พอเห็นหลิงม่อสีหน้าตึงเครียด เจ้าลิงผอมก็รีบโบกมือไปมาแล้วอธิบาย “หัวหน้าทีมคือ…คือย่างนี้!ผะ…ผมเกลี้ยกล่อมเขาแล้วนะ แต่อวี่เหวินเขา…ให้ผมค่อยๆ เล่าให้ฟังนะ…”
สวี่ซูหานยกนิ้วมือขึ้นทำท่าให้เขาหยุดพูดอย่างอดไม่ได้ “นายนี่ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่นะ!”
คิดไม่ถึง มนุษย์คนนี้พูดไม่เก่งยิ่งกว่าเธออีกนะเนี่ย…แต่ท่าทางของเจ้าลิงผอมกลับช่วยลดความตึงเครียดยามเผชิญหน้ากับคนอื่นของสวี่ซูหานได้อย่างเหนือความคาดหมาย จนกระทั่งลดมือลงแล้วเธอถึงเพิ่งตระหนักได้ถึงเรื่องนี้อย่างตกตะลึง แล้วเธอก็แอบตกใจกับตัวเองเงียบๆ
“เขาอยู่ที่ไหน?” หลิงม่อถาม พลางมองไปข้างหลังเจ้าลิงผอม
แถวๆ นั้นมีประตูบานเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาอยู่หนึ่งบาน เดาว่าเจ้าลิงผอมคงมุดออกมาจากในนั้น แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลิงม่อกลับเป็นการกระทำของเจ้าลิงผอม ตอนนี้เขากำลังแอบก้าวถอยไปสองก้าวด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก และยืนบังประตูบานนั้นไว้อย่างไม่เนียน
“ขะ…เขา…” เจ้าลิงผอมทำหน้าลำบากใจ ในใจกลับอดตะโกนก้องไม่ได้ “จะทำไงดีล่ะเนี่ย!” หลังจากพูดติดๆ ขัดๆ อยู่สองสามคำ อยู่ๆ เจ้าลิงผอมก็นึกขึ้นได้ รีบยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ “หัวหน้าทีม…ไม่เป็นไรใช่ไหม? สองคนนั้น…”
“ตายแล้ว”
พอได้ยินหลิงม่อตอบอย่างนั้น เจ้าลิงผอมก็ถอนหายใจ “อย่างนั้นก็ดีแล้ว…”
เขาพูดช้า และติดอ่างมาก ยิ่งบวกกับปากแหลมๆ แก้มตอบๆ เหมือนลิงของเขาด้วยแล้ว ทำให้คนฟังหมดความอดทนได้อย่างง่ายดาย หลิงม่อยังดี แต่สวี่ซูหานกลับเริ่มกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างๆ แล้ว
“แต่ยังไงที่นี่ก็ยังอันตรายมาก แล้วพวกเราก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว…อวี่เหวินซวนให้นายดูต้นทางหรอ?” หลิงม่อวกกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง
สวี่ซูหานกัดนิ้วมืออย่างร้อนใจ นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะพูดไร้สาระกับเขาอยู่ได้! กระชากคอเสื้อเขาเข้ามาถามให้รู้แล้วรู้รอดก็จบแล้วไหม! แต่ใจร้อนก็ส่วนใจร้อน เธอกลับไม่กล้าทำอย่างนั้นจริงๆ…เกิดถ้าเธอควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วลงมือจริงๆ จะทำยังไงล่ะ? ดูจากความถี่ของจังหวะลมหายใจ ตอนนี้เธอก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว…
“คือว่า…” เจ้าลิงผอมรีบทำหน้าเหมือนถูกคนมองออกทะลุปรุโปร่ง เขาเอาแต่เกาหัวแล้วบอกว่า “หัวหน้าทีม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอก แต่อวี่เหวินซวนบอกว่าห้ามให้ใครไปรบกวนเขาเด็ดขาด…แต่ถ้าผมบอกไป หัวหน้าจะต้องเข้าไปให้ได้แน่ๆ”
“อย่างนี้เองหรอ…” หลิงม่อเข้าใจขึ้นมาทันที ไม่น่าล่ะตอนแรกเจ้าลิงผอมถึงได้ดูลับๆ ล่อๆ…ที่บอกว่า “ห้ามให้ใครรบกวนเด็ดขาด” แน่นอนว่าหมายถึงยามที่มีศัตรูมารุกรานด้วย จากระดับความขี้ขลาดของเจ้าลิงผอม แค่เขากล้าออกมายืนยันตัวตนของผู้มา ก็ถือว่ากล้าหาญมากแล้ว…และตอนที่เขาดูหวาดวิตกขนาดนี้ ก็แสดงว่าเขาใส่ใจกับคำสั่งของอวี่เหวินซวน
สำหรับเจ้าลิงผอม คำสั่งของหัวหน้าทีมเขาย่อมต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว เรื่องที่อวี่เหวินซวนมอบหมายให้ทำเขาก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้คนที่มากลับเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นหากมองจากมุมมองความคิดของเจ้าลิงผอม เรื่องราวตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว…
สวี่ซูหานเองก็เผยสีหน้าเหนือคาดออกมาเช่นกัน ดูไม่ออกเลยว่าถึงแม้คนคนนี้จะขี้กลัวมาก แต่กลับรักษาคำพูดไว้ได้ดีขนาดนี้…แล้วเธอก็หันไปมองหน้าหลงม่ออย่างเหนือความคาดหมายด้วยเหมือนกัน ในใจก็คิดว่าที่หลิงม่อไว้หน้าคนคนนี้ขนาดนี้ คงเป็นเพราะเขาเชื่อใจลูกทีมของตัวเองสินะ…แต่ว่า…
หมอนี่ก็สมองทึ่มทื่อเกินไปแล้วมั้ง!
“พวกนายเจออะไรข้างในนั้นใช่ไหม?” อยู่ๆ เธอก็พูดแทรกขึ้น
เจ้าลิงผอมสะดุ้ง “รู้ได้ไง!”
“ถ้าอย่างนั้นก็แย่แล้วล่ะ…รีบหลีกไปเถอะ จะปล่อยให้หมอนั่นทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้!” สวี่ซูหานตะโกน
“สุมสี่…”
เจ้าลิงผอมตกใจกับท่าทางของสวี่ซูหาน กว่าเขาจะได้สติ หลิงม่อกับสวี่ซูหานก็เดินเข้าไปหน้าประตูบานนั้นแล้ว
“เขาบอกว่าถ้ารบกวนล่ะก็…”
“อย่าไปเชื่อคนบ้า” หลิงม่อพูดโดยไม่หันไปมอง จากนั้นก็รีบบิดกลอนประตูเปิดทันที
“ชิท…”
พอเปิดประตู หลิงม่อก็อึ้งค้างไปทันที
เจ้าลิงผอมกลับยืนพึมพำอยู่ข้างหลัง “ฟังผมพูดให้จบก่อนสิ…”
ขณะเดียวกัน หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อก็ได้มุดเข้าไปในทางเชื่อมเส้นใหม่แล้ว…
“ทางแยก” สายนี้เห็นชัดว่าเป็นทางเชื่อมสู่ตึกอีกหลังหนึ่ง นอกจากนี้หากดูจากร่องรอยของเหลวหนืดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขากำลังเข้าใกล้จุดรวมพลของสัตว์ประหลาดใต้ดินอีกฝูงอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวก่อน…” หุ่นซอมบี้เพิ่งจะยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นจากโคลนตม ทันใดนั้นก็ชะงักไป
หลี่ย่าหลินที่เดินตามอยู่ข้างหลังหันมองมาด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป?”
“พวกเราต้องเร่งความเร็วกันแล้ว…” หุ่นซอมบี้พูดเสียงเครียด
ซย่าน่าไม่หันกลับมา แต่กลับเริ่มวิ่งโดยไม่พูดไม่จาทันที
“ใช่แล้ว…พวกเธอคิดว่าเงาร่างที่ล่อพวกเราเข้ามาในนี้ จะเป็นร่างแม่ของมนุษย์ตะขาบฝูงนี้หรือเปล่า?” หุ่นซอมบี้วิ่งตามไป พลางถาม
“ทำไมหรอ?” ซย่าน่าถามกลับ
“เพราะว่า…มันอาจโผล่มาอีกหนึ่งตัวแล้ว”
…………
ประตูเล็กๆ บานนั้นเชื่อมต่อกับห้องห้องหนึ่งไว้ หากมองเข้าไปจากมุมที่หลิงม่อยืนอยู่ ก็จะเห้นขอบหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าพอดี
“พวกนายขุดหรอ?!” หลิงม่อถามอย่างปากอ้าตาค้าง
“ไม่ใช่ๆ…” เจ้าลิงผอมตกใจ เขารีบวิ่งเข้ามาหา หลังจากกวาดมองรอบทิศ ก็ชี้ไปที่พรมสีแดงซึ่งอยู่ในมุม บอกว่า “เมื่อกี้ตรงนี้มีพรมปูบังไว้! ตะ…ตอนแรกพวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาพวกคุณ แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างล่าง อวี่เหวินซวนเดินเข้ามาตรวจดู แล้วก็สั่งให้ผมออกไปเฝ้าข้างนอก เขาบอกว่าตัวเองจะทำธุระอะไรบางอย่างในห้องนี้ ถ้าหากหัวหน้ามาเห็นเข้า หัวหน้าอาจจะโมโหได้…อ้อ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว”
เขาพยักหน้าอย่างนึกขึ้นได้ “อวี่เหวินซวนคิดว่าหัวหน้าอาจลงไปข้างล่างนี้แล้ว แต่ถ้าหากไม่ใช่ ก็แสดงว่าเขาก่อเรื่องเข้าแล้ว…”
“แล้วนายไม่ดูหน่อยหรอว่าเขาทำอะไร!”
หลุมนั้นมืดมิด แล้วข้างในก็ไร้ซึ่งเงาร่างของอวี่เหวินซวนแล้ว เจ้าบ้านั่นลงไปแล้ว…
“ผมไม่กล้าดูนี่นา…” เจ้าลิงผอมตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผมได้ยินแค่เสียงเหมือนเขากำลังย้ายของ…”
สวี่ซูหานปาดฝุ่นที่อยู่ตรงขอบหลุมมาดมดูเล็กน้อย จากนั้นก็บอกหลิงม่อว่า “ที่นี่น่าจะเคยถูกพวกนั้นถมไว้แบบง่ายๆ…จะขุดออกก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่างน้อยสำหรับอวี่เหวินซวนมันก็ง่ายมาก”
หลิงม่อพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ อยู่ๆ เขาก็หันไปถามเจ้าลิงผอม “นายได้ยินเสียงอะไร?”
“จะว่ายังไงดีล่ะ…เหมือนเสียงคนกำลังเคาะประตู…ไม่สิๆ…เสียงคนกำลังเคาะท่ออะไรประมาณนั้น…ตอนแรกผมนึกว่ามีคนขอความช่วยเหลือ…”
เจ้าลิงผอมพยายามเค้นสมองนึกคำบรรยายออกมา แต่สีหน้าของหลิงม่อกลับค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ…
เสียงนั้น เขากับรุ่นพี่ก็เคยได้ยินเหมือนกัน…ตั้งแต่ตอนที่หาทางเข้าเจอ จนถึงตอนสุดท้ายที่เข้าไปใต้ดิน พวกเขาล้วนถูกเสียงนั้นนำทางมาโดยตลอด
ตอนนี้แม้แต่อวี่เหวินซวนก็ถูกล่อลงไปด้วยแล้ว…ที่แย่กว่าก็คือ แค่ดูจากตำแหน่งทางเข้า ไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าหากเข้าไปแล้วจะไปโผล่ที่ไหน…
“ฉันจะลงไป” หลิงม่อสูดลมหายใจ แล้วบอก
—————————————————————————–