สตีเฟ่นไม่ได้โกรธเมื่อกู้จิ้งเจ๋อทิ้งการประชุมไป แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เขากลับพูดกับกู้จิ้งเจ๋อว่า “ท่านประธานกู้ การที่คุณแคร์ผู้หญิงของคุณมากขนาดนั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีความรู้สึก ผมชอบมากเลยละครับ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม “เธอเป็นภรรยาของผม ผมสัญญาเอาไว้ว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด และนั่นคือหน้าที่ของผมครับ”
“ฮ่าๆ ทุกวันนี้ผู้ชายที่รับผิดชอบแบบคุณนี่หายากนะครับ ท่านประธานกู้ โดยเฉพาะในวงการแบบนี้ด้วย”
กู้จิ้งเจ๋อได้แต่ยิ้มเรียบๆ ขณะที่สตีเฟ่นหันไปมองคนที่กำลังเต้นรำอยู่ด้านนอกและพูดขึ้นว่า
“คุณลู่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว”
กู้จิ้งเจ๋อเองก็หันไปดูด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก และหันกลับมาหาสตีเฟ่น
ไม่นาน เพลงแรกของลู่ชูเซี่ยก็จบลง คนดูพากันปรบมือให้ ลู่ชูเซี่ยทักทายบรรดาแขกเหรื่อในงาน เธอหันมามองข้างใน และยิ้มให้เขาอย่างเย้ายวน ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“พี่จิ้งเจ๋อ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ พี่ไม่ได้มาร่วมงานเต้นรำแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้วนะ จะไม่มาร่วมเต้นซักหน่อยหรือคะ” ลู่ชูเซี่ยอยากให้คู่เต้นรำคนแรกของเธอเป็นกู้จิ้งเจ๋อ แต่เมื่อเธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ เธอจึงออกไปหาตัวคู่เต้นคนอื่นมา เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเธอเต้นรำได้ดีขนาดไหน
เธอเต้นรำเก่ง แล้วก็มั่นใจมากด้วยว่าคืนนี้เธอจะได้เป็นแดนซิ่งควีนของฟลอร์เต้นรำแห่งนี้
หญิงสาวยกชายกระโปรง ทำปากยื่นแล้วมองดูเขาพลางพูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่พี่มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ฉันยังเด็กมากก็เลยไม่เคยได้มาด้วย แต่หลังจากนั้น ฉันก็มาร่วมงานเลี้ยงเสมอ แต่พี่กลับงานยุ่งจนไม่เคยโผล่หน้ามาเลย ในที่สุดตอนนี้เราก็ได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกันแล้ว พี่จะไม่เต้นรำกับฉันหน่อยหรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอ “ไม่ละ ฉันเต้นไม่เป็น”
“ฉันสอนให้ก็ได้ค่ะ พี่ฉลาดจะตาย แป๊บเดียวก็เต้นได้แล้ว”
“แต่ฉันเพิ่งบาดเจ็บมา สภาพร่างกายยังเต้นไม่ไหวหรอก” เขาบอก และรับหันไปหาสตีเฟ่นโดยไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้พูดอะไรอีก “มิสเตอร์สตีเฟ่น เรือยอร์ชลำนี้ดีมากจริงๆ แต่ผมจะขอย้ายห้องลงไปอยู่ชั้นล่างจะได้ไหมครับ”
“ทำไมล่ะครับ ชั้นบนไม่ดีหรือไง”
“ที่ห้องชั้นล่างมองเห็นน้ำทะเลได้ ภรรยาผมชอบดูทะเลน่ะครับ”
“อา เข้าใจละ ตกลงครับ ในเมื่อคุณขอให้ภรรยา แน่นอนเลยว่าผมจะจัดการให้ เดี๋ยวผมจะส่งคนลงไปเตรียมห้องให้นะครับ”
“ขอบคุณมาก”
ที่ชั้นบนก็มองเห็นทะเลอยู่หรอก แต่หน้าต่างของห้องชั้นล่างนั้นมองเห็นโลกใต้น้ำได้
เขาคิดว่าหลินเช่อน่าจะชอบ
เมื่อลู่ชูเซี่ยได้ยินดังนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่เขามีต่อเธออีกครั้ง และคราวนี้เธอก็อดเดือดดาลขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
คืนนี้เมื่อเธอได้เป็นแดนซิ่งควีน เธอจะเต้นรำกับเขา เธอจะทำให้เขาเห็นว่าผู้ชายทุกคนเฝ้ามองเธอด้วยความชื่นชมขนาดไหนเมื่อเธอได้รับตำแหน่งแดนซิ่งควีนของงานคืนนี้
นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างหลินเช่อไม่มีทางเทียบได้
ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อ กระซิบบางอย่างกับเขา
คิ้วของกู้จิ้งเจ๋อขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป
หลินเช่อยังคงเดินวนไปทั่วอย่างไร้จุดหมายราวกับแมลงวัน จนกระทั่งได้ยินใครบางคนร้องเรียกจากทางด้านหลัง
“หลินเช่อ”
หญิงสาวหันมาแล้วก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
“อา กู้จิ้งเจ๋อ ฉันกำลังมองหาคุณอยู่พอดีเลย”
ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะพาเธอไปยังมุมที่เสียงไม่ดังนัก
เขายกมือขึ้นโอบไหล่เธอขณะเดินไปด้วยกัน และพูดว่า “เธอน่าจะสั่งใครให้มาบอกฉันว่าเธอออกมาข้างนอก”
“ฉันเห็นว่ามันมืดแล้ว แล้วก็อยากจะออกมาเดินเล่นดูทะเลด้วยน่ะค่ะ ใครจะไปคิดว่าที่นี่มีงานเต้นรำ ฉันก็เลยแวะมาดู” เธอบอก
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหญิงสาวที่กำลังหลับสบาย แล้วก็คิดถึงอาการปวดท้องของเธอเมื่อตอนกลางวัน เขาจึงอยากให้เธอได้พักผ่อนให้มากที่สุด จึงไม่ปลุกเธอขึ้นมา
แต่ตอนนี้ที่เธออยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงพาเธอเข้าไปในงาน และถามขึ้นขณะเดินไปด้วยกันว่า “ทำไมเหรอ เธออยากเต้นรำรึไง”
หลินเช่อรีบบอก “เปล่าค่ะ ไม่ได้อยากเต้นหรอก ก็แค่สงสัยเท่านั้นเลย ก็เลยเข้ามาดู ฉันไม่คิดว่าทุกคนจะแต่งตัวกันแบบนี้ รู้สึกเหมือนกับกำลังดูหนังเลยละค่ะ”
“ใช่ คืนนี้เป็นงานเต้นรำสไตล์เรโทร พวกเขาจัดงานเต้นรำแบบย้อนยุคขึ้น แล้วทุกคนก็แต่งตัวตามธีมงาน อย่างคืนนี้เป็นการเต้นรำแบบยุคกลาง ก็ยิ่งเก่าเข้าไปอีก”
“เข้าใจแล้วละค่ะ”
ลู่ชูเซี่ยเห็นกู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อเข้ามาในงาน
สองคนนั้นเข้ามาด้านในแล้ว และกำลังยืนอิงแอบแนบชิด พูดคุยกัน
ลู่ชูเซี่ยทำเสียงไม่สบอารมณ์ ยันหลินเช่อนี่น่าตบสิ้นดี โดยเฉพาะเวลาที่แต่งตัวราวกับผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้
นี่แม่นั่นไม่แหกตาดูมั่งหรือไง ว่าคนอื่นเขาใส่อะไรกันมา
กู้จิ้งเจ๋อหันมองหลินเช่อแล้วบอกว่า “ในเมื่อเธอมาแล้ว งั้นฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้ เธอจะได้เปลี่ยนซะที่นี่เลย”
หลินเช่อพยักหน้า มองดูชายหนุ่มส่งสัญญาณบอกคนรับใช้ให้จัดเสื้อผ้ามา
ไม่นาน ชุดสำหรับเปลี่ยนก็มาถึง
ชุดย้อนยุคเปิดหลัง ชมพูอมม่วงอ่อนๆ ท่อนบนถูกตัดเย็บด้วยมือเป็นชั้นๆ อย่างพิถีพิถัน ลายปักสีเงินและดำสลับพาดพันกันเป็นแพทเทิร์นที่สวยงาม ทั้งหมดนี้ถูกปักด้วยมือล้วนๆ ทำให้เครื่องแต่งกายชุดนี้ดูน่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลินเช่อสวมมัน กระโปรงระบายลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ทิ้งหางยาวไว้ข้างหลัง ข้อเท้าของเธอโผล่ออกมาจากใต้กระโปรง เผยให้เห็นรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่
เธอสำรวจดูตัวเองในกระจก และรู้สึกเหมือนเป็นกุลสตรีสาวผู้มั่งคั่งในยุคกลางยังไงยังงั้น
หลินเช่อหัวเราะเมื่อเดินออกมาให้กู้จิ้งเจ๋อดู “ฉันดูเป็นยังไงบ้างคะ กู้จิ้งเจ๋อ”
ชายหนุ่มหันมา เขาหรี่ตามองดูชุดของเธอ
สวยมาก
เขายิ้มและบอกเธอว่า “เธอดูดีมาก”
“จริงหรือคะ”
“แต่ไม่สวยเท่าชุดที่เธอใส่เมื่อตอนกลางวัน”
“หือ”
“ชุดที่เธอใส่ตอนอยู่บนตัวฉันไงล่ะ”
“…”
หลินเช่อหน้าแดง เธอหันมองเขาและอดคิดไม่ได้ว่าเธอทำตัวน่าอายแค่ไหนที่ลงทุนยั่วยวนเขาอย่างนั้น เธอเองยังไม่อยากเชื่อเลย สงสัยเธอจะเสียสติไปแล้วละมั้งถึงได้ทำอะไรแบบนั้นได้
“ตาบ๊อง อย่าพูดเรื่องนี้สิคะ”
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะหึ และพูดว่า “เห็นตอนนั้นออกจะกล้าหาญชาญชัย จะมาอายตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเรอะ”
เขายังพูดต่อไปอีก “คืนนี้ ใส่ชุดนั้นอีกแต่อย่ามัดฉันไว้ล่ะ”
เขาแฟนตาซีถึงเรื่องนี้มาแสนนานแล้ว การได้ปลดเปลื้องอาภรณ์ยวนตาแบบนั้นออกกับมือตัวเองน่าจะเป็นสิ่งที่วิเศษสุดๆ ไปเลย
หลินเช่อทำเสียงฟึดฟัด และรีบเดินออกไปก่อน ทิ้งเขาเอาไว้ข้างหลัง
เมื่อออกไปด้านนอก ลู่ชูเซี่ยก็มองเห็นหลินเช่อทันที
หล่อนมองดูชุดของหลินเช่อ ซึ่งดูดีทีเดียวเมื่ออยู่บนตัวเธอ
ลู่ชูเซี่ยทำปากยื่นแล้วเดินเข้ามา ยกขายื่นออกไป
หลินเช่อไม่ทันระวังและเธอกำลังรีบเดิน แต่ตาของเธอมองเห็นแล้วและรู้สึกตัวในทันที หลินเช่อคิดว่าต่อให้เธอล้ม เธอก็จะไม่มีทางยอมให้ลู่ชูเซี่ยลอยนวลไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยกขาขึ้นและเหยียบลงบนข้อเท้าของหล่อนซะ…
ลู่ชูเซี่ยร้องลั่น “โอ๊ย!”
หลินเช่อสะดุดและล้มลงบนพื้น
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อออกมา เขามองดูหลินเช่อที่ล้มลงบนพื้นด้วยสายตาที่ขุ่นมัว