และคนที่จะถูกกรงนี้ขัง ก็คือคนที่กำลังจะเข้ามาในห้องนี้…
กึกๆๆ—
ประตูเหล็กที่เพิ่งจะถูกปิดเมื่อกี้ถูกผลักออกช้าๆ อีกครั้ง ยินเสียงเสียดสีของบานประตู ถังฮ่าวที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมพลันเหงื่อแตก
เขาอยากร้องเตือน แต่ปากปืนดำๆ กลับส่งสัญญาณเตือนอย่างไร้เสียง บางทีหากเขาแค่ลองอ้าปาก หลิงม่อก็อาจจะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะส่งเสียงออกไป ทั้งสองอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ใกล้ถึงขนาดทำให้เขารู้สึกเหมือนทั้งหัวใจที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งและลมหายใจของเขาตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย
ปืนเป็นเพียงคำขู่ ถ้าหากหลิงม่อจะฆ่าเขาจริงๆ จุดจบของเขาคงไม่ต่างจากผีเสื้อ…
“แม่งเอ๊ย ไม่มีโอกาสเลย…” ถังฮ่าวคิดอย่างร้อนรน
และในเวลานี้ อยู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากทางประตูบานนั้น
“แก๊ก…”
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ แสงสว่างเจิดจ้าเส้นหนึ่งก็ส่องเข้ามา
แสงสว่างนั้นส่องเข้ามาอย่างกะทันหัน ถังฮ่าวสะดุ้ง แต่ไม่นานก็เผยสีหน้าดีใจออกมา
“โชคดี ที่พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่ามเข้ามาทันที…แถมยังใช้ไฟฉายแบบพกพาด้วย นั่นแสดงว่าพวกเขาสามารถยืนสำรวจที่นี่จากข้างนอกได้ ถึงแม้สุดท้ายพวกเขาจะเดินเข้ามา แต่ก็ไม่มีทางถูกลอบโจมตีได้โดยไม่รู้ตัวแน่นอน…” ถังฮ่าวอดเหลือบมองหลิงม่อแวบหนึ่งไม่ได้ “เจ้าหนู ผิดคาดล่ะสิ? หัวเดียวก็ต้องมีประมาทกันบ้าง แต่ถ้ามีกันสองหัว วิธีของแกใช้ไม่ได้ผลง่ายๆ แน่”
แต่สิ่งที่ทำให้ถังฮ่าวไม่สบอารมณ์คือ หลิงม่อกลับยังคงมีสีหน้าแบบนั้น แม้แต่สายตาก็ไม่เปลี่ยนไปเลย กลับกัน หลิงม่อสังเกตเห็นเขาเอียงหน้ามาเล็กน้อย จึงถลึงตาขาวใส่อย่างเย็นชา
“ชิท!”
ถังฮ่าวได้แต่สบถด่าในใจ เขาขยับนิ้วมือเล็กน้อย จากนั้นก็พยายามสูดลมหายใจ…
“แม่งเอ๊ย ถูกซ้อมจนเครื่องในแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว…สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องรวบรวมเรี่ยวแรง! อยู่กับหมอนี่ก็ดีเหมือนกัน เรื่องที่ไอ้หมีแพนด้าจับได้ ก็ไม่แน่ว่าหมอนี่จะจับได้…แต่จะรีบตอนนี้ไม่ได้ รออีกหน่อยแล้วกัน…”
จุดที่เขาและหลิงม่อซ่อนตัวอยู่ในตอนนี้ เป็นมุมหนึ่งซึ่งหันหน้าไปทางประตูบานนั้นพอดี
จากมุมที่พวกเขาอยู่สามารถมองเห็นประตูบานนั้นได้รางๆ แต่ถ้ามองมาจากประตู จะถูกอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งบังไว้พอดี
ลำแสงไฟฉายส่องเฉียดข้างกายหลิงม่อไปมาสองสามครั้ง
ถังฮ่าวเห็นแล้วก็พูดไม่ออก ถ้าเพียงหลิงม่อขยับแม้แต่นิดเดียว ก็อาจถูกแสงไฟฉายส่องเจอ แต่เขากลับสงบนิ่งไม่ไหวติง หากเปลี่ยนเป็นเขาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ยังไงก็ต้องมีตื่นเต้นกันบ้างล่ะ
“ไม่สิ…แทนที่จะบอกว่าสงบนิ่ง บอกว่าดีใจมากจะเหมือนกว่า…ยิ่งดีใจ ก็ยิ่งนิ่งอะไรทำนองนั้น…” คิดไปๆ อยู่ๆ ถังฮ่าวก็ฉุกคิดได้ “ชิท นี่มันพวกคมในฝักชัดๆ เลยนี่หว่า!”
“แต่ไอ้พวกคมในฝักแบบนี้นี่แหละ ที่รับมือยากที่สุด!”
ในตอนนี้ ในที่สุดหลิงม่อที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
อยู่ๆ เขาก็เงยหน้ามองไปข้างหลัง และถังฮ่าวก็มองตามสายตาเขาไปทันที
บนกำแพงข้างหลังนั้น มีเงาสองเส้นพาดทับอยู่ตรงนั้น และดูเหมือนว่าจะลากยาวไปจนถึงประตู
“สองคน” ถังฮ่าวได้ยินหลิงม่อพูดเสียงเบาสุดๆ
“ฉิบ อาศัยเงาเพื่อดูจำนวนคนฝั่งตรงข้าม!” เมื่อกี้ถังฮ่าวยังนึกชมพวกของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้กลับอดด่าในใจขึ้นมาไม่ได้ “ไอ้โง่สองคนนั้น! ใช่สิ ต้องเป็นสองคนนั้นแน่ๆ ที่มา…ถ้าอย่างนั้น ก็ยังถือว่ามีโอกาสชนะอยู่ พวกเขาสองคนถ้าอยู่เดี่ยวๆ ไม่ถือว่าเก่งกาจอะไร แต่พออยู่ด้วยกันก็เติมเต็มข้อเสียให้อีกฝ่ายได้พอดี แต่ไอ้หลิงม่อคนนี้มันเจ้าเล่ห์นัก ถึงแม้ตัวเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบขนาดไหน แต่ก็ยังชอบที่จะลอบเล่นงานอีกฝ่ายให้ตายอย่างเงียบๆ…ดีที่สองคนนั้นยังพอฉลาดอยู่บ้าง…แม่เอ็ง มีแต่หัวหน้าทีมอย่างฉันที่ต้องซวยอยู่คนเดียว…”
หลิงม่อกลับไม่สังเกตเห็นท่าทางของถังฮ่าว เขาจ้องเงาร่างของสองคนนั้น พลางวิเคราะห์แยกแยะในใจอย่างรวดเร็ว
“คนหนึ่งถือวัตถุทรงกระบอกไว้ ไม่ใช่มีดก็คงเป็นกระบองล่ะมั้ง…แสดงว่าเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังศักยภาพร่างกาย แต่ขาของเขาดูแปลกๆ เขางอขาอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับตั๊กแตน…อืมม นี่น่าจะเป็นพลังแปลงร่างของเขา ส่วนอีกคน ข้อต่อแขนก็ดูแปลกมาก แยกแยะประเภทการต่อสู้ได้ยากด้วย แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ ว่าเขาไม่ใช่ผู้มีพลังจิต และทั้งสองก็ไม่มีใครมีพลังที่ไวต่อสิ่งเร้า…”
หลิงม่อสะบัดนิ้วมือ หนวดสัมผัสทางจิตเวอร์ชั่นจิ๋วเส้นหนึ่งก็กลายร่างเป็นดวงแสงสีแดง จากนั้นก็หายไปอย่างเงียบงัน
คลื่นพลังงานในระดับนี้ นอกจากผู้มีพลังทางจิต ก็มีเพียงคนที่มีประสาทสัมผัสว่องไวเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ แต่สองคนนั้นกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม เห็นชัดว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ถังฮ่าวรู้แค่ว่าหลิงม่อดูจำนวนคนออก แต่กลับไม่รู้ว่าหลิงม่อได้ข้อมูลมากมายขนาดนี้แล้ว
ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขาเดาไม่ผิด ที่นี่คือกรงขังจริงๆ
และเหตุผลที่หลิงม่อซ่อนตัว และปิดประตูก่อน ก็เพื่อสร้างผลลัพธ์อย่างในตอนนี้
ตั้งแต่แรกที่เขาเจอแบตเตอร์รี่ก้อนนั้น เขาก็คาดเดาถึงเรื่องนี้ได้แล้ว
อีกฝ่ายมีไฟฉายแบบพกพา นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่มีทางก้าวเข้าสู่ความมืดง่ายๆ แน่ แถวๆ นี้ขาดแคลนทรัพยากร แต่พวกเขากลับยังคงใช้อุปกรณ์ให้ความสว่างในตึกที่ไม่มีซอมบี้อยู่ นั่นหมายความว่าแม้ในยามปกติ พวกเขาก็ยังระวังตัวอย่างนี้อยู่เสมอ
แต่แน่นอนว่าคนพวกนี้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดีกว่าหลิงม่อ ดังนั้นหลิงม่อจึงตั้งเงื่อนไขในการเลือก “กรงขัง” เป็นสถานที่ที่พวกเขาไปไม่บ่อย ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตอนที่ได้ยินเสียงประหลาดบนทางเดิน เขาก็ได้ตัดสินบางเรื่องที่สำคัญมากได้แล้วว่า—
ที่นี่ มีบางอย่างแปลกๆ…
และในอาคารหลังนี้ ก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ถังฮ่าวบอก…
อย่างเช่นคำว่า “ระวังอันตราย” นั่น เห็นชัดว่าเป็นข้อความที่คนกลุ่มนี้เขียนทิ้งไว้
หลายเดือนก่อน พวกเขาต้องค้นพบอะไรบางอย่างในนี้แน่ๆ…และเพราะค้นพบบางอย่าง พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับตึกหลังนี้มาก และในวันนี้หลังจากที่ผ่านไปหลายเดือน พวกเขาก็ยังคงมองที่นี่เป็นสถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง
“แผนการของพวกเขาไม่ได้มีแค่ที่ถังฮ่าวบอกแน่ๆ แต่นิสัยของหมอนี่มีปัญหามาก ถึงจะเค้นถาม ก็คงไม่ได้อะไร แต่ถ้าหากหลอกถาม ก็จะได้ข้อมูลเยอะมาก…ดีที่ในเวลาปกติ นิสัยของเขาน่าจะเอนเอียงไปทางมนุษย์มากกว่า เรื่องเลยง่ายขึ้นเยอะ…”
ตลอดทางมานี้หลิงม่อพูดการคาดเดาของตัวเองออกไปหลายอย่าง และเขาก็ได้คำตอบยืนยันจากปฏิกิริยาตอบสนองของถังฮ่าว…แต่ถังฮ่าวผู้โชคร้ายกลับมองว่าหลิงม่อมีความสามารถในการวิเคราะห์อันยอดเยี่ยม ซ้ำยังลอบทึ่งไปหลายรอบ เขาไม่รู้เลย ว่าหลิงม่อในตอนนี้ไม่ได้แค่ทำสองเรื่องในเวลาเดียวกัน แต่สถานการณ์ทั้งสองฝั่งล้วนเร่งรัดพอๆ กัน จะมีเวลาไปพิสูจน์ทีละเรื่องๆ ที่ไหนกัน ยิ่งไม่มีทางที่จะวิเคราะห์ได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนั้น…
แต่ขอเพียงสามารถยืนยันการคาดเดาเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากถังฮ่าวได้ การวิเคราะห์ที่เหลือก็จะง่ายขึ้นมาก……
“คนที่อยู่ข้างในน่ะ…” ทันใดนั้นเสียงติดเฉื่อยชาเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางประตู “เลิกซ่อนตัวได้แล้ว”
—————————————————————————–