ตอนที่ 36 วิธีแก้แค้นของฟางเจิ้ง
โหวจื่อพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่เป็นไปได้มากกว่าคือเขาใช้น้ำนี่ซักผ้า…”
พั่งจื่ออึ้งไป…
ถึงจะมีการคาดเดาต่างๆ นาๆ แต่พวกเขาก็ตัดสินใจขึ้นไปก่อนค่อยว่ากัน พั่งจื่อกับโหวจื่อแบกถังน้ำใหญ่พร้อมตะโกนด้วยความโกรธ แต่มันไม่ขยับเลย!
สองคนจึงเก้อเขิน พั่งจื่อพูดขึ้น “เมื่อกี้น่ะเล่นๆ ครั้งนี้ต้องออกแรงจริงๆ แล้ว โหวจื่อ สู้!”
โหวจื่อถุยน้ำลายที่สองฝ่ามือพลางพยักหน้า
เจียงถิงมองสองคนด้วยความสงสัย “ไม่ใช่ว่าพวกนายสองคนแบกกันไม่ขึ้นรึไง?”
“พูดอะไรอย่างนั้น? ดูร่างกายพี่เสียก่อน เหมือนคนไม่มีแรงรึไง?” พั่งจื่อไม่พอใจจึงบอกให้โหวจื่อออกแรง!
สองคนหน้าหลังส่งเสียงร้อง ใบหน้าแดงก่ำ ในที่สุดถังใหญ่ก็โคลงเคลง
“โหวจื่อ นายออกแรงหน่อยสิโว้ย!” พั่งจื่อว่า
“แรงที่ฉันกินนมมาไม่ออกเลยรึไง? ทำไมถังนี่มันหนักนักวะ?”
“อยู่ในช่วงสำคัญนะ อย่าพลาดล่ะ! พวกผู้หญิงดูอยู่!”
“ไป!”
สองคนจึงเดินเซขึ้นไปบนเส้นทาง แต่เดินไปได้สักครู่ก็เห็นหมาป่าเดียวดายแบกถังน้ำสองถังลงมา เดินผ่านไป ทั้งยังชำเลืองตามองสองคนอย่างเหยีดหยาม จากนั้นกระโดดลงไป
“ห่าเอ๊ย! หมาป่านั่นมองดูถูกฉัน!” พั่งจื่อพูดขึ้นด้วยความไม่ยอม
“หมาป่าอะไร? ฉันเห็นหมาต่างหาก!” โหวจื่อกัดฟัน เขาก็เห็นแววตานั้นเหมือนกัน
“ถูก เป็นหมา! หมาใหญ่!” พั่งจื่อด่าทอตาม ก่อนสองคนจะพยายามต่อไป
หลายนาทีต่อมามีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากข้างหลัง สองคนหันไปมองก็เห็น หมาป่าเดียวดายแบกถังน้ำสองถังวิ่งขึ้นมา ก้าวเล็กๆ แซงหน้าสองคนไป ตอนที่ผ่านพั่งจื่อยังใช้หางฟาดเขาไปสองที!
ทำให้พั่งจื่อโมโหจนรอหมาป่าเดียวดายไปไกลแล้วถึงด่าทอ “ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ คุณพั่งใจดีล่ะก็ ฉันจะตุ๋นแกซะ!” ขณะเอ่ยอยู่นี้ พั่งจื่อโยกไหว ถังน้ำโยกตาม น้ำจึง หกไปข้างนอก พั่งจื่อพลันรู้สึกว่าถังน้ำเบาลงหน่อย!
โหวจื่อต่อว่า “นายเดินให้มันมั่นคงหน่อยสิ!”
“รู้แล้วๆ อย่าพูดมากหน่า คุณพั่งดูทางอยู่” พั่งจื่อบ่นพึมพำ แต่เดินไปสองสามก้าวก็โยกอีกครั้ง น้ำหกไปอีกเล็กน้อยจึงเบาลงหน่อย ไม่นานโหวจื่อก็เข้าใจความหมายของพั่งจื่อ โยกตาม สองคนโยกกันคนละทีสองที น้ำหกไปข้างนอกไม่หยุด ถังเบาลง สองคนก็สบายขึ้น แถมยังขึ้นไปถึงยอดเขาในทีเดียว เห็นหลวงจีนหัวโล้นยืนอยู่หน้าประตูวัดเอกดรรชนีอยู่ไกลๆ อย่างสุภาพ มีกลิ่นอายของธรรมะมาก
ฟางเจิ้งก็ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน ถังใหญ่ขนาดนั้น ลูกคนหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมแต่เล็กกลับแบกขึ้นมาได้จริงๆ ทำให้เขามองในมุมใหม่อีกครั้ง อย่างน้อย เขาที่ไม่ได้ฝึกหัตถ์พลังนักรบโพธิสัตว์ก็ไม่มีทำได้!
รอจนพั่งจื่อกับโหวจื่อวางถังน้ำใหญ่ตรงหน้าฟางเจิ้งแล้ว ช่วงที่รู้สึกว่ากำลังจะได้ประโยชน์จากความสำเร็จคนอื่น ฟางเจิ้งหน้ามืดทะมึนโดยพลัน
“ไต้ซือ น้ำมาแล้ว ให้พวกเราเทในโอ่งน้ำเลยรึเปล่า?” พั่งจื่อปาดเหงื่อ หอบหายใจแรงพลางพูดด้วยสีหน้าลำพองใจและรู้สึกว่าตนสำเร็จ
ฟางเจิ้งตอบ “ไม่ต้อง น้ำเหลือแค่นี้น่าจะพอให้พวกโยมดื่มคนละเหยือก เอาไปเท ก็ลำบาก พวกโยมดื่มเถอะ”
พั่งจื่องงงวย คิดว่าฟางเจิ้งกำลังเย้ยเยาะเขาจึงโกรธขึ้นมา ขณะกำลังจะโมโหนั้น ได้ยินโหวจื่อพูดขึ้น “เวร! พั่งจื่อ เล่นเลยเถิดไป น้ำหกจะหมดแล้ว!”
“อะไรนะ?” พั่งจื่อนอนพาดอยู่บนถังน้ำมองไปข้างใน เห็นน้ำอยู่ตรงก้นจริงๆ สองคนจึงมองกันเหมือนจะร้องไห้ เหนื่อยจะตายชัก วางแผนไว้อย่างดิบดี แต่ที่ว่าฉลาดกลับเป็นความเข้าใจผิด หลอกตัวเองเสียได้! ครั้งนี้เสียแรงเปล่าแล้ว!
พั่งจื่อมองฟางเจิ้งอย่างน่าสงสาร “ไต้ซือ น้ำนั่น…”
ฟางเจิ้งมองสองคนแล้วก็มองหญิงสามคนที่มองมาอย่างน่าสงสารเช่นกัน ก่อนส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ “สัญญาคือ น้ำเต็มโอ่งถึงจะพอ ตอนนี้โอ่งน้ำยังไม่เต็ม”
“ไต้ซือ ท่านก็เห็นแล้วว่าพวกเราสองคนเป็นคนครึ่งคนพิการ คนหนึ่งพิการอ้วน อีกคนพิการผอม ท่านยอมเถอะนะ ให้พวกเราดื่มน้ำหน่อย พวกเราจะได้ลงเขา” เจียงถิงเข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นด้วยความน่ารัก
แต่ฟางเจิ้งกลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ เหมือนกับความน่ารักของหญิงงามเป็นอากาศธาตุ ไม่สนใจเลย แต่ในใจแทบจะด่าแม่ ‘รู้ทั้งรู้ว่าอาตมาสนใจผู้หญิงไม่ได้ยังมา ไม้นี้อีก คิดจะใช้ความจริงใจทำให้อาตมาว้าวุ่นรึไง?’
ดังนั้นฟางเจิ้งจึงปิดประตูใหญ่ พูดเสียงดังแว่วออกมา “ทุกอย่างเป็นไปตามสัญญา อมิตพุทธ” น่าตลก ตอนเข้ามาในวัดยังปากเก่งกันอยู่เลย ตอนนี้ล่ะ…ถึงตาฟางเจิ้งเอาคืนบ้าง!
“ทำไงดี?” พั่งจื่อถามโหวจื่อ
โหวจื่อนั่งแผ่อยู่บนขั้นบันได กัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ “พั่งจื่อ เราสองพี่น้องโตมาขนาดนี้แล้ว เคยยอมแพ้เหรอ?”
“ไม่! ตอนนั้นเราสองคนสู้สิบหกคน หน้าตาบูดเบี้ยว กระดูกหักไปหลายท่อนก็ยังไม่ยอมแพ้ อยู่ในวงการธุรกิจมานานขนาดนี้ ช่วงวิกฤติก็ยังไม่เคยยอมแพ้” พั่งจื่อตอบ
นัยน์ตาสองคนฉายแววมุ่งมั่นเต็มสิบ “ใช่! เราสองพี่น้องไม่เคยยอมแพ้ จะยอมแพ้ด้วยเรื่องนี้รึไง? แค่โอ่งน้ำเองนี่? เติมมันให้เต็ม! ถึงตอนนั้นน้ำฉันจะไม่ดื่มน้ำของเขา! เขาไม่ยอม ฉันก็จะไม่ยอมเหมือนกัน!”
“ถูก! งั้นฉันช่วยนายดื่มส่วนนั้นเอง!” พั่งจื่อพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ
โหวจื่อ “¥##@¥#@…”
ดังนั้นสองคนจึงลงเขาอีกครั้ง พอสองคนนี่ฮึกเหิม หญิงสามคนก็ไม่ใช้อุบายเพื่อ ออกแรงน้อยอีก ต่างหยิบอ่างเล็กตามไป หลูเสียวอ่าหยิบแก้วไปอีกใบ…
ครั้งนี้โหวจื่อกับพั่งจื่อไม่ได้แบกน้ำมาจนเต็ม แต่เอามาครึ่งถัง ถึงจะน้อยแต่ก็ ลดภาระได้ สองคนกัดฟันกลั้นใจ ยังงงอยู่เลยว่าแบกขึ้นมาได้อย่างมั่นคงจริงๆ
ซู่ เทน้ำครึ่งถังลงไปในโอ่งพุทธ แม้จะเพิ่มมาไม่เท่าไร แต่สองคนก็ดีใจมาก! ถือว่าสำเร็จแล้ว! พวกเขาสองคนไม่ได้รู้สึกสำเร็จมานานมากแล้ว! ครั้งแรกก็คือดีใจช่วงเรียนจบ! ดีใจช่วงที่จีบสาวที่รักมาได้! เป็นความสุขง่ายๆ แต่กลับทำให้พวกเขาภูมิใจจริงๆ เป็นความสุขจากใจจริง
“ไปไหม? ต่อ!” พั่งจื่อคึกคักแล้ว
โหวจื่อขานรับ จากนั้นสองคนก็แบกถังน้ำลงเขาไปอีก
หญิงสามคนตามไป ถึงจะหอบหายใจแรง แต่ไม่ได้คิดจะพัก
เห็นถึงตรงนี้ฟางเจิ้งก็แอบพยักหน้า เริ่มเปลี่ยนภาพจำต่อห้าคนนี้ อย่างน้อยความรู้สึกไม่ดีตอนแรกก็หายไป ที่เหลืออยู่ยังมีความเคารพอยู่เล็กน้อย ดั่งสำนวนที่ว่าไว้คือเคยทำตัวใหญ่มาแล้วทำให้ตัวเล็กลงไม่ได้ การที่ให้คนรวยมาลำบากอย่างกะทันหันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ โดยเฉพาะความลำบากที่ดูแล้วไม่มีความหมายอะไรด้วย
ตอนเริ่มพั่งจื่อกับโหวจื่อทำเพื่อน้ำบริสุทธิ์อึกนั้นของฟางเจิ้ง ถึงตอนท้าย สองคนทำเพราะรู้สึกมีความสุขที่จะได้เติมน้ำเต็มโอ่งพุทธ รวมถึงความรู้สึกที่ได้เดินเชิดหน้า ตอนผ่านฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดาย! โดยเฉพาะพั่งจื่อยังจำที่หมาป่าเดียวดายงับก้นเขาได้ รวมถึงการเย้ยเยาะตอนที่มันขึ้นเขาไปด้วย