พอเข้าไปในน้ำ เสียง “บุ๋มๆๆๆ” ก็ดังขึ้นข้างหูทันที…แต่ขณะเดียวกัน หลิงม่อกลับรู้สึกได้ถึงความเงียบอย่างน่าประหลาด เขาถูกตัดขาดจากเสียงรอบกายด้วยน้ำ มีเพียงเสียงที่ดังออกมาจากร่างกายเขาที่ยังคงเสียงดังฟังชัด…พูดได้ว่าในสถานการณ์อย่างนี้ ทำให้เขารับรู้ได้ถึงตัวตนจริงๆ ของเขาได้ดีกว่า ตัวตนที่ซ่อนอยู่ในสมองของหุ่นซอมบี้…
จริงๆ ความรู้สึกอย่างนี้แปลกมาก ถ้าหากเป็นไปได้ หลิงม่อไม่อยากมีความรู้สึกร่วมได้ถึงขั้นนี้เลยจริงๆ…
หลังจากยื่นมือออกไปเกาะผนังใต้น้ำในระยะหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ปล่อยมืออีกข้างออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หันไปมองก้นบ่อ—
“มืดเกินไปแล้ว!”
ถึงจะทำใจก่อนลงมาแล้ว แต่สถานการณ์จริงกลับยังคงแย่กว่าที่เขาคิดไว้ ในรัศมีแคบๆ ยังพอได้ แต่พอเขามองออกไปไกลๆ สิ่งที่เห็นมีแต่ความมืดเท่านั้น และไม่ใช่แค่มืด แต่ยังให้ความรู้สึกดดันมากอีกด้วย ราวกับว่าความมืดกลุ่มนั้นกำลังคืบคลานมาทางเขาช้าๆ
“นี่มันน้ำหมึกชัดๆ!”
เห็นชัดว่า ความตั้งใจที่เขาจะสังเกตการณ์ในระยะปลอดภัยได้ล้มเหลวลงแล้ว…หลังจากสบถกับตัวเองสองสามคำ หลิงม่อตัดสินใจปีนลึกลงไปใต้บ่อน้ำต่อ แทนที่จะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ สู้ฉวยโอกาสตอนที่ยังพอกลั้นหายใจไหวดำลงไปให้ถึงก้นบ่อดีกว่า…
ความจริงเทียบกับมนุษย์แล้ว พูดได้ว่าความสามารถในการกลั้นหายใจของซอมบี้นั้นยอดเยี่ยมมาก…เดิมทีความถี่ในการหายใจเข้าออกของพวกมันต่ำมากอยู่แล้ว ความจุปอดก็สูงกว่ามนุษย์มาก ดังนั้นพวกมันจึงสามารถกักเก็บอากาศไว้ได้มากกว่า และกลั้นหายใจได้นานกว่านั่นเอง ถึงแม้อย่างนั้น การต้องเคลื่อนไหวใต้น้ำอย่างนี้ หลิงม่อก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี และยิ่งเขาเข้าใกล้ก้นบ่อมากเท่าไหร่ ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นมากเรื่อยๆ
“ไม่สิ…จะว่าไปแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้เหมือนเราเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…”
หลิงม่อก้มหน้ามองใต้เท้าอีกครั้ง หลังจากชะงักไปหนึ่งวินาที เขาก็ได้สติ “ใช่แล้ว! ฝั่งร่างจริงก็กำลังเจอสภาพแวดล้อมแบบเดียวกันไม่ใช่หรอ!” สภาพแวดล้อมในทางเดินที่ร่างจริงของเขากำลังเผชิญหน้าอยู่เส้นนั้น ความจริงแล้วเหมือนใต้บ่อน้ำแห่งนี้เลย! ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นอะไรที่ดูพิเศษ แต่ความสามารถในการมองเห็นกลับได้รับผลกระทบ…ที่มืดนั้นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นบางสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ…
“ถ้าอย่างนั้น ที่นี่ก็เป็นพื้นที่พิเศษเหมือนกันงั้นหรอ?” หลิงม่อขมวดคิ้ว
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน…และวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ เกรงว่าคงจะมีแต่รีบหันหลังกลับโดยเร็วที่สุด…
“แต่ว่า…”
ขณะที่ก้มมองก้นบ่อ หลิงม่อกลับลังเลขึ้นมา เขาจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเหยื่อล่อตัวนั้นงั้นหรอ? หรือจะลงไปดูด้วยตัวเอง? อีกอย่าง ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นบ่อน้ำ ถึงแม้เป็นพื้นที่พิเศษ แต่สิ่งที่ได้มาในตอนสุดท้าย อาจไม่เหมือนกับสิ่งที่ได้จากทางเดินเส้นนั้นก็ได้…
“บุ๋ม…”
ในตอนนั้นเอง ร่างกายของหลิงม่อพลันค้างแข็งไป ถึงแม้มันจะเบามาก แต่เขาสัมผัสได้จริงๆ ไม่ผิดแน่…เมื่อกี้ข้างหลังเขา มีฟองอากาศกลุ่มหนึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ…มันเบามาก แต่ก็ชัดเจนมากเช่นกัน!
ในเวลาเพียงศูนย์จุดวินาที หลิงม่อตั้งสติอย่างรวดเร็ว ข้างหลังเขามีอะไรบางอย่างอยู่! ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ ว่าตอนนี้มีบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เขา และการที่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงการหมุนเวียนของอากาศ ก็แสดงว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลจากเขามากแล้ว…
เขาหมุนตัวและยกแขนขวาขึ้นเหวี่ยงไปข้างหลังเต็มแรงโดยสัญชาตญาณ!
“เอ๋? นี่มันอะไรกัน?”
ไม่มีอะไรเลย อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิตเลย แต่นี่มันไม่มีแม้แต่เงาวิญญาณอะไรเลย…รอบกายยังคงเงียบสงัด จุดที่มืดก็ยังคงมืดจนมองไม่เห็นมือตัวเอง…
“เป็นไปได้ยังไง!”
หลิงม่อยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังหุ่นซอมบี้โดยอัตโนมัติ…ความรู้สึกในเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ เหมือนจริงมาก…
เดิมทีหลิงม่อเตรียมตัวสู้อย่างดี แต่พอไม่พบตัวศัตรู กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกกดดันกว่าเก่า…เพราะการโต้กลับของเขาทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวงั้นหรอ? ถ้าหากเป็นอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ต้องซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้แน่นอน…
“ดำลงไปต่อ!”
หนึ่งวินาทีต่อมา หลิงม่อกัดฟันกรอดตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
เขารู้สึกว่าบ่อน้ำแห่งนี้ประหลาดมาก แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งบ่งบอกว่าในนี้มีอะไรบางอย่างอยู่…
…………
ขณะเดียวกัน ณ ทางเข้าออกของอาคาร
มือข้างหนึ่งกำลังม้วนพรมบนพื้นขึ้นอย่างยากลำบาก และเมื่อพรมผืนนั้นคลี่ปิดปากหลุมจนมิดอีกครั้ง เงาร่างนั้นก็ร่วงลงไปบนพื้นข้างล่างหลุมอย่างหมดแรง
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
หลังจากหอบหายใจแรงๆ เขาก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น หันหน้าไปอีกทาง และมองลึกเข้าไปในทางเดิน
“หึหึหึหึหึหึ…” แม้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทั้งเงียบและวังเวงอย่างนี้ แต่เขากลับเปล่งเสียงหัวเราะประหลาด ไม่นาน เขาใช้สองมือตะกุยไปรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง “แม่งเอ๊ย! แม่งง!” เขากำขี้ดินและขว้างออกไปอย่างขึ้งเคียด พร้อมกับก่นด่าเสียงต่ำ “หลอกฉัน! แกกล้าหลอกฉัน! หลงนึกว่าพวกแกหนีออกไปแล้ว…แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายพวกแกจะลงมา…”
“แต๊ก!”
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ประกายไฟพลันสว่างวาบขึ้นท่ามกลางความมืด ส่องให้เห็นใบหน้าหนึ่งที่เต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง
ถังฮ่าวจ้องเปลวไฟเขม็ง แล้วอยู่ก็หัวเราะหึหึอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่เลวนี่ กำจัดเลือดถังนั้นออกไปได้แล้ว…แต่ว่าฉันก็ยังได้เปรียบกว่าพวกแก ยังไงฉันก็ยังได้เปรียบกว่า…”
ท่ามกลางเปลวไฟที่ไหวระริก เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน แต่ไม่นานก็ต้องร้อง “โอ๊ย” ยกมือกุมหน้าท้อง เผยสีหน้าเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ในขณะที่ลิ้มรสความเจ็บปวดนี้ มุมปากของเขากลับยกยิ้มขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ประหลาด และน่ากลัวสุดขีด
“ไม่…ยังไม่ถึงเวลา…ฉันไม่มีทางยอมกลายเป็นซอมบี้…” หลายวินาทีผ่านไป เขาก็เริ่มพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “ที่เจ้าเด็กเวรนั่นไม่ฆ่าฉัน คงเพราะอย่างนี้สินะ? มันคงอยากเห็นฉันค่อยๆ กลายเป็นซอมบี้อย่างทุกข์ทรมาน…ยิ่งบาดเจ็บหนัก เชื้อไวรัสก็ยิ่งทำงานเร็วขึ้น หลักการนี้ไม่ว่าใครก็รู้…แต่ฉันไม่มีวันยอม…มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะสู้จนเฮือกสุดท้าย…”
เดินไปได้ไม่ไกล อยู่ๆ เขาก็ล้มลงไป ไฟแช็กในมือก็ดับไปด้วย
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดสนิท ดวงตาของเขากลับสะท้อนแสงสีแดงจางๆ และขณะที่เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเป็นระยะ เขากลับใช้มือและเท้าตะเกียกตะกายคลานไปข้างหน้าทั้งอย่างนั้น…
“หลิงม่อ แกรอฉันก่อนเถอะ…อย่าตายซะก่อนล่ะ…”
…………
“หื้ม?”
กลับมา ณ ทางเดินเส้นเดิม ร่างจริงของหลิงม่อพลันหยักคิ้วขึ้น
“เป็นอะไรไป?” สวี่ซูหานหันไปถามทันที “หรือว่า…”
สีหน้าของหลิงม่อเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขายกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว พูดเสียงเบา “เตรียมตัว…”
“มีความเคลื่อนไหวแล้วหรอ?” สวี่ซูหานเองก็พลอยตื่นตระหนกขึ้นมาด้วย เธอรู้ว่าหลิงม่อแผ่พลังจิตเข้าไปในความมืดนั้นด้วย ถึงแม้จะมีแต่สัตว์ประหลาดและมือถือเครื่องนั้นที่เข้าไปจริงๆ แต่ในฐานะผู้กุมบังเหียนที่อยู่เบื้องหลัง สถานการ์ของหลิงม่อเองก็ไม่ได้ถือว่าปลอดภัยซะทีเดียว…
ดังนั้นในขณะที่หลิงม่อรวบรวมสมาธิสูงสุด สวี่ซูหานเองก็กังวลจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
แต่หลิงม่อยังไม่ทันส่งสัญญาณใดๆ ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องแหลมๆ ก็ดังออกมาจากความมืด “อ๊ากกก!”
ขณะเดียวกัน หลิงม่อกระชากมือไปข้างหลังสุดแรงทันที
“วูบ!”
เงาดำสองเส้นพุ่งออกมาพร้อมกัน หนึ่งในนั้นลอยเข้ามาอยู่ในมือหลิงม่ออย่างแม่นยำ ส่วนเงาดำอีกเส้นก็ร่วงลงไปอยู่ใต้เท้าสวี่ซูหาน
เธอกำลังจดจ้องเข้าไปในความมืดอย่างหวาดระแวง พอเห็นเงาดำนั้นลอยมาก็ยกเท้าเหยียบลงไปแ ทบจะในทันที แต่พอได้สติกลับต้องสะดุ้งตกใจยกใหญ่
“นี่มันอะไรเนี่ย!”
สิ่งที่อยู่ใต้เท้าเธอไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นหัวของเจ้า “โอเบลิสก์” ตัวนั้น…และสิ่งที่หลิงม่อรับไว้ได้ ก็คือมือถือเครื่องนั้นนั่นเอง…
เธอลั่นร้องด้วยความตกใจ ไม่นานก็ได้ยินเสียงหลิงม่อตะโกน “ไป!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของหลิงม่อ ทันใดนั้นเสียงประหลาดหนึ่งก็ดังออกมาจากในส่วนลึกของทางเดิน…เหมือนเสียงของฝูงตะขาบที่กำลังกรูกันมาทางพวกเขา อีกอย่างตอนที่ยังไม่ทันได้ยินเสียงของพวกมัน หมอกสีดำกลุ่มนั้นก็พรั่งพรูเข้ามาแล้ว
“อ๊ะ…”
สวี่ซูหานตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ จากเหตุการณ์นี้บวกกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของหลิงม่อ เธอรู้ว่าพวกเธอกำลังจะเผชิญหน้ากับปัญหาแน่ๆ…
“มือ!”
เธอตะโกน พลางยื่นมือออกไปคว้าข้อมือหลิงม่อ เมื่อเงาร่างของทั้งสองโฉบไหวออกไป เงาร่างของพวกเขาก็หายไปจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว…และหลังจากพวกเขาไปจากที่นี่ไม่ถึงหนึ่งวินาที จุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อกี้ก็ถูกหมอกสีดำที่พรุ่งพรูเข้ามาปกคลุมอย่างรวดเร็ว…
“สวบสาบ สวบสาบ สวบสาบ…”
ท่ามกลางความมืด เสียงเคลื่อนไหวถี่ระรัวกลุ่มนั้นดังไล่หลังมาติดๆ…
———————————————