โดยเฉพาะเมื่อเขานึกถึงนาฬิกาของกู้จิ้งอวี่ขึ้นมา เขาจำได้ถึงวันที่เขาเห็นนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ เขาอุตส่าห์ดีใจเพราะคิดว่านั่นคือของขวัญสำหรับตัวเขาเอง
กู้จิ้งเจ๋อไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่เส้นเลือดบนใบหน้าเขากำลังเต้นตุบอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้รู้สึกว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้ ดูน่ากลัวชวนขนลุกเป็นที่สุด
หลินเช่อมองเขาอย่างโกรธๆ “กู้จิ้งเจ๋อ พูดสิคะ ว่าคุณกำลังจะพาฉันไปไหน”
ลิฟต์ยังคงเคลื่อนลงสู่ชั้นล่างต่อไป ก่อนที่จะส่งเสียงติ๊งและประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ชายหนุ่มยังคงเงียบ มีเพียงสีหน้าเท่านั้นที่ดูจะยิ่งนิ่งเฉยเย็นชามากขึ้นทุกที เขายังคงลากตัวหลินเช่อต่อไปแบบนั้น
นี่คือห้องสวีทเพรสซิเดนเชียลของทางโรงแรมซึ่งมีลิฟต์อยู่ด้านใน และจะนำผู้โดยสารลงไปยังห้องสวีททันทีเมื่อลิฟต์เคลื่อนลงสู่ด้านล่าง
หลินเช่อมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ กู้จิ้งเจ๋อ พูดอะไรบ้างสิ”
ชายหนุ่มหันหน้ามา จ้องมองใบหน้าของหลินเช่อ ดวงตาสีเข้มของเขาเหมือนท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยก้อนเมฆทะมึนที่กำลังคล้อยตัวลงต่ำ ทั้งสองยืนเงียบเฝ้ารอพายุที่กำลังก่อตัวขึ้นพร้อมกลิ่นของโทสะอันเกรี้ยวกราดรุนแรง
“ความสัมพันธ์ของเธอกับกู้จิ้งอวี่ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว” เขาจ้องหน้าเธอและถามคำถาม
หลินเช่อมองอย่างแปลกใจ “นี่คุณพูดเรื่องบ้าอะไร”
นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมเธอต้องอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกู้จิ้งอวี่ก้าวหน้าด้วยล่ะ
มันเป็นไปไม่ได้ซักหน่อย กู้จิ้งอวี่ก็รู้มาตั้งแต่ต้นว่าเธอแต่งงานแล้ว จนถึงตอนนี้ทั้งเธอและเขาก็เป็นเพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะเสียงขุ่น “ไร้สาระงั้นเรอะ ฉันจะถามเธออีกครั้งนะ ความสัมพันธ์ของเธอกับกู้จิ้งอวี่ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว!”
แม้เสียงของเขาจะไม่ดังนัก แต่มันก็เต็มไปด้วยโทสะอันรุนแรง คำพูดนั้นราวกับเข็มแหลมที่ทิ่มแทงตรงมาใส่เธอ
ภายใต้ดวงตาวาววามและสีหน้าที่ดูราวกับจะสอบสวนเธอ หลินเช่อเริ่มรู้สึกเป็นกังวล
“ความสัมพันธ์ของฉันกับกู้จิ้งอวี่ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะคะ” หลินเช่อโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน หลินเช่อโกรธมาก เธอลุกขึ้นและเดินอ้อมเขาเพื่อออกไปจากห้อง
กู้จิ้งเจ๋อหมุนตัวและคว้าเอวเธอไว้โดยเร็ว ก่อนจะลากเธอกลับมาที่เดิม
“ที่เธอเพิ่งพูดไปเมื่อกี้…ลองพูดอีกทีซิ!” เขาบอก
หลินเช่อปัดมือเขาออกโดยแรง “ฉันจะเลิกยุ่งกับคุณ แล้วคุณก็ควรจะเลิกยุ่งกับฉันด้วยเหมือนกัน ถ้านี่เป็นการแต่งงานตามข้อตกลง งั้นมันก็ควรจะเป็นแค่การแต่งงานตามข้อตกลง อย่าล้ำเส้นจนลืมไปสิคะว่าคุณเป็นใคร!”
“นี่เธอ…” ลืมไปว่าตัวเขาเป็นใครงั้นรึ
กู้จิ้งเจ๋อเดือดจัดไปด้วยความโกรธ จนใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยว
สำหรับเขาแล้ว เป็นเธอต่างหากที่ลืมไปว่าเธอเป็นใครและเขาเป็นใคร
หลินเช่อมองหน้าเขา เธอยังจำได้ถึงคำพูดเหยียดหยามประชดประชันที่เธอได้รับจากลู่ชูเซี่ย จนเธออดเศร้าใจในตัวเองไม่ได้ ตอนที่เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเขา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคือกู้จิ้งเจ๋อผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคนที่เธอไม่อาจจะคิดทำอะไรล่วงเกินแบบนั้นได้ เธอก็แค่ใช้ชีวิตของเธอ และอยากให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้นอีกซักหน่อยก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าสำหรับตระกูลกู้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งไร้กิริยาและการอบรมสั่งสอน และสำหรับเขา เธอคือคนโง่ที่ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
หลินเช่อนึกเศร้าอยู่ในใจ เธอเองก็อยากจะเป็นกุลสตรีสาวผู้เพียบพร้อมด้วยจริตกิริยากับเขาเหมือนกันนั่นแหละ แต่เธอยังจะเป็นได้อยู่อีกหรือ
อยู่ๆ กู้จิ้งเจ๋อก็ลากตัวเธอและผลักลงบนโซฟาด้านใน
“หลินเช่อ! เธอควรจะรู้ตัวนะว่ากำลังพูดอะไรออกมา!” ดวงตาของชายหนุ่มลุกโชน สายตาของเขาแผดร้อนรุนแรงเมื่อมองดูเธอที่ล้มลงบนโซฟา
หลินเช่อกัดริมฝีปาก มองหน้าเขา “แน่นอนว่าฉันรู้ดีค่ะ การแต่งงานของเราเป็นแค่การแต่งงานตามข้อตกลง ถ้าเราเข้ากันได้ เราก็จะอยู่กันแบบนี้ต่อไป แต่ถ้าไม่ได้ เราก็จะหย่ากัน ฉันไม่ไปวุ่นวายกับคุณ คุณเองก็ควรจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ฉันไม่สนใจซักนิดที่คุณจะไปไหนมาไหนกับลู่ชูเซี่ย เพราะฉะนั้นคุณเองก็ไม่ควรมาก้าวก่ายความสัมพันธ์ของฉันไม่ว่ากับใครเหมือนกัน! กู้จิ้งเจ๋อ อย่าบอกนะคะว่าคุณอินกับบทบาทนี้มากเกินไปแล้วน่ะ!”
“เธอ” สีหน้าของเขายิ่งถมึงทึงหนักขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
สายตาคมปลาบตวัดมองใบหน้าเย่อหยิ่งดื้อรั้นของหลินเช่อ
เขาตามใจเธอมากเกินไปจนทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้ และตอนนี้เธอกำลังพยศใส่เขาใช่ไหม
กู้จิ้งเจ๋อก้มหน้าลงมา คว้าเอวเธอไว้ เขาจ้องเขม็งที่ใบหน้าของเธอ “ฉันอินกับบทบาทมากเกินไปใช่มั้ย นี่เป็นแค่การแต่งงานตามข้อตกลงใช่มั้ย ถ้างั้นตราบใดที่เธอยังเป็นเมียฉันอยู่ เธอก็มีหน้าที่อย่างที่คนเป็นเมียควรจะต้องทำ”
หลินเช่อรู้สึกได้ว่ามือเขาบีบแรงขึ้นและแรงขึ้นจนถึงจุดที่เธอรู้สึกว่าเอวของเธออาจจะหักได้
“คุณ…นี่คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ กู้จิ้งเจ๋อ!”
“ฉันทำอะไรน่ะรึ ฉันก็กำลังทำสิ่งที่คนเป็นสามีต้องทำน่ะสิ!” ขณะที่พูด เขาก็กระหน่ำจูบลงมาบนตัวเธอด้วยโทสะอันรุนแรง
หลินเช่อตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกได้ว่าเขาผลักเธอลงมาบนโซฟา แล้วอึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่ของเขาก็ทาบทับลงบนตัวเธอ หลินเช่อดิ้นรนต่อต้านโดยสัญชาตญาณ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน กู้จิ้งเจ๋อ ปล่อยฉัน ฉันไม่ต้องการแบบนี้ อย่ามาแตะต้องฉัน” เธอร้องตะโกน ทั้งเตะทั้งต่อยพัลวัน
แต่นั่นกลับยิ่งเป็นการยั่วยุอารมณ์พิโรธของเขาให้ยิ่งทวีเพิ่มขึ้นไปอีก
นี่เธอไม่อยากให้เขาแตะต้องเธองั้นรึ
แล้วใครที่เธออยากให้แตะต้องเธอ กู้จิ้งอวี่หรือไง
เขากัดที่คอเธอ ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนผิวเนื้อของเธอ
ในขณะที่ผลักไสเขาอย่างสุดแรงนั้น หลินเช่อก็นึกเสียใจอย่างที่สุด นี่กู้จิ้งเจ๋อกำลังทำอะไรอยู่
รอยกัดที่เขาทิ้งไว้ทั้งรุนแรงและเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดแม้ชั่วขณะเดียว มือใหญ่ทั้งสองข้างกดแขนเธอเอาไว้ แล้วใช้ปากฉีกกระชากเสื้อผ้าของเธอออก ในพายุโทสะของชายหนุ่ม ผิวเนื้ออ่อนนิ่มขาวสะอาดข้างใต้นั้นกลับยิ่งปลุกเร้าความรุ่มร้อนในกายเขา
หลินเช่อหลับตา เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านอีกต่อไป
ปกติกู้จิ้งเจ๋อก็เต็มไปด้วยพละกำลังอยู่แล้ว และดูจะยิ่งมีมากขึ้นไปเมื่อในยามที่โกรธจัดแบบนี้
จากโซฟาลงมาบนพื้นพรม จากเสื้อผ้าที่สวมใส่กลายเป็นเปลือยเปล่า
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก่อนที่เขาจะหยุด หอบหายใจ
หลินเช่อเจ็บระบมไปทั่วตัว ผิวกายเหนียวเหนอะหนะราวกับผ่านความร้อนมาตลอดทั้งร่าง
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อได้ระบายความโกรธทั้งหมดออกไปอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็ดูจะค่อยๆ กลับคืนสู่ความเยือกเย็นได้อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้หลินเช่อไม่ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว เขาจึงไม่ทันสังเกตว่าเขารุนแรงกับเธอมากแค่ไหน
โดยปกติแล้วเขามักจะระมัดระวังอยู่เสมอว่า ในยามที่เขาตักตวงความสุขให้ตัวเองนั้น เขาจะต้องแน่ใจว่าไม่ทำให้เธอต้องเจ็บ แต่ในเวลาที่สติพร่ามัวด้วยความโกรธนี้ เขากลับลืมทุกอย่างไปจนหมด
เขาเงยหน้าขึ้นและได้เห็นว่าเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง ข้างตัวเขา หลินเช่อกำลังสะลึมสะลือด้วยความอ่อนล้าอย่างที่สุด
เขารีบใช้แขนยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นทันที เมื่อเห็นหลินเช่อยังคงนอนนิ่ง เขาก็รีบก้มลงดูเธอ “หลินเช่อ หลินเช่อ ตื่นเถอะ”
หลินเช่อนิ่วหน้า ส่งเสียงงึมงำ
ชุดของเธอวางเกลื่อนกลาดอยู่ข้างตัว มีผ้าห่มคลุมร่างอยู่โดยเฉพาะส่วนสำคัญ
กู้จิ้งเจ๋อรีบอุ้มเธอขึ้นมา “อย่าเพิ่งหลับ ไปล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อน”
แขนของหลินเช่อทั้งสองข้างอ่อนเปียก เมื่อตอนที่เขากดแขนเธอไว้ก่อนหน้านี้ เธอดิ้นรนอยู่พักใหญ่จนรู้สึกหมดสิ้นเรี่ยวแรงไปแล้ว
ชายหนุ่มมองแขนที่ตกห้อย หัวใจของเขายิ่งเหมือนถูกบีบ เขารีบเร่งฝีเท้าขึ้น
เขาเปิดน้ำใส่อ่าง ก่อนจะดึงผ้าห่มออกจากตัวเธอ หลังจากหย่อนร่างหลินเช่อลงในน้ำเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ เขาจึงสังเกตเห็นร่องรอยบนเนื้อตัวของเธอ
ทันใดนั้นเอง เขาก็จำได้ว่าเขาขาดสติไปมากแค่ไหนก่อนหน้านี้ และตอนนี้เขาก็กำลังนึกเสียใจ