อวี๋หมินหมิ่นกำลังพยายามรับมือกับรองเท้าส้นสูงสิบห้าเซนติเมตร ซึ่งเธอต้องใช้พลังงานอย่างมาก เพื่อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา คล้องแขนเขาเอาไว้
งานพิธีซับซ้อน อีกทั้งยังตื่นเต้น ทำให้ไม่สามารถสนใจอย่างอื่นได้
ในสายตาคนนอก การแต่งงานนี้นั้นมีผู้คนติดตามเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นที่น่าจับตามองและเฝ้ารอสำหรับใครหลายๆ คน
ในโทรทัศน์ นักข่าวให้ความสนใจมากมาย นานแล้วที่ประเทศซีไม่ได้มีข่าวที่คนทั้งประเทศเฝ้าติดตามแบบนี้ แถมยังเป็นงานแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่อีกด้วย
“ตอนนี้เรามองเห็น ท่านประธานาธิบดีได้พาเจ้าสาวมาปรากฏตัวอยู่ที่ระเบียงชั้นบน เพื่อพบปะประชาชนค่ะ”
“ทุกคนมาเฝ้ารอพร้อมเพรียงกัน ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีและภริยากำลังโบกมือทักทายกับทุกๆ คนอยู่นะคะ”
“ประชาชนที่มาเฝ้ารออยู่นอกทำเนียบหลิวลี่ตอนนี้มีจำนวนหลายพันคน บริเวณรอบข้างมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และช่วยรักษาความสงบ”
“เจ้าสาวสวยมาก ดูจิตใจดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพิธีแต่งงานที่เรียบง่าย ทว่ากลับได้รับความสนใจทำให้คนต่างก็อิจฉา”
หน้าโทรทัศน์
“ซู่หย่า ไม่ต้องดูแล้ว” ฟางจ้งโหมวมองเธอ “ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ก็แค่งานแต่ง”
หยินซู่หย่าจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างกู้จิ้งหมิงคนนั้น มองดูงานพิธีที่ยิ่งใหญ่
สิ่งนี้มันควรเป็นของเธอ
แต่ว่าเพราะเธอปฏิเสธ และผลักมันไปให้คนอื่น
ตอนนี้ในใจนั้นเริ่มเจ็บปวดและรู้สึกเสียดาย เมื่อเป็นภริยาของประธานาธิบดีแล้ว ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ มีข้อจำกัดมากมาย แต่ว่า…ตอนนี้เห็นเธอคนนั้นมีคนมากมายให้ความสนใจ ถูกผู้คนมากมายอิจฉา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้สูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่างไป
“ไม่เป็นไร นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่หรือไง”
เธอเป็นแค่ตัวแทนก็เท่านั้น ในโทรทัศน์ เป็นภริยาประธานาธิบดีที่ถูกจับตามอง แต่ก็แค่ตัวแทนเท่านั้นเอง
ฟางจ้งโหมวมองเข้าไปด้านใน ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้น เมื่ออยู่ในหน้าจอโทรทัศน์แล้วจะสวยขนาดนี้
มีภาพลักษณ์เหมาะที่จะเป็นภริยาประธานาธิบดีจริงๆ
——
ในห้องขัง
พ่อของอวี๋หมินหมิ่นมองเห็นภาพในโทรทัศน์
“นั่นคือลูกสาวฉัน นั่นลูกสาวฉันนี่นา ลูกสาวฉันได้เป็นภริยาประธานาธิบดีแล้ว เฮ้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีข่าวนี้”
ทุกคนได้ยินเสียงตะโกนของเขา หันมองมา แต่ไม่นานก็หันกลับไป คิดว่าเขาเป็นบ้า จึงไม่ได้สนใจเขา
”งานแต่งประธานาธิบดีก็ใหญ่โตดีนี่นา”
“ก็ใช่น่ะสิ ดูสิ คนไปเฝ้าดูมากมายเลย แถมยังยิงปืนส่งสัญญาณด้วย รอบข้างนั่นเป็นบอดี้การ์ดของประธานาธิบดี ด้านหลังนั้นก็ด้วย ยิ่งใหญ่มาก”
พ่ออวี๋เมื่อเห็นแบบนั้น จึงครางตอบรับในลำคอเบาๆ “นั่นลูกสาวฉันจริงๆ พวกนายไม่เชื่อก็ช่าง แต่นั่นคือลูกสาวของฉัน อวี๋หมินหมิ่น”
ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อว่าพ่อของภริยาประธานาธิบดี จะมาถูกขังอยู่ในคุกแบบนี้
——
หลังจากงานเลี้ยง อวี๋หมินหมิ่นเหนื่อยจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทักทายกับผู้คนมากมายด้านนอก เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากจริงๆ
รอจนพิธีสิ้นสุดลง บุคคลสำคัญต่างก็เรียงรายเข้ามาทักทายอวี๋หมินหมิ่น กล่าวยินดีกับคู่บ่าวสาว อวี๋หมินหมิ่นทำได้เพียงตอบกลับไปทีละคน แม้จะรู้ว่าคนพวกนั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญ แต่เธอแทบไม่หลงเหลือสติ และสุดท้าย เธอก็จำใครไม่ได้เลยสักคน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับมาพักที่ ‘ห้องหอ’ เธอนั่งสัปหงกอยู่ตรงนั้น
กระทั่งกู้จิ้งหมิงเข้ามาถึง เธอก็หลับไปแล้ว
นอนขดตัวอยู่ตรงนั้น ชุดแต่งงานสีขาวถูกม้วนอยู่ด้านล่าง
กู้จิ้งหมิงขมวดคิ้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางขดตัวราวกับเด็กน้อยของเธอแบบนี้ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าเต็มไปด้วยความง่วงงุน
อยากเตะสะกิดให้เธอลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นสายตาขี้เกียจนั้น สุดท้ายจึง…อุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเข้าไปวางบนเตียงนอนด้านใน
——
ด้านนอก
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อที่เหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน
เธอเหนื่อยจนไม่อยากขยับ นอนอยู่ตรงนั้น พูดกับกู้จิ้งเจ๋อ “งานแต่งมันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “งานแต่งของพี่ใหญ่นับว่าเรียบง่ายแล้ว เพราะเขาเป็นประธานาธิบดี ต้องเป็นผู้นำในการประหยัด”
“ไม่ใช่มั้ง” หลินเช่อพึมพำเบาๆ “โชคดีที่ตอนแรกเราไม่จัดงานแต่งงาน”
กู้จิ้งเจ๋อใบหน้าทะมึนขึ้น “เธอว่าอะไรนะ”
“เอ่อ…”
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยบอก “แต่งงานกับฉันมันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ” กู้จิ้งเจ๋อบีบแก้มเธอ หลินเช่อ รีบอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ก็เธอกำลังแสดงท่าทางไม่ยินยอมแบบนั้น”
“แค่รู้สึกว่างานแต่งมันเหนื่อยเองค่ะ”
“งั้นเธอก็ไม่เต็มใจงั้นเหรอ”
“เต็มใจค่ะ เต็มใจ ทำไมจะไม่เต็มใจล่ะ จริงๆ นะ ฉันเต็มใจมาก แต่งงานกับคุณถึงจะเหนื่อยขนาดไหนฉันก็ยอมค่ะ” หลินเช่อบอก
กู้จิ้งเจ๋อจ้องลึกไปยังดวงตาเธออยู่สักพัก เห็นเธอเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา ค่อยปล่อยแก้มเธอเบาๆ
ก็คงมีเพียงผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่อยากจัดงานแต่งงานกับเขา
ถ้าคนอื่นรู้คงได้หัวเราะแน่
ผู้หญิงคนอื่นใครบ้างที่ไม่วิ่งแจ้นเข้าหาเขา แต่ผู้หญิงคนนี้กลับรังเกียจเขา
ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจ
หลินเช่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อหน้าบึ้งตึง จึงรีบเดินเข้าไปหาเขา “เป็นอะไรคะ โกรธเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อมองไปข้างหน้า รูปหน้าคมคาย บวกกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ตกลงมากระทบบนใบหน้า ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลา
สามีของเธอ ขนาดโกรธก็ยังหล่อขนาดนี้
หลินเช่อหัวเราะ ทั้งสองนั่งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ไม่กลัวใครเห็นทั้งนั้น เธอเพียงแค่กอดแขนเขาเอาไว้ สะบัดไปมา “ฉันไม่เคยมาทำเนียบหลิวลี่เลยค่ะ พาฉันไปเดินเล่นหน่อยได้ไหมคะ”
กู้จิ้งหมิงส่งเสียงหึเบาๆ ไม่ยอมขยับ
“ครั้งหน้าก็ไม่มีโอกาสได้มาแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาสักครั้ง ถ้าต้องบอกคนอื่นว่า ฉันได้มาแค่ห้องโถงใหญ่ ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง นั่นมันจะดูเสแสร้งไปหรือเปล่า”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อได้ยินเสียงเธอออดอ้อน ในที่สุดก็ใจอ่อน
มองไปที่เธอ จนปัญญากับเธอจริงๆ
สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้น เอาผ้าคลุมไหล่ให้เธอ
หลินเช่อย่ำเท้าดีใจ แสดงท่าทางซุกซนอยู่ข้างๆ เขา จากนั้นก็เดินตามเขาออกไป
——
ทำเนียบหลิวลี่ใหญ่โตมาก บริเวณรอบๆ ของที่นี่ยังมีบุคคลสำคัญคนอื่นๆ อาศัยอยู่ เนื่องด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างคล้ายๆ กัน ทำให้ที่นี่ยิ่งดูยิ่งใหญ่เมื่อถูกมองจากด้านนอก แต่ความจริงคือที่นี่ยังเทียบคฤหาสน์ตระกูลกู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
บอดี้การ์ดยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ทุกหนทุกแห่ง กู้จิ้งเจ๋อกลับสามารถเดินไปไหนมาไหนในทำเนียบได้ไม่จำกัด ไม่มีคนห้าม
หลินเช่อมองไปรอบๆ รู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ ไม่เหมือนบ้านเลยสักนิด
“พี่ใหญ่พักอยู่ที่นี่ทุกวันเหรอคะ”
“ด้านหน้าเอาไว้ใช้ทำงานน่ะ ห้องหนังสือ ห้องรับแขก เอาไว้ต้อนรับบุคคลสำคัญ ด้านหลังถึงเป็นส่วนของที่พัก ตกแต่งได้มีชีวิตชีวากว่าที่นี่เยอะ”
“อ้อ งั้นต่อไป หมินหมิ่นก็ต้องพักอยู่ด้านหลังใช่ไหมคะ”
“อืม”
“งั้นก็ยังดี ถ้าอยู่ส่วนหน้า ฉันว่าคงไม่กล้าเดินไปไหนมาไหน ดูการตกแต่งที่หรูหราพวกนี้สิ”
ขณะที่พูดก็มีเสียงตะโกนเรียกดังขึ้น
“หลินเช่อ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันตามหาเธออยู่ตั้งนาน”
เมื่อหันกลับไป เป็นเฉินโยวหรานนั่นเอง