ถูกสายตาไม่ประสงค์ดีหลายคู่จ้องพร้อมกันแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่กดดัน ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก…ดวงตาพวกนั้นไม่เพียงจ้อง แต่พวกมันกำลังเปล่งแสงด้วย!ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับถูกเลเซอร์อินฟราเรดร้อยกว่าเส้นเล็งเลยซักนิด ไม่ใช่แค่รู้สึกกดดัน แต่ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตด้วย!
แต่ในขณะที่รู้สึกหนังศีรษะตึงชา หลิงม่อก็อดคิดในใจไม่ได้ “ทำไมก่อนที่พวกมันจะปรากฏตัว เรากับรุ่นพี่ถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ? อีกอย่าง…จำนวนของพวกมัน…มีเยอะเกินไปหน่อยไหม?”
ถ้าหากไม่ใช่ว่าพวกมันมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองอยู่แล้ว ก็แสดงว่าทางห้องไฟฟ้าไม่ได้ล่อสัตว์ประหลาดออกไปมากเท่าที่ควร…
“ชิท นึกว่าจะผ่อนคลายได้หน่อย…” หลิงม่อพึมพำเสียงเบา
ตอนนี้หลี่ย่าหลินได้ถอยกลับมาอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ เธอเลียปากเบาๆ ดวงตาสะท้อนแสงสีเหลืองอำพันรางๆ ในความมืดกวาดมองไปรอบทิศอย่างระแวดระวัง “หลิงม่อ พวกเราเจอปัญหาเข้าแล้วล่ะ”
“เห็นชัดอยู่แล้วนี่…” หลิงม่อเองก็จ้องสัตว์ประหลาดพวกนั้นเขม็ง ในเวลาสั้นๆ เพียงสองวินาทีนี้ รอบกายกลับมีดวงตาสีแดงโผล่เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย…
“ที่นี่น่าจะเป็น…หอพักของพวกมัน” หลี่ย่าหลินพูดต่อ
“เดี๋ยวนะ…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!” หลิงม่ออึ้งค้าง
ความจริงตอนที่ได้ยินคำว่า “หอพัก” เขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว…
“เจ้าตัวพวกนี้…พวกมันจำศีลอยู่ที่นี่…” หลี่ย่าหลินขยับร่างกายไปมาเบาๆ ซึ่งหมายความว่าเธอเริ่มปรับสภาพร่างกายตัวเองให้พร้อมกับการต่อสู้แล้ว “ที่บนพื้นมีของเหลวหนืดอยู่มากขนาดนั้น เพราะพวกมันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานาน และพวกมันก็มีกันไม่น้อยเลยด้วย แต่เมื่อกี้พวกมันล้วนอยู่ในสภาวะจำศีล พวกเราเลยไม่รู้ นอกจากนี้ สาเหตุที่พวกมันต้องจำศีล ก็เพื่อประหยัดพลังงานร่างกายและหยุดอาหาร เรื่องนี้หลิงม่อก็รู้ใช่ไหม? แต่ตอนนี้…พวกมันกลับถูกปลุกตื่นซะแล้ว”
“ปลุกตื่น…” หลิงม่อชะงัก เมื่อกี้พวกเขาสองคนออกจะเงียบกันขนาดนั้น…
ทว่าไม่นาน อยู่ๆ เขาก็ฉุกคิดได้ทันที “ไอ้เชี่ย! เป็นเงาร่างนั้น!”
ถูกเล่นงานซะแล้ว…
มีแค่พวกเดียวกับสัตว์ประหลาดพวกนี้เท่านั้น ที่จะทำอย่างนี้ได้อย่างเงียบเชียบไม่มีเสียง ดูจากความเร็วในการปรากฏตัวของดวงตาสีแดงพวกนี้ พวกมันคงจะถูกเงาร่างนั้นปลุกตื่นทีละกลุ่มๆ…อยู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด
เงาร่างนั้น…มันวางแผนมาล่วงหน้าแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ มันยังดำเนินแผนการนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากอีกด้วย…แม้แต่จังหวะที่มันถูกหลิงม่อ ‘มองเห็น’ ก่อนหน้านี้ หรือกระทั่งคนที่มันเลือกให้เห็น พอมาคิดดูตอนนี้ก็น่าสงสัยเหลือเกิน!
เรื่องมันไม่จบแค่ล่อพวกเขามาที่นี่อย่างแน่นอน…เงาร่างนั้น น่าจะเป็นหนึ่งในตัวที่มีวิวัฒนาการด้านสติปัญญาสูงกว่าตัวอื่นๆ ในฝูงนี้แน่ๆ…
“ดังนั้นหลังจากที่พวกมันถูกปลุกตื่น พวกมันเลยรู้สึกหิวเป็นพิเศษ…” หลี่ย่าหลินพูดเสียงเบา
หลิงม่อกลืนน้ำลาย จ้องดวงตาสีแดงพวกนั้น บอกว่า “แต่ดูจากท่าทางของพวกมัน น่าจะยังไม่ตื่นดีหรือเปล่า? พี่คิดว่าพวกมันต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการปรับสภาพจนพร้อมโจมตี?”
“สองวินาที?”
“ถ้างั้นก็วิ่งเซ่!”
เมื่อหลิงม่อคำรามเสียงต่ำ ทั้งสองก็วิ่งกระโจนออกไปทันที
พวกเขาพร้อมใจกันเลือกที่จะวิ่งไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่ถอยหลัง…ทางเดินขามาก็ถือว่าค่อนข้างลำบากแล้ว ถ้าหากเลือกถอยหลังไป คิดว่าผลลัพธ์ที่ได้คงไม่ดีเท่าไหร่…แต่ถ้าวิ่งไปข้างหน้า ไม่แน่ว่าอาจเจอโอกาสในการพลิกสถานการณ์ก็ได้
เดิมพวกเขาก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเส้นทางอยู่แล้ว แต่พอมีดวงตาสีแดงพวกนี้อยู่ พวกมันกลับช่วยส่องสว่างเส้นทางให้พวกเขา…เอาเป็นว่า วิ่งไปที่ที่มีสัตว์ประหลาดอยู่น้อยที่สุดแล้วกัน!
“ซย่าน่าจะอยู่ที่นี่ไหมนะ?” หลิงม่อถามอย่างเป็นห่วง
หลี่ย่าหลินกลับตอบมาจากข้างหน้า “น่าจะไม่อยู่นะ ที่นี่ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ แต่พวกเรามาทิศทางเดียวกับที่เธอมาแน่นอน แต่จะเป็นทางเชื่อมเส้นเดียวกันไหมนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ในเขามรกตที่เต็มไปด้วยท่อซึ่งมีบางอย่างส่งผลกระทบต่อประสาทรับกลิ่น แค่หาทิศทางได้ถูกต้องก็ไม่เลวมากแล้ว ……
“ไม่เป็นไร ซย่าน่าไม่ทำอะไรส่งเดชหรอก ในเมื่อมาถึงใต้ดินกันแล้ว แสดงว่าทางแยกก็คงมีไม่มากแล้วล่ะ…วิ่งกันเถอะ!” หลิงม่อบอก
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เสียงของหลี่ย่าหลินก็ลอยมา “แต่นายวิ่งช้ามากเลยนี่นา…”
“ช่วยเข้าใจคนเจ็บกับคนอ่อนแอหน่อยหน่อยสิ! ไหนบอกว่าใครที่วิวัฒนาการต่ำกว่าพี่ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันหมดไง!” หลิงม่อเคือง
บอกว่าวิ่ง แต่ที่จริงทั้งสองกำลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งยองๆ จากนั้นก็อาศัยแรงดีดตัวจากขาทั้งสองข้าง ดีดตัวเองไปข้างหน้าเหมือนลูกระเบิดอย่างสุดความสามารถ การต้องรักษาความเร็วอันบ้าคลั่งในสถานที่คับแคบอย่างนี้ ถ้าหากไม่มีพื้นฐานการตอบสนองทางร่างกายอันแข็งแกร่ง ก็อยากที่จะอดทนต่อไปได้อย่างราบรื่น…และไม่ว่าจะด้านเรี่ยวแรงหรือความสามารถในการตอบสนอง หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อตัวนี้ก็ด้อยกว่าหลี่ย่าหลินมาก…
พอมาอยู่ที่นี่ รุ่นพี่ก็ทำตัวเหมือนปลากระดี่ได้น้ำเลยนี่นา!
พอเห็นเธอโฉบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลิงม่อก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า…นางพญางูตัวนี้ เหมือนได้กลับสู่ป่าใหญ่เลยแฮะ
“ตึกๆๆ…”
เห็นชัดว่าการที่พวกหลิงม่อวิ่งหนีทำให้สัตว์ประหลาดพวกนี้ได้สติเร็วขึ้น เดิมทีดวงตาสีแดงที่เอาแต่จ้องพวกเขาเริ่มมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย และในดวงตาเหล่านั้นก็ยังสะท้อนความบ้าคลั่งที่น่าขนลุกให้เห็นอีกด้วย เสียงเบาๆ ดังมาตามท่อที่อยู่บนหัว หลิงม่อเหลือบมองไปด้านข้าง แล้วหัวใจก็เต้นอย่างบ้าคลั่งขึ้นมากับภาพที่เห็น
ดวงตาสีแดงพวกนั้นเคลื่อนไหวแล้ว! และพวกมันก็เร็วมาก ถึงขั้นเร็วกว่าพวกเขาในตอนนี้ด้วยซ้ำ!
ถึงแม้มองไม่เห็นลำตัวพวกมัน แต่แค่ได้ยินเสียงแปลกๆ ดัง “สวบ สวบ สวบ” นั่น ก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีหนอนยักษ์มากมายกำลังไต่มาทางตัวเองแล้ว!
และหากสบตากับดวงตาสีแดงพวกนั้นเมื่อไหร่ หลิงม่อก็จะรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่เกิดจากสัญชาตญาณทันที!
“ซวยแล้วๆ…ใช่สิ! จะว่าไปแล้ว หุ่นซอมบี้ตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่พวกมันเลี้ยงไว้นี่นา! ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกนี้ ก็คือความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา และจริงแท้ที่สุดในการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับสูง หรือไม่ก็สิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติสินะ? ถึงแม้เป็นซอมบี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้อยู่อย่างสบายเหมือนกันนะ!” หลิงม่อเร่งความเร็วสุดชีวิต เวลาอย่างนี้อย่าว่าแต่หยุดเลย ถึงแม้จะช้าไปแค่ก้าวเดียว เขาก็อาจถูกสัตว์ประหลาดพวกนี้ฉีกทึ้งจนกลายเป็นชิ้นๆ ทันที
พวกมันมีนิสัยการตื่นนอนที่ร้ายกาจมาก!
“ไอ้ฉิบหาย! ทำให้ร่างมนุษย์วิวัฒนาการจนมีสภาพอย่างนั้นไปได้ ถือว่าพวกแกมีพรสวรรค์แล้วกัน!”
ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบวินาทีกว่า หลิงม่อเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาวิ่งออกมาไกลแค่ไหนแล้ว…
แต่สภาพแวดล้อมรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ เส้นทางเริ่มแคบลง ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ชันขึ้นด้วย…
“ที่นี่มัน…”
แต่ในตอนนั้น เสียงร้องตกใจของหลี่ย่าหลินก็ดังมาจากข้างหน้า
—————————————————————————–