั่นเอง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ใช่ว่าเขาไม่เคยชิมน้ำลายเธอซะเมื่อไหร่กันล่ะ
เขาเคยลิ้มรสมาแล้วทั้งนั้น มันหอมหวน ถูกปาก และทำให้เขารู้สึกดี
ชายหนุ่มเอียงคอ ยกแขนขึ้นเท้าคาง และมองหน้าเธอ “มาสิ มาลองบ้วนดูสิ…”
นี่เขากลายเป็นคนมีความอดทนสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…
และแล้วฉินเฮ่าก็เข้ามาพร้อมข่าว
“ท่านประธานกู้ครับ…”
สายตาของชายหนุ่มที่กำลังเชื่อมเยิ้มเต็มที่เงยขึ้นมองผู้ช่วยของตัวเอง
“ทะ…ท่านประธานกู้…” ฉินเฮ่าจึงได้รู้ตัวในตอนนั้นเองว่า นี่ไม่ใช่จังหวะที่เขาควรจะเข้ามาเลย
เขาน่าจะเคาะประตูก่อน
แต่บังเอิญว่านี่เป็นเรื่องด่วนน่ะสิ
“ท่านประธานกู้ครับ ข้างนอกนั่น…”
“ผู้ช่วยฉิน นี่นายต้องฝึกวิธีพูดกันใหม่รึเปล่า” กู้จิ้งเจ๋อยืนมองหน้าอีกฝ่ายอยู่หลังโต๊ะทำงาน
ฉินเฮ่ารีบตอบทันที “ครับ ท่านประธานกู้ คุณโม่รออยู่ด้านนอกครับ เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญและจะต้องมาพบคุณให้ได้”
โม่ฮุ่ยหลิงงั้นรึ
ชายหนุ่มหน้าเสีย สายตาเขาเหลือบมองหลินเช่อโดยไม่ได้ตั้งใจในทันที
หลินเช่อเองก็เงยหน้ามองตอบ
กู้จิ้งเจ๋อหันมองฉินเฮ่าด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
แต่ผู้ช่วยตัวดีกลับทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ ทั้งสิ้น
ก็อยากมาว่ากันว่าพูดจาชักชาดีนัก เขาก็เลยโพล่งออกมาต่อหน้าต่อตาซะเลยนี่ไงล่ะ…
หลินเช่อจึงพูดขึ้นว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงไม่ให้เธอพบล่ะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อขยับปากอุบอิบเมื่อมองหน้าฉินเฮ่า สีหน้าของเขาบ่งบอกความไม่พอใจในตัวผู้ช่วย เป็นครู่ใหญ่ทีเดียว กว่าที่เขาจะขยับมือขึ้นโบก
ฉินเฮ่ารีบกลับออกไปโดยไว เพราะคนที่รออยู่ด้านนอกนั่นก็ไม่ใช่คนที่ควรจะทำให้โมโหเช่นกัน
เมื่อฉินเฮ่าหายตัวออกไปเพียงไม่นาน เสียงโม่ฮุ่ยหลิงก็ดังขึ้น
“จิ้งเจ๋อ ในที่สุดก็ยอมเจอหน้าฉันซะทีนะ”
ฉินเฮ่ากำลังร้องเตือน ซึ่งก็ช้าไปเสียแล้ว ว่า “คุณโม่ครับ คนที่อยู่ในห้องทำงานของท่านประธานกู้คือ…”
โม่ฮุ่ยหลิงผลักประตูเข้ามา โดยไม่ต้องให้ฉินเฮ่าเตือนซ้ำ เธอก็มองเห็นหลินเช่อกำลังนั่งอยู่บนโซฟาได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวชะงัก สายตาทวีความเข้มข้นรุนแรง เธอฉีกยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นและปรายตามองหลินเช่ออย่างรังเกียจ
แต่ภายใต้สีหน้าสงบนิ่งนั้น ข้างในของโม่ฮุ่ยหลิงกำลังลุกเป็นไฟ ไม่มีอะไรมาหยุดได้
นี่เขาพานังนี่มาถึงบริษัทเลยเชียวเหรอ…
ปกติแล้วกู้จิ้งเจ๋อเป็นคนที่แยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานอย่างชัดเจน แต่มาตอนนี้เขากลับพานังหลินเช่อมานั่งเสนอหน้าอยู่ในห้องทำงานแบบนี้
ตอนแรกเธอคิดว่าการมาหาเขาที่บริษัทน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะกู้จิ้งเจ๋อมาที่นี่ทุกวัน เขาเป็นคนทุ่มเทและรับผิดชอบ และจะลงมือทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง
เธอจะต้องได้พบเขาแน่หากมาที่นี่ แต่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอนังผู้หญิงที่คอยเกาะติดเขาราวกับตุ๊กแกอยู่ด้วย ตกลงว่าจะตามเขาไปทุกที่เลยหรือยังไงกัน!
โม่ฮุ่ยหลิงมองหน้าชายหนุ่มและกัดฟันแน่น วันนี้เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาจัดการเรื่องของผู้หญิงคนนี้ด้วยตัวเองให้เด็ดขาด หญิงสาวจึงยอมทนและหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดกับคุณหน่อยน่ะค่ะ สะดวกมั้ยคะ”
กู้จิ้งเจ๋อหันมองหลินเช่อ “เราคุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ”
โม่ฮุ่ยหลิงส่ายหน้าด้วยความหม่นหมอง “มันเป็นเรื่องระหว่างเรานะคะ คุณแน่ใจเหรอคะว่าคุณอยากจะพูดที่นี่”
เรื่องที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับเธอและเขางั้นเหรอ
กู้จิ้งเจ๋อเริ่มลังเล เขาหันมองสายตาจริงจังของโม่ฮุ่ยหลิงที่มองมา ดวงตานั้นมองมาที่เขาด้วยความอ่อนแอและสิ้นหวัง
ชายหนุ่มสูดหายใจและคิดว่านี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ในเมื่อเธอลงทุนมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองขนาดนี้ แล้วเขาจะว่าอย่างไรได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยักหน้าเป็นการตกลง
โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มออกมาด้วยความยินดี แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะระงับสีหน้าให้ดูสงบเสงี่ยมเอาไว้ด้วย เธอมองเขาด้วยสีหน้ารู้สึกขอบคุณ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหลินเช่อ “เดี๋ยวเราจะออกไปกินอาหารค่ำกันนะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
หลินเช่อยิ้มให้และพยักหน้า “ไปเถอะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปพร้อมกัน
แต่คราวนี้กู้จิ้งเจ๋อรู้ทันพอที่จะไม่หลงกลและยอมไปในที่นี่เธอต้องการจะไปอีกแล้ว
โม่ฮุ่ยหลิงเองก็รู้ถึงความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้นข้อนี้ของอีกฝ่าย เธอจึงเพียงแต่ถามว่า
“จิ้งเจ๋อคะ คุณอยากจะเลิกกับฉันให้เด็ดขาดใช่มั้ยคะ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าคุณอยากเลิก งั้นเราก็เลิกกันค่ะ ฉันแค่อยากจะพูดถึงปัญหาที่จะเกิดจากการเลิกรากันของเรา ฉันคบหากับคุณมานาน และฉันก็ไม่อยากให้คุณแค่เลิกกับฉันง่ายๆ ด้วยคำไม่กี่คำ คุณจะเขี่ยฉันทิ้งแบบนั้นไม่ได้ ฉันจะไม่ชวนคุณไปไหนหรอกค่ะ เพราะฉันรู้ดีว่าคุณก็คงจะไม่ยอมตามฉันไปแน่ๆ ถ้างั้นเอาเป็นคาเฟ่ที่ชั้นล่างนี่ได้มั้ยคะ ถึงยังไงนี่ก็เป็นถิ่นคุณ ฉันจะทำอะไรคุณได้ล่ะ
กู้จิ้งเจ๋อนิ่งฟัง มองหน้าเธออยู่อึดใจ ก่อนที่จะผงกหัว
ในเมื่อเรื่องสำคัญที่เธออยากจะพูดถึงคือการเลิกรา เขาก็คิดว่าถ้าเธอและเขาสามารถตกลงกันได้อย่างราบรื่น มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี