แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 736

ตอนที่ 736

บทที่ 736 พวกมันมีชีวิต
โดย
Ink Stone_Fantasy
“น่าแปลกจริงๆ เมื่อกี้ฉันยังเปิดประตูได้อยู่เลย…” เจ้าหน้าที่วิจัยเดินหันกลับไปทางเดิมที่มาเมื่อกี้ พลางบ่นพึมพำ และในตอนนั้นเอง ที่ประตูห้องบานนั้นถูกผลักเปิดอย่างเงียบเชียบ เงาร่างของใครคนหนึ่งโฉบเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วบานประตูก็ค่อยๆ ถูกดึงปิดจนสนิทในที่สุด

ภารกิจลักลอบเข้าห้อง สำเร็จ

“เข้ามาแล้ว” หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ยืนแนบประตู ไม่ได้รีบเร่งเคลื่อนไหวทันที จนกระทั่งเมื่อเสียงฝี่เท้าห่างออกไปไกล เขาจึงค่อยหันมามองภายในห้อง

เมื่อมองสภาพแวดล้อมด้านข้างผ่านสายตาของซอมบี้ ภาพที่เห็นจะมีแสงสีแดงปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น แต่หลิงม่อเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว ถึงจะเหลือบไปเห็นดวงตาสีแดงบนหัวกะโหลกที่ถูกสตาฟไว้ทันที แต่เขาก็ยังนิ่งเฉย

หลังจากสั่งให้เจ้าแมงกะพรุนดูต้นทางอยู่หน้าประตู หลิงม่อก็ควบคุมเจ้าหุ่นซอมบี้ให้เดินเข้าไปในห้องอย่างเบาเท้าที่สุด

“กลิ่นคาวเลือดที่ลอยโชยออกมาจากห้องทดลองห้องนี้ฉุนที่สุด ดังนั้นห้องนี้จะต้องน่าสนใจที่สุดแน่นอน…” หลิงม่อคิดในใจ

หลิงม่อรู้สึกได้ตอนที่เดินอยู่ในทางเดินข้างนอก แต่หลังจากเข้ามาในนี้ เขากลับพบว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนมาก แต่ยังมีกลิ่นเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากด้วย มีกระทั่งกลิ่นประหลาดมากมายรวมอยู่เต็มไปหมด เมื่อกลิ่นทั้งหมดคละเคล้ากัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากลิ่นของมันจะประหลาดมากขนาดไหน แค่สูดดมเพียงไม่นาน หลิงม่อก็รู้สึกแล้วว่าจิตใต้สำนึกของหุ่นซอมบี้กำลังมีปฏิกิริยาเบาๆ

แน่นอนว่าความสั่นคลอนนี้ยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดผลกระทบกับอำนาจการควบคุมของหลิงม่อได้ ดังนั้นเขาจึงเพียงขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้หยุดเดิน

“เยอะมาก…” พอเห็นชั้นวางหนังสือมากมายที่วางเรียงรายกันอยู่ข้างผนัง สายตาของหลิงม่อก็เปล่งประกายขึ้นมา

แต่ภาพที่เห็นนั้นผิดจากที่หลิงม่อคาดไว้เล็กน้อย ที่นี่เป็นโซนออฟฟิส แต่กลิ่นคาวเลือดนั้นมาจากไหนกันล่ะ?

มองซ้ายมองขวาแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ หลิงม่อส่ายหัวเบาๆ จากนั้นก็เดินไปยังชั้นวางหนังสือที่ใกล้ที่สุด

ทว่าหลังจากเดินไปตามชั้นวางหนังสือเหล่านี้หนึ่งรอบแล้ว หลิงม่อกลับต้องรู้สึกผิดหวัง ดูจากหัวข้อ สิ่งที่ถูกบันทึกในห้องนี้มากที่สุดน่าจะเป็นการวิจัยเกี่ยวกับซอมบี้ มีบันทึกมากมายตั้งแต่หมายเลข 1 จนถึงหมายเลขต่างๆ แทบไม่ต่างอะไรกับบันทึกการเจริญเติบโตของซอมบี้เลย หากมีเวลาว่าง หลิงม่อก็อยากจะนำเนื้อหารายงงานเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับความรู้เกี่ยวกับซอมบี้ในสมองเขาซักรอบ แต่เวลาไม่คอยใคร สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อเขา

“อีกอย่าง โดยทั่วไปบันทึกการเจริญเติบโตของพวกเขาล้วนอ้างอิงจากการทรมานซอมบี้ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย…ฉันน่ะเขียนคู่มือวิธีการฝึกอบรมพิเศษสำหรับซอมบี้ยังได้เลย แถมยังเป็นวิธีการร้อยแปดที่ไม่ซ้ำกันอีกต่างหาก…แต่ประสบการณ์ส่วนตัวอย่างนี้ไม่เผยแพร่ออกไปจะดีกว่า แล้วมันก็เลียนแบบกันไม่ได้ด้วย” หลิงม่อคิดในใจ พร้อมยัดแฟ้มเอกสารเข้าไปที่เดิมอีกครั้ง

“ติ๋ง…”

ทันใดนั้น เสียงเบาๆ ดังมาจากบางแห่ง ทำให้หลิงม่อชะงักไปทันที

เขาเงยหน้าขึ้น ลูกตาสีแดงกลอกมองไปมาหนึ่งรอบ “เสียงอะไรน่ะ?”

สิบวินาทีต่อมา เสียงอันแผ่วเบานั้นดังขึ้นอีกครั้ง “ติ๋ง…”

มีเสียงจริงๆ ด้วย! หลิงม่อตวัดสายตามองไปทางด้านซ้ายของห้องอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ทางนั้นจะมีชั้นวางหนังสือตั้งอยู่เหมือนกัน แต่ด้านบนมีเพียงถาดเครื่องเคลือบดินเผาถูกวางไว้เพียงไม่กี่ชิ้น หลิงม่อจึงไม่ได้สนใจมากนัก

แต่เสียงที่เกิดขึ้นตอนนี้ กลับดังมาจากชั้นวางชั้นนั้น

หลิงม่อค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างสงสัย ขณะเดียวกันเจ้าแมงกะพรุนที่อยู่บนเพดานก็วิ่งตามเขามาด้วย

“ติ๋ง…”

หลิงม่อยืนเงี่ยหูฟังอยู่หน้าชั้นวางหนังสือครู่หนึ่ง แล้วหัวคิ้วก็กระดกขึ้น “ไม่ใช่ เสียงดังมาจากข้างหลังชั้นวางนนี้”

เขารีบยื่นมือออกไปคว้าชั้นวาง จากนั้นก็เขย่าไปข้างหน้าข้างหลัง “เอ๋ ขยับได้?”

หลิงม่อลองจับขอบตู้ด้านหนึ่ง แล้วออกแรงเบาๆ…ชั้นวางชั้นนั้นไถลไปยังอีกฝั่งอย่างเงียบเชียบ เผยให้เห็นรอยแยกมืดๆ ที่ถูกซ่อนไว้ด้านหลัง

“ไม่คิดว่าจะมีล้อด้วยแฮะ…” ล้อของชั้นวางนี้หากมองจากด้านนอกจะมองไม่เห็น แต่ถ้าหากนอนราบกับพื้นแล้วสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าระหว่างก้นชั้นวางกับพื้นยังมีช่องว่างเล็กๆ อยู่ และล้อก็ซ่อนอยู่ใต้ก้นชั้นวางนั่นเอง แต่คนปกติคงไม่มีใครอยู่ดีๆ ก็นอนราบกับพื้นแน่นอน ดังนั้นถึงแม้การออกแบบอย่างนี้ถึงจะดูเรียบง่าย แต่กลับสามารถปกปิดได้เป็นอย่างดี

เมื่อรอยแยกปรากฏ กลิ่นฉุนๆ เมื่อกี้ที่ดึงดูดให้เขาเข้ามาในนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

เห็นชัดว่า กลิ่นนั้นลอยออกมาจากข้างในนั้น…

เจ้าแมงกะพรุนเดินวนไปวนมาอยู่รอบๆ รอยแยกสองรอบ ขณะเดียวกันหลิงม่อก็เผยสีหน้าคาดหวังออกมาด้วยเช่นกัน

“มีดวงแสงแห่งจิตอยู่เยอะมาก ที่นี่คงจะเป็นห้องทดลองที่ซ่อนอยู่สินะ…ซ่อนตัวมิดชิดขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าทีมวิจัยมีความสำคัญกับที่มากแค่ไหน ถึงข้างในจะไม่มีรายงาน แต่ตัวทดลองที่ถูกนำขึ้นมาถึงชั้น 5 จะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ…” หลิงม่อผลักชั้นวางหนังสือออกเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่รีรอ

ดูเหมือนว่าพื้นที่ว่างตรงนี้จะกว้างกว่าข้างนอกถึงสองเท่าเลยทีเดียว และช่องโหว่นี้ก็เกิดจากการใช้สิ่วเจาะกำแพงอย่างเห็นได้ชัด ห้องสองห้องหรืออาจมากกว่านั้นเชื่อมต่อกันอยู่ หลิงม่อเลือกเดินเข้ามาจากโซนออฟฟิสพอดี แต่ในเมื่อตั้งใจออกแบบเป็นพิเศษอย่างนี้ ห้องด้านในนี้จึงถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาเป็นส่วนมาก

ห้องทดลองแห่งนี้แตกต่างจากห้องทดลองที่หลิงม่อเคยเห็นมามาก

ที่นี่ไม่มีกรงเหล็ก แต่พวกเขาใช้ผ้ายางกั้นแบ่งเป็นห้องๆ แทน และด้านหน้าประตูห้องก็เป็นทางเดินอันมืดมิดและวังเวงเส้นหนึ่ง

“ติ๋ง…”

หลิงม่อมองตามเสียงไปทางซ้าย แล้วหางตาของเขาก็กระตุกด้วยความตะลึงทันที

ถังน้ำเหล็กใบหนึ่งห้อยอยู่บนผนัง ด้านล่างถังน้ำใบนั้นถูกเจาะเป็นรูเล็กๆ และมีกะละมังใบเล็กรองรับไว้ด้านล่าง

ของเหลวหนืดบางอย่างกำลังซึมออกจากรูเล็กๆ นั้น สิบวินาทีต่อมาของเหลวนั้นก็หยดลงไปในกะละมังใบเล็ก เมื่อผิวสัมผัส หยาดเลือดเล็กๆ ก็กระเซ็นขึ้นมา “ติ๋ง”

แค่เห็นกะละมังใบเล็กนั้น หลิงม่อก็ไม่คิดจะสำรวจถังน้ำเหล็กใบนั้นแล้ว สิ่งที่อยู่ในนั้นต้องไม่ใช่ของดีแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังตามหา…

“แค่กๆ…”

หลิงม่อเลื่อสายตาออกจากมุมนั้น แล้วหันไปมองทางเดินที่อยู่ตรงหน้าแทน เขาสนใจห้องที่ถูกกั้นแบ่งไว้เหล่านี้มากกว่า หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เขาสนใจตัวทดลองพวกนั้น ไม่แน่อาจเจอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับซอมบี้ร่างแม่ในนี้ก็ได้…

ห้องด้านหน้า 2 – 3 ห้องเป็นห้องเปล่าหมด พอดึงผ้ายางขึ้น ก็เห็นว่าโต๊ะด้านในสะอาดมาก ทว่าในขณะที่หลิงม่อกำลังจะเดินไปถึงห้องที่อยู่จุดกึ่งกลาง มือที่กำลังดึงผ้ายางขึ้นของเขากลับชะงักไปเล็กน้อย

ไม่ต้องใช้เจ้าแมงกะพรุน แค่อาศัยประสาทสัมผัสทางกลิ่นของหุ่นซอมบี้ หลิงม่อก็รู้แล้วว่าในห้องต้องมีซอมบี้อยู่อย่างแน่นอน

เขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ดึงผ้าม่านขึ้นดัง “พรึ่บ”

ถึงจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเห็นสภาพในห้อง หลิงม่อก็ยังคงอึ้งไปทันที

“นี่มัน…เจ้าพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นแฟรงเกนสไตน์รึไง!” หลิงม่ออึ้งไปนานหลายวินาทีกว่าจะได้สติกลับคืนมา

ในห้องแห่งนี้มีเงาร่างของใครคนหนึ่งถูกห้อยตัวไว้ โดยที่มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ด้านบนด้วยโซ่ตรวน

บริเวณเอวถูกปลอกเหล็กที่ยึดติดกับผนังรัดไว้ ร่างกายร่างนั้นถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา

ดูจากผมเผ้าที่ยาวพะรุงพะรังและเนินอกสูงนั่น เห็นชัดว่าเป็นซอมบี้เพศหญิง

เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ไว้กลับดูค่อนข้างมิดชิด แต่แทนที่จะบอกว่าสวมใส่ สู้บอกว่าใช้ผ้าผืนหนึ่งคลุมร่างเธอไว้อย่างมิดชิดจะดีกว่า…

มองผิวเผิน เธอดูปกติมาก แต่สำหรับหลิงม่อที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับ “เนินเขา” อย่างลึกซึ้งนั้น เขาสังเกตเห็นบางสิ่งได้ในทันที!

เนินเขาของซอมบี้หญิงตัวนี้…มีรูปร่างที่ผิดปกติ!

“ถึงแม้จะเคยได้ยินมาว่ามีไซส์ที่ใหญ่กว่าลูกบาสอยู่จริง แต่นี่มันไม่ใช่แค่ลูกบาสแล้วล่ะ…” หลิงม่อเดินเข้าไปในห้องนั้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงผ้าผืนนั้นออก

“หืม?” ต้องบอกว่า ภาพที่เขาเห็นค่อนข้างแตกต่างจากที่คิดไว้…

เขามองดูหน้าอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงเหมือนหัวใจที่กำลังเต้น แถมยังมีขนาดใหญ่จนผิดปกติคู่นั้น พลางคิดว่าแค่มองดูเฉยๆ คงจะไม่ได้อะไรแน่

หน้าอกคู่นั้นกระเพื่อมขึ้นลงราวกับว่าพวกมันมีชีวิต แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น ยิ่งพอหลิงม่อปรากฎตัว พวกมันดูเหมือนจะสงบลง ราวกับว่ากำลังพยายามอำพรางตัว…

“หน้าอกมีชีวิต…” หลิงม่อตัดสินใจแผ่หนวดสัมผัสแยกออกไปหนึ่งเส้น

เมื่อหนวดสัมผัสเส้นนี้ค่อยๆ เข้าไปใกล้เนินเขาคู่นั้น พวกมันก็กระเพื่อมแรงขึ้นทันที

เหมือนพวกมันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งจึงพยามดิ้นขัดขืน ถ้าหากสามารถเพิ่มแขนให้ได้ เดาว่าตอนนี้พวกมันคงกำลังทำท่าอ้อนวอนอยู่แน่ๆ…

ภาพที่เห็นทำเอาหลิงม่อตะลึงมาก เขาเคยเห็นระบำพุง แต่ไม่เคยเห็นระบำเต้านมเลยซักครั้ง ยิ่งไม่เคยได้ยินว่ามีเต้านมที่ไหนอ้อนวอนเป็น…

“จึ๊ก!”

หนวดสัมผัสรูปสสารจิ้มลงบนยอดเขาเบาๆ พอออกแรงสั่นเล็กน้อย เนินเขาสองลูกนั้นกลับขยายตัวขึ้น แล้วจู่ๆ มันก็ยื่นเข้ามาทางหลิงม่อเหมือนแขนสองข้าง

“เชี่ย!”

หลิงม่อหนังศีรษะชา เขารีบถอยกรูดไปข้างหลัง

ทว่าไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองตกใจมากไป ถึงเจ้าเนินเขาสองลูกนั้นจะกำลังเปลี่ยนรูปร่างอยู่ แต่…พวกมันก็ยังสั้นเกินไป

ถึงแม้ยอดเขาจะพยายามยืดตัวออกมาจากเนินเขา แต่ความจริงมันก็ยาวได้แค่ครึ่งหนึ่งของแขนเท่านั้น แล้วพอสังเกตดูดีๆ แล้ว นั่นมันหน้าอกทรงหยดน้ำไม่ใช่หรอ?

“เป็นการกลายพันธุ์ที่ทันสมัยจริงๆ…” หลิงม่อลอบปาดเหงื่อ

เขาเอาผ้าผืนเดิมคลุมร่างซอมบี้หญิงไว้เหมือนเดิม แต่กลับพบว่าบนตัวซอมบี้หญิงยังมีป้ายแขวนไว้ด้วย

หลิงม่อดึงป้ายขึ้นดู พอเห็นข้อความที่ถูกเขียนไว้ เขาก็รู้สึกพูดไม่ออกทันที “ซอมบี้ประเภทซิลิโคนกลายพันธุ์ ระดับ A หมายเหตุ ซอมบี้ตัวนี้แม้ขณะที่อยู่ในระหว่างหมดสติ ซิลิโคนก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ อันตราย”

“ป้ายนี้เล็กเกินไปไหม ไม่ได้ช่วยเตือนภัยอะไรได้เลย! แต่จะว่าไป อย่างนี้ก็ได้หรอ?”

แต่คิดดูดีๆ มันก็ใช่ สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นล้วนเป็นวัตถุภายนอก ถึงมันจะไม่สามารถติดเชื้อไวรัส แต่ในขณะที่กล้ามเนื้อ กระดูก หรือแม้กระทั่งเลือดในร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง สิ่งแปลกปลอมภายนอกเหล่านี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะสามารถเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน ที่ซอมบี้หญิงตัวนี้มาอยู่ที่นี่ได้ น่าจะเป็นเพราะคนของทีมวิจัยกำลังเร่งกระบวนการกลายพันธุ์ของซิลิโคนในร่างเธอ

ก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยเห็นซอมบี้ที่สามารถใช้เต้านมเป็นปืนฉีดพ่นเชื้อไวรัสได้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นเขากลับไม่ได้สังเกตว่ามีของประเภทซิลิโคนอยู่ข้างในด้วยหรือเปล่า

มาคิดดูตอนนี้ การที่จะเกิดกลายพันธุ์ที่พิเศษอย่างนั้นได้นั้น จะต้องมีการกระตุ้นจากภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ

ถ้าหากทีมวิจัยตามหาซอมบี้ที่มีพิษชนิดนั้นจนเจอ เดาว่ามันคงถูกจัดอยู่ในระดับ B…

“ความรู้ใหม่จริงๆ…” หลิงม่อสังเกตดูอีกครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองห้องถัดไป

ตอนนี้เขาพอจะเดาได้รางๆ แล้ว ว่าห้องทดลองห้องนี้มีไว้เพื่ออะไร…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

Status: Ongoing

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด!

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท