ตอนที่ 226 เมื่อฝ่าฝืนก็ต้องโดนลงโทษ
“แน่นอนละว่าไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเจ็บป่วย ไม่มีใครอยากจะต้องคอยแบกเธอไปตลอดชีวิตหรอกน่า”
หลินเช่อทำเสียงเยาะ อีตานี่ไม่รู้จักวิธีพูดจาให้น่าฟังจริงๆ นั่นแหละ
“นี่คุณก็แค่โกหกฉันแล้วก็บอกว่า ต่อให้ฉันตาย คุณก็จะอยู่เคียงข้างฉันไปทั้งชีวิตแค่นั้นไม่ได้หรือไงคะ”
“เหลวไหลน่ะ!” กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วและชะงักฝีเท้า “อย่าพูดเรื่องตาย”
ถ้าเธอตาย
ถ้าเธอตาย โลกนี้คงจะมีอะไรขาดหายไปหลายอย่าง หลายอย่างมากๆ เลยด้วย…
แค่ลองคิดดู เขาก็รู้สึกอึดอัดใจแทบบ้าแล้ว
หลินเช่อหัวเราะและขยับตัวให้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัดขึ้นบนหลังของเขา
แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เธอก็อยากตักตวงมันเอาไว้
แต่กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ว่าเนื้อตัวเขากำลังร้อนผ่าวขึ้นทุกที อยากรู้นักว่ายัยผู้หญิงบนหลังเขานี่รู้จักทำตัวให้เป็นผู้หญิงบ้างรึเปล่านะ แม้แต่จะป้องกันร่างกายตัวเองเธอยังทำไม่เป็นด้วยซ้ำ
หน้าอกของเธอนุ่มนิ่มและเสียดสีอยู่กับแผ่นหลังของเขา มันทำให้เขาแทบเป็นบ้า
แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าหนาหลายชั้นขวางเอาไว้ แต่มันก็ยังจุดความปรารถนาในตัวเขาให้พลุ่งพล่านขึ้นมาได้ในทันที
กว่าจะมาถึงรถได้ ก็แทบแย่ทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าแดงๆ ของเธอและประกาศเสียงเฉียบขาดว่า “ต่อไปนี้ห้ามเธอขี่หลังใครเป็นอันขาด”
หลินเช่อถามด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะคะ ตัวฉันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องแบก แต่คุณก็ยังจะให้ขี่หลังมาอยู่นั่นแหละ”
หลินเช่อสับสนงุนนงงจนทำตัวไม่ถูก
เขานิ่วหน้าใส่ “นี่เธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่าน่ะ”
“แล้วฉันไม่เป็นผู้หญิงตรงไหนกันคะ ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันถอดเสื้อผ้าให้ดูก็ได้”
“…” กู้จิ้งเจ๋อลืมไปสนิทใจว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้เป็นคนไม่มีกฎเกณฑ์หรือขอบเขตใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อขึ้นไปอยู่บนรถที่มีพื้นที่จำกัด เขาจ้องหน้าเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะคว้าตัวเธอมาแล้วใช้มือหวดก้นเข้าติดๆ กันหลายที
เสียงถูกตีทำให้หลินเช่อนึกอายขึ้นมาจับจิต
นี่เธอโตจนป่านนี้แล้วยังจะถูกตีก้นอีกเหรอเนี่ย
“คุณทำอะไรน่ะ กู้จิ้งเจ๋อ!” เธอร้องลั่นก่อนจะรีบผลักเขาออกไป และตัวเธอเองก็รีบถอยพรวดออกห่างมาด้วย
กู้จิ้งเจ๋อพูดเสียงเข้ม “ฉันจะดูซิว่าเธอจะกล้าพูดจาทะเล้นแบบนี้อีกมั้ย เธอไม่ได้รับอนุญาตให้พูดจาแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นอีกรู้มั้ย”
เขามองดูผิวนวลเนียนที่ช่วงคอของหลินเช่อ เพียงหลังจากได้ยินเธอบอกว่าเธอจะแก้ผ้าให้เขาดู ตอนนี้เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังเห็นเธอเปลือยเปล่าอยู่เสียแล้ว
เขารู้ดีว่าผิวของหลินเช่อนั้นนุ่มเนียนเหมือนผ้าไหม และร่างกายของเธอก็เล็กบอบบาง เธอน่าทะนุถนอมเสียจนเขาไม่กล้าที่จะลงไม้ลงมือกับเธอ
ดวงหน้าอันเหมาะเจาะนั้นก็ดูดียิ่งกว่าใบหน้าของโม่ฮุ่ยหลิงมากนัก
โม่ฮุ่ยหลิงนั้นดูมีเพียงบุคลิกของกุลสตรีชั้นสูง แต่ใบหน้าของเธอไม่ได้สวยสะดุดตาแต่อย่างใด แต่หลินเช่อนั้น เป็นคนที่หากได้พินิจดูแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องบอกว่าสวยกว่า
กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้อยากเอาเธอไปเปรียบเทียบกับโม่ฮุ่ยหลิง แต่เขาก็ไม่รู้จักผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากโม่ฮุ่ยหลิงเพียงคนเดียว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะหยิบยกผู้หญิงทั้งสองขึ้นมาเทียบกัน
ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็คงไม่อาจหักห้ามใจจากดวงหน้าเล็กๆ นี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นอัศวินผู้แข็งแกร่งมาจากไหน เมื่อได้เห็นเสน่ห์ยวนเย้าเชิญชวนนี้ ก็ยอมจะยอมสละชุดเกราะแทบจะในทันทีทั้งสิ้น
แค่คิดว่ามีผู้ชายอื่นที่จะรู้สึกเร่าร้อนไปด้วยเมื่อได้เห็นเธอ กู้จิ้งเจ๋อก็ขุ่นใจจะแย่แล้ว
ถ้าหากวันหนึ่งเขาและเธอต้องแยกทางกัน และเธอได้ไปพบกับผู้ชายคนใหม่ เขาคงไม่อาจหาผู้หญิงคนไหนที่สมบูรณ์แบบได้เท่ากับเธอ
นี่ยังไม่นับเรื่องที่เธอจะทอดเรือนกายอันงดงามของเธอให้ชายอื่นได้เชยชมด้วยนะ
เขาไม่อยากให้เนื้อตัวของหลินเช่อต้องมีราคีจากไออุ่นของผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น
“ฉันเป็นผู้ชาย ฉันรู้ว่าการพูดเล่นเรื่องแบบนี้มันมีผลกับผู้ชาย!” ชายหนุ่มบงการเสียงเข้ม
หลินเช่อพูดไม่ออก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เถียง กู้จิ้งเจ๋อก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว คนขับรถนั้นหายตัวไปนานแล้วอย่างรู้งาน มือของชายหนุ่มทาบอยู่ที่ประตูรถ จ้องหน้าเธอเขม็ง สายตานั้นดิ่งลึกแน่วแน่ ใบหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์อันรุนแรง แล้วริมฝีปากที่ระคนด้วยกลิ่นลมหายใจของเขาก็ปัดแผ่วเบาลงมาบนปากเธอ มันหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะขยับต่อ
ท่าทางอันสุดเซ็กซี่นี้ทำให้หัวใจของหลินเช่อลุกเป็นไฟ เธอเกือบจะยอมแพ้และผวากอดชายหนุ่มที่ยากจะต้านทานตรงหน้าไว้ สลัดเสื้อผ้าออกจากตัว แล้วเป็นของเขาเสียตรงนั้น
แต่เธอก็ทำได้เพียงหอบหายใจแรง รู้สึกราวกับว่าอุณหภูมิในรถนั้นทวีสูงขึ้น
เสียงกู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้นว่า “อย่าประเมินความปรารถนาของผู้ชายต่ำเกินไป…”
มือของเขาเอื้อมเข้ามาใต้เสื้อของเธอทางด้านหลัง และด้วยการออกแรงเพียงครั้งเดียว มันก็หลุดออก มือใหญ่แข็งแรงของเขาโลมไล้ลงมาบนผิวเนื้อของเธอ แล้วหลังจากนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาขบที่ใบหูเธอเบาๆ แล้วกระซิบว่า “เธอเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบสิ่งนี้!”
“อะไรนะ”
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มกดปุ่มเพื่อปรับเบาะนั่งให้เอียงลาดลง แล้วสองร่างก็นอนราบลงพร้อมกัน
เนื้อตัวของหลินเช่อร้อนรุ่มไปด้วยแรงจูบ เธอพูดเสียงหอบในขณะที่สติพร่าเลือนเต็มที “ไม่ได้นะคะ มีคนอยู่”
“คนที่ไหนกัน” เขาถาม
เธอหันไปมองด้านนอก แล้วก็พบว่าผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมานั้นพากันหายตัวไปหมด
“อ๊ะ คนหายไปไหนกันหมด”
“ทำไมล่ะ ไม่มีคนก็ทางสะดวกดีแล้วไง หรือว่าเธออยากให้มีคนดู”
“อีตาบ้า คุณนั่นแหละที่อยากให้มีคนดู”
“เปล่าซักหน่อย ฉันแค่อยากให้เธอดูก็เท่านั้น…”
ขณะที่พูด เขาก็จูบหนักขึ้นอีก
ความเร่าร้อนทำให้สมองของหลินเช่อกลายเป็นเศษซากที่ไม่อาจคิดถึงอะไรได้อีก และทำได้เพียงกอดเอวเขาไว้แน่น เปิดปากร้องและครวญครางไปกับความปั่นป่วนของอารมณ์…
วันต่อมา
หลินเช่อขาเจ็บ แต่เธอก็ยังคงต้องไปที่บริษัทเพื่อจัดการธุระต่างๆ ในปีนี้ให้เรียบร้อย
กู้จิ้งเจ๋อจัดการสั่งคนให้ไปส่งเธอ ไม่ช้าอวี๋หมินหมิ่นก็เดินออกมารับ เมื่อได้เห็นหญิงสาวนั่งรถเข็นวีลแชร์ เธอก็ร้องถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ”
หลินเช่อตอบ “อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ ฉันโชคร้ายน่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นส่ายหน้า “เอาเถอะ ว่าแต่เมื่อเช้านี้ทีมงานของกู้จิ้ิ้งอวี่ส่งอีเมลมาบอกว่า ให้เธอไปร่วมทดสอบบทสำหรับนักแสดงนำหญิงของพวกเขาได้น่ะ”
หลินเช่อว่า “ใช่ค่ะ เขาบอกฉันเมื่อวานนี้เอง”
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อ “นี่เป็นโอกาสที่ดีมากนะ กู้จิ้ิ้งอวี่นี่ดูแลเธอเป็นอย่างดีแล้วก็คอยคิดช่วยเหลือเธอทุกอย่างเลย หนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ไม่ใช่ของที่ใครจะมีโอกาสได้เข้าไปเล่นกันง่ายๆ ถ้าเธอได้แสดงจริงๆ ละก็ ทั้งสถานะแล้วก็ชื่อเสียงของเธอจะยิ่งพุ่งไกลกว่านี้มาก ยังไม่รวมถึงส่วนแบ่งค่าตั๋วที่เธอจะได้รับอีกก้อนใหญ่ด้วยนะ”
หลินเช่อว่า “ใช่ค่ะ ฉันเองก็อยากเล่นเหมือนกัน ฉันไม่เคยได้แสดงบทนำในหนังมาก่อนเลย เมื่อก่อนฉันพยายามไปเทสต์หน้ากล้องอยู่ตลอด”
“แล้วนี่กู้จิ้ิ้งอวี่มาช่วยดูแลโน่นนี่ให้เธอโดยไม่มีสาเหตุแบบนี้ อย่าบอกฉันนะว่าเขา…”
“พอทีเถอะค่ะพี่อวี๋ อย่าพูดจาส่งเดชแบบนั้นเลย มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคะ เขาเป็นแค่เพื่อนที่ดี แล้วก็คิดว่าบทนี้มันเหมาะกับภาพลักษณ์ฉันก็เท่านั้นเอง
อวี๋หมินหมิ่นรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร เธอเพียงแต่อยากจะแหย่หญิงสาวเล่นเท่านั้น
แล้วหลินเช่อเห็นข่าวในโทรทัศน์บอกว่า ฉินหวานหว่านกำลังจะได้รับบทในเรื่องคืนแห่งใบไม้ผลิ