บทที่ 601 ปล่อยซอมบี้ตัวนั้นเดี๋ยวนี้
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิงม่อคิดอย่างนี้
เดิมศพน้ำเหล่านี้ล้วนเคยเป็นซอมบี้ธรรมดามาก่อน แต่ตัวแพร่เชื้อนั่นใช้วิธีการบางอย่างทำให้พวกมันมารวมตัวกันที่นี่
จับ ล่อลวง หรือค่อยๆ นำเข้ามาทีละชุด…สรุปว่ามีความเป็นไปได้ทุกทาง หลิงม่อไม่อาจเดาได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเสียเวลาไปคิดเรื่องอย่างนี้
หลังจากที่ซอมบี้เหล่านี้ถูกนำตัวมาที่นี่ พวกมันก็ได้ถูกเชื้อไวรัสชนิดแพร่ใส่
อาจถูกแพร่เชื้อผ่านการกัด หรืออาจด้วยวิธีอื่นๆ…
แต่ซอมบี้ส่วนใหญ่ไม่อาจรองรับเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ ดังนั้นซอมบี้โชคร้ายพวกนั้นจึงได้กลายเป็นศพน้ำ
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ พวกมันตายในระหว่างที่กำลังกลายร่าง แต่ศพของพวกมันกลับไม่เน่าเสีย แต่กลายเป็นปุ๋ยแทน ซึ่งทำหน้าที่ม่านสกัดกั้นพลังจิตและป้องกันกลิ่นไม่ให้แพร่กระจายออกไป
ก๊าซร้อนชื้นในร่างกายที่พวกมันสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่แน่ว่าอาจก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้เลยทีเดียว…
สุดยอดปุ๋ยหมื่นสรรพคุณชัดๆ!
ทว่ากลับมีส่วนน้อยในพวกมัน ที่สามารถกลายพันธุ์ด้วยเชื้อไวรัสมหาภัยนี้จนสำเร็จ และกลายเป็นซอมบี้กลายร่างในที่สุด
ซอมบี้กลายร่างพวกนี้กับซอมบี้สายพันธุ์ใหม่ที่หลิงม่อค้นพบ มีความแตกต่างกันมาก
การกลายพันธุ์ของซอมบี้กลายร่างมีจุดเด่นอยู่ตรงรูปลักษณ์ภายนอก โดยส่วนมากจะเป็นที่แขนขาและประสาทสัมผัสทั้งห้า (จมูก ตา ปาก หู ลิ้น) มีจำนวนน้อยที่เกิดการกลายพันธุ์กับอวัยวะภายใน ส่วนมากแล้วจะสามารถแยกออกทันทีที่เห็น
แต่ซอมบี้สายพันธุ์ใหม่ไม่เหมือนกัน หากพวกมันไม่เป็นฝ่ายเปิดเผยออกมาก่อน พวกมันก็ดูไม่ต่างอะไรไปจากซอมบี้ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
โดยสรุปก็คือ ซอมบี้สายพันธุ์ใหม่ก็คือผลผลิตที่เกิดจากการรวมร่างของซอมบี้ธรรมดาและซอมบี้กลายร่าง…
แต่ซอมบี้ที่อยู่ในนี้เป็นซอมบี้กลายร่างอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรพวกหลิงม่อก็เจอมาแล้วหลายตัว
ไม่รู้ว่าถึงเวลาที่ซอมบี้พวกนี้ควรออกจากเตาอบแล้ว หรือเป็นเพราะถูกพวกเขาทำให้แตกตื่น ถึงได้ออกจากโรงงานมากันอย่างนี้…
แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ ที่นี่ต้องอยู่มานานแล้วแน่นอน และซอมบี้กลายร่างที่ผลิตขึ้นมาก็ไม่ได้มีแค่กลุ่มนี้เท่านั้น
ก็เหมือนกับหัวหน้าแก๊งค์ซอมบี้ที่พวกเขาเจอข้างบนเมื่อกี้ ดูอย่างไรก็เหมือนเป็นผลผลิตที่ถูกสร้างขึ้นจากที่นี่
ที่หัวหน้าแก๊งค์ตัวนั้นถูกล่อเข้ามา ไม่แน่อาจเป็นเพราะพวกหลิงม่อเข้าใกล้โรงงานใต้ดินแห่งนี้เกินไปก็ได้…
“ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ แล้วเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมาผลิตไปได้กี่ตัวแล้วล่ะ? หรือว่าเพิ่งเริ่มเปิดกิจการได้ไม่นาน? แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลวของที่นี่ก็ยังไม่กลายเป็นขยะ แต่กลับสามารถนำมาใช้ประโยชน์ซ้ำได้อีก…ช่างเป็นโรงงานที่สุดยอมจริงๆ! แต่ไม่รู้ว่าผู้จัดการโรงงานอยู่ที่ไหน…” หลิงม่อคิดในใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวแต่คิดมาก ซอมบี้ตัวที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายออกมาจากเมือกบนกำแพงนี้ ใกล้จะทะลวงพันธนาการชั้นสุดท้ายออกมาได้แล้ว! หากปล่อยให้มันเป็นอิสระ ที่นี่ก็จะมีซอมบี้กลายร่างน้องใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว นั่นไม่เท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาหรือ?
หลิงม่อยัดไฟฉายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เหลือไว้เพียงแสงรางๆ มืออีกข้างก็คลำหามีดต่อสู้ที่ตกพื้นไปเมื่อกี้
ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้หลิงม่อสะอิดสะเอียนสุดๆ ที่นี่มีพื้นอาคารเรียบๆ ที่ไหนล่ะ มีแต่เมือกเต็มไปหมด!
พอเขาคว้ามีดได้ ก็รีบสะบัดเมือกที่ติดอยู่เต็มฝ่ามือออกอย่างขยะแขยงทันที “อี๋ๆๆ ติดเต็มมือไปหมดเลย…”
โชคดีที่มันแค่น่าขยะแขยงเท่านั้น ฝ่ามือเขาไม่มีบาดแผล แค่เชื้อไวรัสที่แทรกซึมผ่านรูขุมขนเข้าไปยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาติดเชื้อได้
ถ้าหากแค่นี้ยังทำให้เขาติดเชื้อได้ เชื้อไวรัสซอมบี้รวมถึงเชื้อไวรัสซอมบี้กลายร่างมากมายที่อยู่ในตัวเขา ก็คงกลายเป็นแค่ของไร้ค่าไปแล้ว
ถ้าอย่างไรก็ดูดกลืนน้ำหวานเพิ่มอีกนิด ไม่แน่อาจสามารถสร้างสารแอนติบอดีขึ้นมาได้บ้าง…
สาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คืออากาศร้อนชื้นในนี้ ถ้าหากว่าเชื้อไวรัสเหล่านี้แค่แทรกซึมผ่านรูขุมขนก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ป่านนี้เขาคงกลายพันธุ์ไปนานแล้ว
ในเมื่ออยู่ในนี้มานานแต่ก็ไม่ได้กลายร่างเพราะเหตุนี้ ถ้าอย่างนั้นหากสัมผัสนิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่เป็นอะไร
แต่ถ้าหากปล่อยให้เลือดและเมือกสัมผัสกันโดยตรงจะอันตรายมาก ดังนั้นแม้หลิงม่อจะถือมีดไว้ แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งเข้าไปทันที
ขนาดเมื่อกี้ยังไม่ถูกจับ แต่หากวิ่งเข้าไปแล้วโดนทำร้ายเอาตอนนี้ คงจะน่าอายแย่…
“กรร กรร!”
ซอมบี้ตัวนั้นคำรามเสียงต่ำอีกครั้ง ร่างกายท่อนบนของมันโน้มต่ำลงจนแทบจะขนานกับพื้นแล้ว น่าเสียดายที่อยู่ห่างกันแค่เอื้อม แต่ก็ยังคว้าไม่ถึงหลิงม่ออยู่ดี
หลิงม่อเม้มปาก เขาจับมีดแน่นแล้วสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งเมื่อซอมบี้ตัวนี้ยืดตัวของมันจนสุด และใกล้จะดึงขาออกมาได้ทั้งสองข้าง หลิงม่อพลันกระโจนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ตอนนี้พลังจิตของเขาจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลองใช้หนวดสัมผัสทางจิตอีกครั้ง
หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งพุ่งเข้าไปพันมือข้างนั้นของมัน ส่วนอีกเส้นก็พุ่งเข้าไปรัดคอของมัน
แต่สิ่งที่เป็นไปตามที่คาดไว้คือ ขณะที่หนวดสัมผัสสองเส้นสัมผัสโดนร่างของซอมบี้ตัวนี้ หลิงม่อก็รู้สึกถึงแรงต้านทันที
ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ แต่หลิงม่อก็ยังฝืนกลายสภาพหนวดสัมผัสให้กลายเป็นสสารจับต้องได้จนสำเร็จ
ถึงแม้ไม่สามารถพันธนาการซอมบี้ตัวนี้ได้อย่างอยู่หมัด แต่กลับสามารถทำให้การเคลื่อนไหวของมันสะดุดไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง
“โอกาสทองมาถึงแล้ว!”
หลิงม่อเร่งฝีเท้าประชิดตัวเข้าไปตามแนวแขนของซอมบี้ตัวนี้ เขาอาศัยแรงพุ่งตัวแทงส่งมีดเข้าไปที่หน้าอกของมัน
“อึกอึกอึก…”
ดวงตาของซอมบี้เบิกกว้างขึ้นทันที มันจ้องหลิงม่อด้วยสายตาที่ดุดันและเย็นชาอยู่อย่างนั้น
หลิงม่อกัดฟัน พลันบิดข้อมือเต็มแรง
“อ๊อก…”
ปากของซอมบี้อ้ากว้างอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มันกระอักเลือดสีดำออกมาคำโต ร่างกายกระตุกสั่นสองสามที จากนั้นก็ตัวอ่อนล้มลงไป
หลิงม่อเพิ่งจะโล่งอกได้ไม่นาน จู่ๆ เมือกที่อยู่อีกฝั่งก็มีเสียงแหวกดังขึ้น ใบหน้าหนึ่งมุดออกมาจากรอยแยกทันใด
“กรร…”
“…น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” หลิงม่อถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ทว่าคราวนี้เขามีความพร้อมแล้ว ไม่มีทางตกเป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนเมื่อกี้แน่ๆ
ซอมบี้ตัวนี้เพิ่งจะส่งเสียงคำรามได้คำเดียว ก็ถูกหลิงม่อจัดการซึ่งๆ หน้าในดาบเดียว
“อ้าว เพิ่งจะส่งเสียงร้องหลังแรกเกิด พี่ก็แทงมันตายซะแล้ว…” เสียงของซย่าน่าดังมาจากข้างหลัง
“ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ทำไมพอมันออกมาจากปากเธอ ฉันถึงได้กลายเป็นฆาตกรโรคจิตไปได้ล่ะ!” หลิงม่อพยายามดึงมีดพกออกมาสุดแรง พร้อมเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้างอย่างชำนาญ
เลือดสายหนึ่งพุ่งกระฉูดออกมาจากรูแผล สาดลงบนพื้นตรงหน้ารองเท้าหนังของเขาพอดี
ซย่าน่าหามเคียวดาบไว้บนบ่า เธอมองหน้าหลิงม่อแล้วหัวเราะ “ฮิฮิ รีบมาดูเร็วว่าพวกเราหาอะไรเจอ”
“อะไร?” หลิงม่อถามอย่างสงสัย
สิบกว่าวินาทีผ่านไป สีหน้าตื่นเต้นดีใจของหลิงม่อก็ค่อยๆ ถอดสีและหายไปในที่สุด
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาทั้งคู่หรี่เล็ก มุมปากเผยรอยยิ้มแปลกๆ…
“ทำไม…แกมาอยู่ที่นี่ได้?”
จู่ๆ หลิงม่อก็ถอนหายใจ แล้วยื่นมือเข้าไป
เขาลูบหน้าผากเสี่ยวป๋าย พลางถามขึ้นว่า “ตอบมาเร็ว…ยัยซอมบี้โลลิสมองทึบตัวนั้นไปไหนแล้ว!”
“แบ๊!”
เสี่ยวป๋ายส่ายหน้าหนึ่งครั้ง มันหลับตาเพื่อรับรู้สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นๆ ของหลิงม่อ
แต่ยังรับรู้ได้ไม่นาน จู่ๆ มันก็รู้สึกเหมือนหัวถูกกด “ฉันบอกให้พวกแกวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วตั้งแต่เมื่อไหร่หา! ไหนบอกมาสิ แกก็มีสติปัญญาอยู่บ้างใช่ไหม? แกเข้าใจที่ฉันพูดใช่หรือเปล่า? แย่ที่สุด เป็นเพราะฉันใจดีกับพวกแกมากไปใช่ไหม พวกแกก็เลยปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาอย่างนี้!”
“นี่ พี่หลิง พี่แค่เลี้ยงมันแบบปล่อยตามมีตามเกิดนะ…” ซย่าน่าเตือน
“หึหึ ปกติฉันโอ๋แกมากไปจริงๆ!” หลิงม่อด่าต่ออย่างโมโห
“ไม่ใช่ยัยอวี๋ซือหรานหรอกหรอที่คอยโอ๋มัน? มันไม่ได้อยู่กับพี่ตลอดเวลาซักหน่อย…” ซน่าน่านังคงเอ่ยขัดเสียงเบาต่อไป
“เข้าใจที่พูดใช่ไหม? ดูออกหรือเปล่าว่าฉันโมโหน่ะ?” หลิงม่อระบายความโกรธ
“คือว่า…เหมือนมันจะงงๆ นะ” คราวนี้เป็นหลี่ย่าหลินที่ดูออก…
เย่เลี่ยนเดินเข้ามาเงียบๆ จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปกอดหัวเสี่ยวป๋าย
มือของหลิงม่อที่ยกขึ้นหมายจะตบหัวต่อพลันชะงักค้างกลางอากาศ และลดมือลงอย่างจนใจ “อย่าทำอย่างนี้สิ…ฉันไม่ได้รังแกมันซักหน่อย…”
“แบ๊~” เสี่ยวป๋ายขยับตัวไปมาอย่างน้อยอกน้อยใจ มันถูไถหัวไปมาในอ้อมกอดของเย่เลี่ยน
พอเห็นว่าหมีแพนด้ากลายพันธุ์ตัวนี้ออดอ้อนเป็นด้วย…หลิงม่อก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าแกไม่ใช่ตัวเมียล่ะก็…ฉันจะ…” หลิงม่อหงุดหงิดสุดๆ
ตอนนี้เขาอยากจะตะโกนออกไปดังๆ ว่า “ปล่อยยัยซอมบี้ตัวนั้นเดี๋ยวนี้ นั่นมันของฉัน!”
แต่ว่า…มีเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อน
เสียงโครมครามเมื่อกี้ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของหลิงม่อ แต่ในเมือเสี่ยวป๋ายอยู่ที่นี่ แล้วอวี๋ซือหรานล่ะ?
แถมฟังจากที่อวี๋ซือหรานพูดเมื่อกี้แล้ว ตอนนี้เสี่ยวป๋ายน่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากนี่นา…
หลิงม่อกำลังคิดจะไปตามหาต่อ แต่กลับได้ยินเย่เลี่ยนพูดขึ้นมาว่า “ปะ…เป็นอะไรไป?”
“อะไรเป็นอะไรไป?” หลิงม่อส่องไฟฉายไปทางนั้น
เสี่ยวป๋ายที่เมื่อกี้ยังทำตัวออดอ้อนออเซาะ ตอนนี้กลับโงนเงนไปมา
ร่างกายขนาดใหญ่ของมันฟุบลงกับพื้นทันใด สายตาพลันไร้ชีวิตชีวา…
ถึงแม้ในเวลาปกติมันจะมีขอบตาที่เข้มมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับดูโทรมผิดปกติ
—————————————————————————–