หลังจากนั้นหลินเช่อก็โทรศัพท์หาเฉินโยวหรานเพื่อบอกว่า เธอกำลังจะส่งคนนำของขวัญไปให้ แต่เฉินโยวหรานรีบบอกเสียก่อนว่าอยากจะมาหาหลินเช่อและรับของขวัญด้วยตัวเอง
ในบริษัทเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่ เมื่อเฉินโยวหรานมาถึง อวี๋หมินหมิ่นก็เป็นคนลงมารับเธอที่ด้านล่าง ตอนที่ทั้งคู่เจอกัน หลินเช่อก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปถ่ายรายการสัมภาษณ์แล้ว
เมื่อเฉินโยวหรานมองเห็นเพื่อนรัก เธอก็รีบยกกระเป๋าคลัทช์ในมือขึ้นและบอกว่า “นี่มันน่าจะแพงมากเลยนะ หลินเช่อ”
หลินเช่อเพียงแต่ปรายตามอง บอกตามตรงว่าเมื่อวานนี้เธอไม่ค่อยจะได้สนใจซักเท่าไหร่จนลืมไปแล้วว่าตัวเองซื้ออะไรมาบ้าง
“ก็น่าจะแพงอยู่”
เฉินโยวหรานจึงว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นฉันจะไม่ยอมให้นังตัวดี น้องสาวฉันแย่งไปเป็นอันขาด”
หลินเช่อชะงัก “ทำไมล่ะ เขาขอเธอเหรอ ถ้าเขาอยากได้ เขาก็ควรจะไปทำงานหาเงินมาแล้วก็ซื้อเองนะ ฉันเองก็ลำบากแทบแย่กว่าจะหลอกล่อให้กู้จิ้งเจ๋อซื้อให้ได้น่ะ”
เฉินโยวหรานว่า “ก็ใช่น่ะสิ พอฉันบอกว่าเธอให้ฉันมา แม่นั่นก็อิจฉาตาร้อนยกใหญ่ แถมยังขอให้ฉันช่วยถามว่าเธออยากได้ผู้ช่วยอีกมั้ย พอฉันบอกว่าเธอไม่อยากได้ หล่อนยังไม่ยอมแพ้ จะขอมาที่บริษัทเธอเพื่อสมัครงานอีก เธอควรจะรีบแจ้งคนที่บริษัทไว้ซะนะ ว่าถ้าหล่อนมาเข้าจริงๆ ก็ห้ามรับเด็ดขาด”
อวี๋หมินหมิ่นได้ยินจึงบอกว่า “อันที่จริงบริษัทเรากำลังหาผู้ช่วยอยู่นะ แต่งานผู้ช่วยมันหนักแล้วเงินเดือนก็น้อยด้วย”
“ก็แปลว่าหล่อนไม่มีปัญญาทำงานนี้แน่ ขืนมาขอทำก็เท่ากับรนหาที่ชัดๆ ทั้งขี้เกียจทั้งขี้โลภซะขนาดนั้น ไม่ใช่คนที่จะเหมาะกับหน้าที่นี้เอาซะเลย”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มและพยายามรอมชอมว่า “ถึงยังไงเขาก็เป็นน้องสาวเธอน่า ถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ปล่อยให้เธอมาลองทดสอบงานดูก็ได้นะ”
“พี่ไม่ควรยอมให้แม่นั่นมาทดลองงานเป็นอันขาดนะคะ หลินเช่อน่ะรู้จักน้องสาวฉันดี หล่อนน่ะที่สุดของที่สุดเลย อย่าให้หล่อนมาสร้างภัยพิบัติให้พวกพี่ที่นี่จะดีกว่าค่ะ”
หลินเช่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “โยวหรานไม่พูดอะไรอ้อมค้อมกับฉันหรอกค่ะ ถ้าเธอบอกว่าไม่เหมาะ ก็แปลว่าไม่เหมาะจริงๆ”
ผู้จัดการสาวจึงได้แต่ยักไหล่ “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แล้วแต่นะ ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวเราจะต้องไปให้สัมภาษณ์กันแล้ว”
เฉินโยวหรานถาม “นี่เธอจะไปออกรายการเหรอ”
อวี๋หมินหมิ่นพยักหน้า “เดี๋ยวนี้พวกรายการสัมภาษณ์ทั้งหลายไม่ค่อยจะน่าตื่นเต้นแล้วล่ะ คนส่วนใหญ่หันไปดูรายการสัมภาษณ์ทอล์คโชว์ที่พวกเว็บไซต์ต่างๆ เป็นคนผลิตแทนกันหมด ส่วนรายการที่เรากำลังจะไปนี่ เป็นรายการให้สัมภาษณ์ในรูปแบบของทอล์คโชว์ เป็นรายการที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้เลยทีเดียว ชื่อว่า ‘เดอะ เซเลบริตี้ โชว์’ วันนี้คงจะมีคนอื่นมาร่วมรายการด้วยอีกสองสามคน”
“ว้าว เดอะ เซเลบริตี้ โชว์เหรอ ฉันก็ดูนะ หลินเช่อ ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้ไปออกรายการนี้น่ะ”
หลินเช่อว่า “ใช่”
สีหน้าของเฉินโยวหรานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอเดินตามหญิงสาวทั้งสองออกมา “ดูเหมือนจะมีคนดังเคยมาออกรายการก่อนหน้านี้อยู่หลายคนทีเดียว แม้แต่กู้จิ้ิ้งอวี่ก็ยังเคยมาออกเลยนะ แสดงว่าตอนนี้เธอเป็นดาราดังนะเนี่ย แล้วถึงได้มีโอกาสไปออกรายการดังๆ แบบนี้”
หลินเช่อปราม “พอเถอะน่า พวกดาราชื่อดังที่เธอพูดถึงน่ะ น่าจะถูกสัมภาษณ์เดี่ยวๆ ตอนที่ได้รับเชิญมาออกรายการ ส่วนฉันคงต้องให้สัมภาษณ์ร่วมกับคนอื่นอีกหลายคน มันไม่เหมือนกันจ้ะ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องทำให้ดีที่สุดเลยนะ มันจะต้องมีสักวันที่เธอจะได้ถูกสัมภาษณ์เดี่ยวๆ บ้าง”
“ฮ่าๆ ใช่แล้วละ ฉันยังต้องพยายามอีกมาก!”
หลินเช่อเดินตามอวี๋หมินหมิ่นโดยมีเฉินโยวหรานเดินเคียงมาข้างๆ เธอเห็นหยางหลิงซินยังคงทำงานง่วนอยู่ เด็กสาวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง เธอเรียนรู้จากงานผู้ช่วยรุ่นพี่ที่มีความเชี่ยวชาญและก็เริ่มคุ้นเคยกับงานได้อย่างรวดเร็วทีเดียว
อวี๋หมินหมิ่นร้องเรียกหยางหลิงซิน และบอกหล่อนให้ตามไปงานสถานที่ถ่ายทำรายการทอล์คโชว์กับพวกเธอด้วย
เด็กสาวจึงตามติดมาด้วยความกระตือรือร้นยิ่งราวกับมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม
อวี๋หมินหมิ่นพูดกับหลินเช่อว่า “ท่าทางจะเป็นคนรับผิดชอบแล้วก็หนักเอาเบาสู้ดีอยู่นะเนี่ย”
“แน่นอนสิคะ ระดับฉันเลือกมาจะต้องไม่พลาดแน่ค่ะ!”
เมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึงด้านหลังเวทีถ่ายทำ พวกเธอก็มองเห็นนักแสดงหลายคนกำลังถูกสัมภาษณ์อยู่ด้านนอก ทุกคนล้วนดูคุ้นหน้า หลินเช่อเองก็เคยพบเจอบางคนมาแล้ว แต่บางคนก็ยังไม่เคย
เมื่อเห็นหลินเช่อมาถึง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบยืนขึ้นและเชิญเธอเข้าไปที่ห้องแต่งตัวด้านใน หลินเช่อยิ้มและเดินตามไป ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง เธอก็มองเห็นฉินหวานหว่านที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้วกำลังนั่งอยู่ในห้อง
“เฮ้ ตอนแรกที่ฉันมาถึง ผู้กำกับบอกฉันว่าเธอจะมา นี่ฉันก็กำลังนั่งรออยู่เลยจ้ะว่าเธอจะมาเมื่อไหร่” ฉินหวานหว่านพูดขณะหันมามองหลินเช่อแล้วส่งยิ้มให้ เธอแต่งหน้าไปได้พอสมควรแล้ว
หลินเช่อตอบ “ฉันมาแทนคนอื่นในนาทีสุดท้ายน่ะจ้ะ เพราะว่าเขามาไม่ได้ นี่ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้จะมีใครบ้าง”
เมื่อทั้งสองนั่งลง ก็เริ่มพูดคุยกันต่อพลางให้ช่างแต่งหน้าลงเมคอัพไปพร้อมกัน
ฉินหวานหว่านพูดว่า “ช่วงนี้ซีรีส์โทรทัศน์ของเธอกำลังดังทีเดียวเลยนี่นา ฉันเห็นยอดเรตติ้งคนดูได้อันดับหนึ่งไม่มีตกเลย แถมยังเป็นหัวข้อฮ็อตในเว่ยป๋อด้วย”
หลินเช่อตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ความสนใจของคนในโลกออนไลน์น่ะเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง พอมีอะไรได้รับความนิยมขึ้นมา คนก็พากันพูดถึงเรื่องนี้ในออนไลน์ แต่พอผ่านไปซักพัก มีอย่างอื่นเริ่มดังขึ้นมาแทนที่ ทุกคนก็หันไปพูดถึงมันแทน ว่าแต่หนังของเธอกำลังจะฉายรอบปฐมทัศน์แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“ใช่แล้วละ นี่ฉันก็มาเพื่อโปรโมทหนังด้วยนี่แหละ มันเป็นหนังสยองขวัญ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายอดขายตั๋วจะเป็นยังไง”
“ต้องขายดีอยู่แล้วละจ้ะ”
“ว่าแต่ว่า นี่ได้ยินข่าวหรือเปล่า กู้จิ้ิ้งอวี่น่ะกำลังจะสร้างหนังแฟนตาซีฟอร์มใหญ่ พวกเขาซื้อลิขสิทธิ์วิดีโอเกมเกี่ยวนักดาบ เพื่อเอาเนื้อหาในเกมมาสร้างเป็นหนัง ฉันเดาว่ามันจะต้องดังเปรี้ยงปร้างแน่”
“โอ้ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันจ้ะ” หลินเช่อว่า
ฉินหวานหว่านพูดต่อ “ฉันอยากรู้จังว่าใครจะได้รับบทนำ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขายังไม่ได้เคาะว่าจะให้ใครแสดง ทำไมกู้จิ้ิ้งอวี่ถึงไม่ให้เธอเป็นนางเอกในเรื่องล่ะ”
หลินเช่อยิ้ม “แล้วทำไมเขาจะต้องยอมให้ฉันได้เล่นเป็นนางเอกด้วยล่ะ เขาก็จะต้องดูก่อนสิจ๊ะว่าบทนั่นเหมาะกับฉันหรือเปล่า ถ้ามันไม่เข้ากับฉันจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะให้ฉันเล่น พี่จิ้งอวี่น่ะจริงจังกับการทำงานมาก เขาไม่มีทางเลือกนักแสดงจากความสนิทชิดเชื้อหรอกจ้ะ”
“นั่นก็จริงอีกเหมือนกัน” ฉินหวานหว่านว่า “ถ้าเขาไม่จริงจัง เขาก็คงไม่กลายเป็นดาราดังได้ขนาดนี้สิเนอะ”
ใครบางคนเดินเข้ามาจากด้านนอกเพื่อดูว่าทั้งสองแต่งหน้าไปถึงไหนแล้ว แม้ว่าหลินเช่อจะมาช้ากว่า แต่เธอก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยก่อน เนื่องจากหลินเช่อมักจะแต่งหน้าอย่างเรียบง่ายและดูเป็นธรรมชาติเสมอ ผิดกับฉินหวานหว่านที่จะต้องพิถีพิถันในการแต่งเติมมากกว่า เนื่องจากผิวพรรณของเธอไม่ค่อยจะเรียบเนียนนัก อาจเป็นเพราะการที่เธอรักที่จะออกไปเริงราตรีอยู่เป็นระจำ ทำให้ผิวพรรณเธอไม่เปล่งปลั่งเรียบเนียนเท่าหลินเช่อ
การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น เมื่อเพลงเปิดรายการเริ่มบรรเลง หลินเช่อและฉินหวานหว่านก็นั่งกันอยู่พร้อมแล้วบนเก้าอี้แขกรับเชิญ มีนักแสดงที่ยังไม่สู้จะมีชื่อเสียงนักอีกสองสามคนนั่งแยกออกไปทางด้านข้าง บ่งบอกถึงสถานะที่ยังไม่โด่งดังมากเท่าหญิงสาวทั้งสอง เพราะเก้าอี้ที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้หลินเช่อและฉินหวานหว่านนั่น เป็นเก้าอี้ตัวใหญ่โอ่อ่า แต่กับพวกนักแสดงที่เหลือเป็นเพียงเก้าอี้สตูลธรรมดา การจัดวางนี้เป็นลักษณะเฉพาะตัวของรายการนี้ พวกเธอยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากับหลินเช่อและฉินหวานหว่าน ส่วนอีกสองคนจัดว่าเป็นหนึ่งในสี่นักแสดงหญิงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรง แต่ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเริ่มต้นได้ดีสำหรับการสร้างชื่อเสียง แต่ก็ยังขาดปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้มีชื่อเสียงมากไปกว่านี้
พิธีกรรายการยิ้มพลางกวาดตามองพวกเธอก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับต้อนรับแขกรับเชิญเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมได้มองดูสาวสวยทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้”
หลินเช่อยิ้ม ตอนนี้เธอมองเห็นเฉินโยวหรานและอวี๋หมินหมิ่นกำลังมองตรงมาที่เธอจากด้านล่างเวที
เฉินโยวหรานยกกำปั้นชูร่อนๆ อย่างให้กำลังใจ
หลินเช่อยิ้มตอบให้เพื่อนสาว
พิธีกรทำการพูดคุยอยู่นานทีเดียว ประเด็นหลักของการสัมภาษณ์ของเขายังคงเกี่ยวข้องกับหลินเช่อและฉินหวานหว่าน เขามองดูนักแสดงสาวทั้งสองและถามว่า “เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าพวกคุณสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในวงการ แล้วนี่พวกคุณนัดเจอกันบ่อยมั้ยครับ”
“ค่ะ เรามักจะออกเที่ยวหรือไม่ก็นั่งสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำ เป็นเพื่อนกันธรรมดาน่ะค่ะ เวลาที่เราเจอหน้ากัน เราก็จะพูดคุยกันถึงข่าวซุบซิบแล้วก็เรื่องทั่วๆ ไปทั้งหลายนั่นแหละค่ะ” ฉินหวานหว่านตอบฉะฉาน
เมื่อพิธีกรถามฉินหวานหว่านว่า “แล้วหลินเช่อตัวจริงนี่นิสัยเป็นยังไงบ้างครับ”
“เธอเป็นคนขี้อายแล้วก็ใสซื่อเอามากๆ เลยละค่ะ” ฉินหวานหว่านหันมองหลินเช่อพลางยิ้มหวาน