บทที่ 848 นายทำให้ระดับสติปัญญาของมวลมนุษยชาติตกต่ำ
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่พวกชายหนุ่มตระหนักได้ถึงปัญหา ชายที่ชื่อเจ้าผีเองก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นกัน
เขาไม่มองรอบข้างด้วยซ้ำ แต่รีบออกวิ่งไปไกลด้วยความเร็วสูงทันที
เพียงแต่ผ่านไปไม่กี่วินาที เงาร่างเลือนรางเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวและขวางหน้าเขาไว้ ขณะเดียวกันเสียงทรงเสน่ห์ผสมผสานความโหดเหี้ยมก็ถูกเปล่งออกมาจากปากของเธอ “คิดจะหนีไปไหนกัน?”
ในเสี้ยววินาทีที่เงาร่างนั้นปรากฏตัว เจ้าผีตื่นตะลึง ร่างกายเขาไหวสั่นทันที ดวงตากลายเป็นสีแดงจางๆ ขณะเดียวกันกลางนิ้วมือของเขามีกริชเพิ่มขึ้นมาสี่เล่ม เมื่อเขาพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กริชสองเล่มก็หมุนคว้างแหวกอากาศ พุ่งไปทางเงาร่างนั้นโดยตรง
ขณะเดียวกัน เงาร่างของเขาเริ่มเลือนรางไปตามการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเหลือเงาทับซ้อนมากมายไว้ที่เดิม เงาเหล่านั้นให้ความรู้สึกเหมือนภาพหลอน เหมือนเงาผีจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
“สวบ!”
เมื่อกริชสองเล่มบินไปหาเป้าหมายพร้อมกัน เงาผีที่ทับซ้อนกันหลายชั้นเหล่านั้นก็ง้างกริชอีกสองเล่มที่เหลือในมือพุ่งเข้าไปด้วย
“ตายซะ!”
เจ้าผีพูดจาห้วนสั้น น้ำเสียงเย็นชา แววตาฉายรังสีโหดเหี้ยมอำมหิต
คนที่ถูกชายหนุ่มเรียกตัวออกมาเป็นพิเศษ ย่อมมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ คือเจ้าผีไม่เหมือนทหารรบ แต่กลับเหมือนนักฆ่ามากกว่า
ขอเพียงลงมือ เขาจะต้องสังหารศัตรูให้ได้ภายใต้การระเบิดพลังครั้งเดียว!
ไม่เหลือเวลาให้อีกฝ่ายทำความเข้าใจพลังพิเศษของเขา และไม่คิดหยั่งเชิงพลังพิเศษของอีกฝ่ายด้วย เขาคิดว่าด้านนี้ของตัวเองเหมือนกับซอมบี้
อยากฆ่า ก็ลงมือเลย!
เจ้าผีเห็นประกายมีดหลายเส้นพุ่งไปพร้อมกัน แต่มองไม่เห็นเลือดสาดกระเซ็น กลับได้ยินเสียงกระทบดัง “เคร้ง”
“พลาดเป้าหรอ?”
เจ้าผีม่านตาหดตัว ท่ามกลางเงาผีมากมาย หนึ่งในนั้นพลันแยกตัวออกไป และถอยกรูดอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะที่กำลังถอยหนี ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
เงาร่างนั้นเหมือนเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อย ดวงหน้างดงามแฝงแววชั่วร้าย
พอถูกดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่ายจับจ้อง เจ้าผีรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเลยทีเดียว…
สัมผัสเยือกเย็นแผ่ซ่านออกจากร่างกายหญิงสาว และนั่นก็ทำให้เขาหวาดกลัวด้วยเหมือนกัน แล้วยังท่าทางแลบลิ้นเลียปากนั่นอีก
“ต้องถูกฆ่า ต้องถูกกินแน่!”
ความรู้สึกนี้เหมือนกับกำลังยืนอยู่ในห้องกระจกที่ปิดสนิท ในขณะที่พื้นใต้เท้าเต็มไปด้วยงูพิษที่เลื้อยไปมา
ร่างกายแข็งทื่อไปทุกส่วน ไม่กล้าขยับเขยื้อน ราวกับว่าหากเพียงกระพริบตาแค่ครั้งเดียว วินาทีถัดมาอาจถูกโจมตีก็ได้…
“ไม่ได้การ…”
เส้นเอ็นบนศีรษะของเจ้าผีปูดโปนขึ้นมา ร่างกายเขาพลันไหววูบเบาๆ อีกครั้ง เงาผีทับซ้อนปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้จำนวนเงาทับซ้อนมีมากกว่าเดิม และสามารถอำพรางร่างจริงของเขาได้อย่างมิดชิดกว่าเดิม
กริชสองเล่มนั้นพุ่งออกมาจากทิศที่เขาอยู่อย่างน่าประหลาด พวกมันพุ่งตัดกัน จากนั้นก็บินไปทางหญิงสาวคนนั้น
“ครั้งนี้จะยังไม่ตายงั้นหรอ?!”
แต่เมื่อกริชพุ่งทะลุร่างหญิงสาว เจ้าผีกลับยังไม่ทันได้ร้องดีใจ
เพราะเสียงที่เขาได้ยินไม่ใช่เสียงมีดปักเข้าเนื้อ แต่ยังคงเป็นเสียงเหล็กปะทะกันเหมือนเดิม!
เงาร่างของหญิงสาวพลันเลือนหายไป แต่ไม่นาน ลมเย็นสายหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาจากด้านหลังเขา
แม้ลมเย็นสายนี้จะบางเบามาก แต่เจ้าผีกลับรู้สึกหัวใจบีบรัดทันที เขาแยกร่างเงาทับซ้อนออกและกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
มีเงาผีมากมาย บวกกับทุกเงาล้วนเป็นสีดำ ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่การมองเห็นถูกบดบัง เขาควรจะเป็นฝ่ายได้เปรียบถึงจะถูก…
แต่หญิงสาวคนนั้นกลับตัวอ่อนกว่าที่คิด ลอบโจมตีไม่สำเร็จ ซ้ำร่างกายท่อนบนของเธอกลับชะโงกไปข้างหน้า และเหวี่ยงแขนออกมาทันที
สัมผัสเย็นแปล๊บแล่นมาจากส่วนเอว เจ้าผีร้องครวญด้วยความเจ็บปวด พลางเซไปเซมาและล้มลงในที่สุด
เขายื่นมือไปลูบที่เอวทีหนึ่ง แล้วก็ทำหน้าตกใจ
“อย่างนี้ก็ยังโจมตีได้หรอ? อีกอย่าง…เธอแยกแยะออกได้ไงว่าเงาทับซ้อนเงาไหนคือร่างจริงของฉัน! ถึงจะเป็นผู้มีพลังจิตก็ยังยากจะแยกแยะได้! หรือแม้แต่ซอมบี้…ซอมบี้เองก็ไม่มีทางแยกแยะได้จากการดมกลิ่นแน่นอน!” เจ้าผีเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง พลางจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างระแวดระวัง
จากการประมือเมื่อกี้เขาดูออกแล้วว่า หากวัดกันเรื่องความเร็ว เขาไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้ได้
ถึงแม้จะวัดกันเรื่องเรี่ยวแรง เกรงว่าเขาก็ยังสู้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้…
หลี่ย่าหลินเงยหน้ามองเลือดสดๆ บนคมจูบอสรพิษ ร่างกายที่ถูกยืดยาวขยับเขยื้อนเล็กน้อย และกลับมายืนอยู่ในท่าเดิมอย่างง่ายดาย
ร่างกายเธออ่อนยิ่งกว่าคนที่ฝึกวิชาตัวอ่อนมาโดยเฉพาะเสียอีก ภายใต้สถานการณ์ที่กระดูกทุกส่วนในร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ระดับความอ่อนของกล้ามเนื้อในร่างกายเธอจึงสูงจนน่าทึ่งเลยทีเดียว
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายยังเป็นเรื่องรอง เวลานี้สิ่งที่ได้ใช้งานมากที่สุด ยังคงเป็นดวงตาของหลี่ย่าหลิน
ม่านตาของเธอมีวงกลมสีเหลืองอำพันผุดขึ้นมารางๆ และหากมองออกไปจากดวงตาของเธอ ภาพที่มองเห็นกลับเป็นภาพจับความร้อน…
“เธอเป็นใคร?”
ถูกหลี่ย่าหลินจ้องอย่างนี้ เจ้าผีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีสุดๆ
จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะแน่ใจได้จริงๆ ว่าความรู้สึกขนลุกขนพองทั้งหมดเมื่อกี้ ความจริงมาจากสายตาของผู้หญิงคนนี้…
“แล้วนายเป็นใคร?” หลี่ย่าหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามกลับ
เธอไม่ค่อยอยากเจรจากับมนุษย์มากนัก ดังนั้นน้ำเสียงจึงสะท้อนความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน
เจ้าผีจ้องสังเกตรอบกายอย่างระมัดระวัง แล้วพูดว่า “พลังพิเศษของเธอแปลกมาก แต่ฉันก็ไม่ได้อ่อน…”
“งั้นหรอ?” หลี่ย่าหลินพูดแทรกเขาอย่างไม่ไว้หน้า เธอพูดต่อว่า “อ่อนไม่อ่อน มาลองสู้กันก็รู้เอง”
เจ้าผีอึ้งค้าง ผู้หญิงคนนี้ช่างอวดดี!
ไม่…ไม่ใช่อวดดี เพราะเธอพูดด้วยเสียงที่จริงจังมาก!
“เฮ้ยๆ…ฉันแค่อยากจะทำให้เธอกลัวบ้าง…” เจ้าผีหมดคำพูด เพราะคนที่กลัวจริงๆ…คือเขา
“เธอแยกแยะร่างจริงของฉันออก?” เจ้าผีก้าวถอยไปหนึ่งก้าว แล้วถามหยั่งเชิง
จากที่เขาดู อีกฝ่ายต้องฉวยโอกาสหลอกถามพลังพิเศษของเขาแน่ และเขาเองก็สามารถสรุปบางอย่างจากการสนทนากับอีกฝ่ายเช่นกัน…
ตอนนี้เขามองอีกฝ่ายไม่ออก แต่ผู้หญิงคนนี้กลับสามารถโจมตีร่างจริงเขาได้อย่างแม่นยำ…
รู้เราแต่ไม่รู้เขาอย่างนี้ จะสู้ต่อได้ยังไงล่ะ?
หลี่ย่าหลินหงุดหงิดเล็กน้อย เจ้ามนุษย์คนนี้ช่างพูดมากจริง!
ถ้าไม่ได้เห็นแก่ที่เขาวิ่งเร็วมาก หลี่ย่าหลินก็คร้านจะสนทนากับเขาแล้ว
ทว่าหลังจากหงุดหงิด อยู่ๆ ดวงตาของหลี่ย่าหลินก็เป็นประกายขึ้นมา
“ใช่แล้ว เขาก็เป็นมนุษย์ผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนกันนี่! ถึงจะไม่เหมือนหลิงม่อ แต่จับเขามาเป็นคู่ซ้อมก็ไม่เลวเหมือนกันนี่!”
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่หลี่ย่าหลินมองไปยังเตจ้าผีก็มีความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นมา
แต่สายตาอย่างนั้นของเธอกลับทำให้เจ้าผีรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ และรู้สึกหนังศีรษะตึงชาตามมาติดๆ
“นี่มัน…นี่มันคนแบบไหนกันเนี่ย คนปกติที่ไหนจะมีสายตาอย่างนี้กัน…”
เวลานั้นเอง ในที่สุดหลี่ย่าหลินก็เปิดปากพูด “ใช่แล้ว ฉันแยกแยะได้”
อาศัยภาพจับความร้อน การแยกแยะร่างจริงเป็นสิ่งที่ทำได้เพียงมองปราดเดียวไม่ใช่หรือ?
หลี่ย่าหลินกระทั่งอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างได้ใจว่า เจ้ามนุษย์คนนี้…โง่จริงๆ!
“ไม่คิดเลยว่าจะโง่กว่าฉันอีก…ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าระดับสติปัญญาของฉันกลับมาเท่ามนุษย์ปกติแล้วน่ะสิ!” หลี่ย่าหลินครุ่นคิด แล้วอยู่ๆ ก็ขมวดคิ้วมองเจ้าผี พึมพำว่า “ไม่ถูกสิ ซย่าน่าบอกว่าสมองฉันอยู่ในระดับเด็กอนุบาลนี่นา…”…
ด้วยเหตุนี้ ซอมบี้สาวจึงพูดกับเจ้าผีอย่างจริงจังว่า “นายทำให้ระดับสติปัญญาของมวลมนุษยชาติตกต่ำ…คำถามง่ายๆ อย่างนี้ก็ยังจะถามออกมาได้”
“…ชิบ…ไอ้ชิบหาย!” เจ้าผีตะลึงตาค้าง
ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ ก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
แต่คนที่มีความคิดไร้เดียงสาขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีสายตากระหายเลือดขนาดนั้นล่ะ!
นี่ต้องเป็นหลักตรรกวิทยาแน่นอน!
แต่ลักษณะเด่นทั้งสองนี้ปรากฏอยู่บนตัวเธอพร้อมกัน กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามันขัดแย้งกัน…
“ฉัน…ฉันผิดเอง…งั้นเปลี่ยนคำถาม?” เจ้าผีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขามองไม่เห็นท่าทีระมัดระวังจากอีกฝ่าย…แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าไม่อาจวู่วามลงมือส่งเดชได้
ดาบเมื่อกี้เกือบแทงทะลุไตของเขา และนั่นก็เป็นเพราะการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของผู้หญิงคนนี้ และยิ่งเป็นเพราะอาวุธรูปร่างแปลกตาบนข้อมือของเธอด้วย…ทว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะลักษณะเฉพาะของเธอ อานุภาพลึกลับของอาวุธชิ้นนั้นก็คงจะไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็น
“นายยังจะถามอีกหรอ? ถ้างั้น…เปลี่ยนเป็นคำถามที่ระดับสติปัญญาสูงหน่อยล่ะ” หลี่ย่าหลินขมวดคิ้วบอก
เธอไม่ห่วงว่าอีกฝ่ายจะหนีไป และก่อนที่จะจับอีกฝ่ายมาเป็นคู่ซ้อม เธอก็ไม่ถือสาที่จะตอบอะไรเขาซักสองสามประโยค
เจ้าผีพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามอย่างใช้ดุลพินิจเต็มที่ “เธอ…พลังพิเศษของเธอคืออะไร?”
ไร้เดียงสาก็ดีน่ะสิ! ในเมื่อถามหยั่งเชิงอ้อมๆ ไม่ได้ ก็ถามมันซะตรงๆ อย่างนี้เลย!
“หื้ม?” หลี่ย่าหลินตอบทันควันโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ฉันไม่มีพลังพิเศษอะไรนี่ นายนี่น่าเบื่อชะมัด ฉันจะเริ่มสู้แล้วนะ”
สิ้นเสียงพูด เงาร่างของหลี่ย่าหลินไหววูบ ราวกับว่ามีเงาคนเงาหนึ่งเดินออกมาจากร่างกายของเธอ ณ ที่แห่งนี้ มีหลี่ย่าหลินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว!
แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าผีเบิกตากว้างยังไม่จบเพียงเท่านี้!
หลี่ย่าหลินอีกหลายคนแยกร่างออกมาอย่างต่อเนื่อง และเป้าหมายก็มีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือเขา!
“ไม่มีพลังพิเศษ…เธอคิดว่าฉันไม่มีสมองจริงๆ หรือไงเนี่ย! แต่ว่านี่มัน…ทำไมเหมือนกับพลัง…”
ขณะที่เจ้าผีกำลังจะบอกว่าพลังพิเศษนี้คล้ายพลังเงาผีของเขามาก ม่านตาเขากลับหดเล็กลงทันใด
ไม่เหมือนกัน…เงาร่างพวกนี้ไม่ได้เลือนรางเลย แต่มันเหมือนกับร่างจริงมาก!
แค่จุดนี้ ก็ต่างจากพลังของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว!
ดวงตาเย็นชาสิบกว่าคู่จ้องมาทางเขาพร้อมกัน และสัมผัสอันตรายในจิตใจของเจ้าผีก็พลุ่งพล่านจนถึงขีดสูงสุด
“ฉัน…”
ไม่รอให้เจ้าผีพูดอะไร หลี่ย่าหลินเปิดปากพูดแทรก “เริ่มแล้วนะ นายตั้งใจวิ่งให้เต็มที่ล่ะ ขอแค่นายวิ่งหนีฉันให้ได้ก็พอ”
“คิดจะทรมานกันจริงๆ ด้วยสินะ…” เจ้าผีสีหน้าโกรธขึ้ง
แต่ไม่นาน สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นขมขื่นแทน
อีกฝ่ายเร็วเกินไป ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขาจะวิ่งหนีพ้นได้ยังไง?
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คงจะคาดหวังกับรองหัวหน้าทีมไม่ได้แล้วเหมือนกัน หลิงม่อน่าจะแกร่งกว่าเธอคนนี้อีก…” เจ้าผีพึมพำกับตัวเอง
แต่เพิ่งจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงหลี่ย่าหลินพูดอย่างไม่พอใจ “นายว่าใคร…”
ประโยคถัดมากลับดังมาจากข้างหลังของเขา “แกร่งกว่าฉันนะ?”
“ฉึก!”
เมื่อคมดาบเฉือนผ่านร่างเขา เสียงพูดจาค่อนแคะก็ดังมาจากด้านหน้าอีกครั้ง “เขาไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของฉันเลยซักครั้งเถอะ!”
เจ้าผีปัดป้องการโจมตีติดๆ กันหลายครั้ง เขาพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง แต่เงาร่างนับไม่ถ้วนกลับโรมรันเขาไม่หยุด โดยการโผล่มาอยู่รอบตัวเขาจากองศาที่ยากจะบรรยายได้ ในเวลาสั้นเพียงสิบวินาที ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กใหญ่มากมาย เลือดสีแดงสดอาบย้อมไปทั่วตัว…
เมื่อหลี่ย่าหลินโฉบมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้นกลับมีสีแดงผสมอยู่ด้วย
“อย่างที่คิด เล่นกับหลิงม่อสนุกกว่าตั้งเยอะ…”
—————————————————————————–