เขาเข้าใจแล้ว? เข้าใจอะไร? อวี่เหวินซวนกับสวี่ซูหานมองหลิงม่ออย่างสงสัยพร้อมกัน
บอกตามตรง ภายนอกคำตอบของอวี๋ซือหรานอาจดูเหมือนคลายความสงสัยเหล่านี้ได้ แต่ความจริงพวกเขาสองคนกลับยิ่งฟังยิ่งสับสน
เฮยซือเป็นใคร? อวี่เหวินซวนไม่ได้ถาม แต่นอกจากเรื่องนี้ พวกเขายังมีเรื่องที่สงสัยอยู่อีกมาก และตอนนี้ คนที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องดีที่สุด ก็มีแต่อวี๋ซือหรานที่ประสบเรื่องราวมาด้วยตัวเอง รวมถึงหลิงม่อด้วย…
“เอาล่ะ พวกเราต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ” หลิงม่อชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ ขณะที่พูด เขาได้ลุกขึ้นยืน และจูงมืออวี๋ซือหราน ในตอนนั้น ประกายไฟที่ติดๆ ดับๆ บนพื้นก็ได้มอดดับไปแล้ว
ท่ามกลางความมืด ทั้งสามได้ยินเสียงหลิงม่อพูดเบาๆ ว่า “เฮยซือไม่ได้หายไป…เธอกำลังช่วยพวกเราอยู่!”
“เธอได้ทำอย่างนั้นที่ไหนกัน…” อวี๋ซือหรานพูดพร้อมเสียงสะอื้น
“เพราะเดิมทีพวกเราควรถูกล่อให้เข้าไปติดกับดัก แต่เป็นเฮยซือที่เตือนเธอ…การปรากฏตัวของเธอก็เตือนพวกฉันอีกที ดังนั้นตอนนี้ พวกเราได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสแล้ว” หลิงม่อบอก
“กับดัก?”
อวี่เหวินซวนกับสวี่ซูหานอึ้งงัน…แต่หลังจากคิดอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ถูกต้องแล้ว…เป้าหมายของอีกฝ่าย คือล่อพวกเขาทุกคนให้ไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน! เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ กระทั่งเสียงฝีเท้าของอวี๋ซือหราน…สารพัดเสียงเหล่านี้ ล้วนทำเพื่อจุดประสงค์เดียวกันทั้งนั้น—หลอกล่อพวกเขา! ถ้าหากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล เธอจะต้องคิดแผนอื่นเป็นแน่…
เดิมทีพวกเขาคิดว่าวิธีการของอีกฝ่ายซับซ้อนอ้อมค้อม แต่มาคิดดูตอนนี้ ความจริงมันไม่ใช่ปัญหาเลย…ขอเพียงจินตนาการว่ากับดักของอีกฝ่ายเป็นสถานที่ตายตัวแห่งหนึ่ง พวกเขาก็จะเข้าใจพฤติกรรมของเธอ สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ล่อพวกเขาไปพร้อมกันครั้งเดียว แต่เธอใช้อวี๋ซือหรานเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นก็หมายตะครุบพวกเขาทั้งหมดไม่ให้เหลือรอด
มาคิดดูตอนนี้ เงาคนที่หลิงม่อเห็นก่อนหน้านี้ เหมือนกำลังเตือนพวกเขาถึงการมาของอวี๋ซือหราน…ฝีมือคนอย่างนั้นหรอ? ถ้าหากเป็นอย่างนั้น หมายความว่ากับดักนั่นอยู่แถวๆ นี้หรือเปล่า?
สรุปว่า…วิธีนี้ชั่วร้ายมาก!
ทั้งสามารถทำให้ตัวเองปลอดภัย แล้วยังสามารถทำให้พวกหลิงม่อเข่นฆ่ากันเองอย่างโหดเหี้ยม ขณะเดียวกันยังสามารถรับประกันความสำเร็จสูงสุดได้ด้วย เหมือนเมื่อกี้ พวกเขาทุกคนล้วนคิดว่าโลลิน้อยที่มีพฤติกรรม “แปลกประหลาด” ตัวนี้เป็นศัตรู…ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลิงม่อรู้ตัวเร็วล่ะก็…
“เดี๋ยวก่อน” อยู่ๆ อวี่เหวินซวนก็ถามขึ้น “หลิงม่อ เมื่อกี้นาย…นายจำเธอได้ยังไง? ในสถานการณ์อย่างนั้น นายน่าจะมองไม่ชัดนี่นา?”
“นี่มันเวลาไหนแล้วยังถามเรื่องนี้อยู่อีก…” สวี่ซูหานขมวดคิ้ว
“ไม่ๆ ฉันหมายถึง ถ้าหากเขามีความสามารถในการแยกแยะอย่างนี้…”
แม้แต่ตัวหลิงม่อเองก็ชะงักค้างไป ทว่าไม่นานเขาก็เบิกตากว้าง หันขวับไปมองอวี๋ซือหราน บอกว่า “ใช่แล้ว ฉันจำเธอได้ยังไง?”
“หา? นี่มัน…” สวี่ซูหานอึ้ง เธอไม่คิดว่าหลิงม่อจะตอบ ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
ขนาดอวี่เหวินซวนที่เป็นคนถามยังขมวดคิ้ว…น้องเขยเขาคนนี้ เหมือนจะเผลอเหลุดปากบอกความลับอะไรบางเรื่องอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว…
ทว่าสิ่งที่เขาเผลอหลุดปากก็ยังคงเป็นแค่ความลับที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรก็เท่านั้น เวลาอย่างนี้แค่ต้องข่มความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเอาไว้ก็พอแล้ว…
“ฉัน…ได้ยังไง?” หลิงม่อจ้องอวี๋ซือหรานเขม็ง ท่ามกลางความเลือนรางไม่ชัดเจ เขามองเห็นแค่เค้าโครงรางๆ แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าดวงตาของโลลิตัวนี้ก็กำลังจ้องเขาอยู่เหมือนกัน “ฉันจำเธอได้ยังไง…ใช่แล้ว!”
หลังจากถามตัวเองอยู่สองรอบ อยู่ๆ หลิงม่อก็นึกขึ้นได้…
“เป็นเพราะเฮยซือ…” หลิงม่อเงยหน้าทันที
……….
ขณะเดียวกัน หุ่นซอมบี้ได้เดินตาม “มนุษย์หน้าอืด” พวกนั้นมาถึงช่องทางเดินอีกเส้น แต่ยิ่งเดินหน้า หลิงม่อก็ยิ่งรู้สึกสับสน…ทำไมที่นี่…เหมือนเขาจะเคยเดินผ่านมาแล้ว?
แต่ท่อน้ำทิ้งใต้ดินแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ร่องรอยบนพื้นก็ถูกมนุษย์หน้าอืดทำเสียหายจนหมด หลิงม่อทำได้เพียงสงสัยต่อไปเท่านั้น แต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ถูกภาพวาดหนึ่งบนผยังดึงดูดความสนใจ…ลูกศรขนาดใหญ่ บิดเบี้ยวคดงออันหนึ่ง
“นี่มันทางที่พวกเราเคยผ่านมาแล้วนี่นา?” หลิงม่อตะลึงงัน…มนุษย์หน้ายักษ์พวกนี้จะไปไหนกัน? ไม่กลับไปที่บ่อน้ำแล้วหรอ? หรือว่า
“ความจริงแล้วทางเส้นนี้ทะลุไปที่บ้านเก่าของพวกมันเหมือนกันงั้นหรอ?! ไม่หรอกมั้ง!”
………..
“ฉันรู้สึกไม่ดีเลย” หลิงม่อบอก
หลังจากที่เขาพูดถึงเฮยซือ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่พริบตาเดียว คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกับเฮยซือ?” อวี๋ซือหรานยังคงถามคำถามเดิมซ้ำๆ…
“คือว่า…” หลิงม่อครุ่นคิดอย่างลำบากใจเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มตัวกระซิบบอกอะไรบางอย่างข้างหูอวี๋ซือหราน ระหว่างนั้นอวี่เหวินซวนกับสวี่ซูหานต่างพากันชะเง้อคอ แต่จนใจที่เสียงพูดของหลิงม่อเบาเกินไป เห็นชัดเจนว่า เขาเริ่มปิดบังอะไรพวกเขาอีกแล้ว ช่างเป็นนิสัยที่ทำให้คนอื่นอยากรู้อยากเห็นจริงๆ! อวี๋ซือหรานพอได้ยินก็พยักหน้ารัวๆ กระทั่งตบหน้าอกทำท่าโล่งใจ…
“หื้ม? ทำไมเหมือนหน้าอกเธอกระเพื่อมล่ะ? ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? ฉันตาฝาดแน่ๆ ใช่ไหม? ที่แท้เธอไม่ได้เหนือกว่าฉันแค่เรื่องระดับวิวัฒนาการ…มันไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยที่หน้าอกของเด็กกลับใหญ่ได้ขนาดนั้น! เธอใช้เชื้อไวรัสไปกับอะไรหมดแล้ว!” สวี่ซูหานคลั่งไปชั่วขณะ…
“รีบบอกมาสินายรู้สึกไม่ดีเรื่องอะไร?” สวี่ซูหานถาม
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้…” อยู่ๆ หลิงม่อก็มองไปรอบตัว “ฉันคิดว่า บางทีพวกเราอาจถูกจับตามองตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่แล้ว…และเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจเป็นฝีมือของอีกฝ่าย เพียงแต่…ยังบอกจุดประสงค์ไม่ได้”
“เรื่องทั้งหมด?” สำหรับพวกอวี่เหวินซวน เรื่องทั้งหมดที่ว่านี้…กลับไม่ได้ทั้งหมดอย่างที่พูด ใครจะไปรู้ว่าเรื่องทั้งหมดสำหรับหลิงม่อ มันเริ่มต้นตั้งแต่ตรงไหน? เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้ว ว่าหลิงม่อจะต้องทำอะไรบางอย่างในนี้ลับหลังพวกเขาแน่นอน…
“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ในเมื่อรู้สึกไม่ดี งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ” อวี่เหวินซวนเร่ง
“เรื่องนั้นน่ะ…ไม่ทันแล้วล่ะ…” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากความมืด
เสียงนั้นชัดเจนมาก ชัดจนทำให้คนเกือบสะดุ้งตัวโยน เหมือนกับว่า เสียงนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากไอหมอกมืด…
“ใครน่ะ!” สวี่ซูหานถามออกไปโดยอัตโนมัติ
ส่วนหลิงม่อพลันตึงเกร็งไปทั้งร่างกาย อวี๋ซือหรานจ้องเข้าไปในความมืด พูดเสียงเบา “เป็นเธอ…”
สิ้นเสียงพูดของเธอ เงาร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อยๆ เดินออกมาจากไอหมอกมืด หน้าตาน่าสงสารที่อวี๋ซือหรานเห็นก่อนหน้านี้ กลายเป็นเผยอยิ้มบางเบา สองมือยังสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างผ่อนคลาย “ใช่ ฉันเอง”
“ไม่…” หลิงม่อกลับพูดขึ้น “เธอไม่มีทางเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นหรอก”
เรื่องอายุยังไม่พูดถึง…สีหน้าของเธอ ไม่ใช่สีหน้าที่เด็กผู้หญิงมนุษย์ทั่วไปจะทำ…
“เธอเป็นใคร?” หลิงม่อถามเสียงเย็น
เด็กผู้หญิงกลับยิ้มไม่พูดจา แต่กลับจ้องมองพวกเขาอย่างสนอกสนใจ
“เธอยังมีเพื่อนอีกคนสินะ?” หลิงม่อไม่ซักไซ้ต่อ กลับถามอีกคำถามแทน
“ยังมี?” อวี่เหวินซวนนึกถึงเงาร่างที่หลิงม่อพูดถึงก่อนหน้านี้ทันที…ถ้าอย่างนั้น คนที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ เป็นอีกคนงั้นหรอ? ในช่องทางเดินมืดๆ เส้นนี้ มีเงาคนซ่อนอยู่อีกกี่เงากันแน่
“อืมม…ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไป” เด็กสาวกลอกตาขาวอย่างไม่สะทกสะท้าน จากนั้นก็ดีดนิ้วดังเป๊าะอย่างรวดเร็ว พอเธอทำอย่างนั้น สวี่ซูหานกับอวี่เหวินซวนก็ก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที
“คิกคิก อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปสิ ใจเย็นหน่อย ใจเย็น” เด็กผู้หญิงบอก เธอเอียงคอ แล้วเงาร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ผุดขึ้นข้างหลังเธอ “ในเมื่อถูกจับได้แล้ว งั้นฉันเรียกเขาออกมาเลยก็แล้วกัน จะว่าไปแล้ว พวกนายก็เคยเจอแล้วไม่ใช่หรอ?” ประโยคสุดท้าย เธอกลับพูดกับหลิงม่อคนเดียว
เคยเจอ? หลิงม่อขมวดคิ้วบางๆ เขาเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง…
“ครืดด…ครืดดด…”
ผู้มาเหมือนลากขาเดิน…ส้นเท้าขูดไปกับพื้น เสียงที่ดังขึ้นเสียดแทงแก้วหู แต่ขณะที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้น หลิงม่อกับสวี่ซูหานพลันเบิกตากว้างทันที
“是你?!”
“เป็นแก?!”
“เป็นเขา!”
ผู้รอดชีวิตที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย…ถังฮ่าว!
“นี่มัน…” หลิงม่อเคยคาดเดาไว้แล้วว่าคนคนนี้อาจมาปรากฏตัวอยู่ใต้ดิน และคาดหวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากเขา แต่กลับไม่คาดคิด ว่าจะมาเจอเขาในสถานการณ์อย่างนี้…
“ไม่!” หลิงม่อได้สติทันที คนตรงหน้าแม้เป็นถังฮ่าว แต่เขากลับไม่ใช่คนเดียวกับถังฮ่าวคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว!
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ทั่วทั้งตัวเลอะโคลน แขนขาทั้งสี่ข้างบิดเบี้ยวผิดรูป เขากำลังจ้องมองพวกหลิงม่อด้วยใบหน้าอาบน้ำตา…ถูกต้องแล้ว เขากำลังร้องไห้ แถมยังร้องไห้ด้วยสีหน้าเคียดแค้นและชั่วร้ายสุดๆ…
ภาพที่เห็นทำเอาคนอดขวัญหนีดีฝ่อไม่ได้ ทั้งที่เขากัดฟันกรอดเผยสายตาขึ้งเคียดอย่างที่สุดออกมาให้เห็น แต่ลึกลงไปในดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความทรมานและแววตาอ้อนวอน…เมื่อเขาอ้าปากเปล่งเสียง “ขึกๆ” ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังร้องอ้อนวอน…
“เขาเป็นอะไรไป?” หลิงม่อถาม
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ บอกว่า “อันนี้ต้องถามนาย”
“ถามฉัน?”
“อืออ ก็แค่ผลข้างเคียงออกฤทธิ์เท่านั้นเอง” เด็กสาวพูด “ถ้าหากนายไม่ซ้อมเขาปางตาย เขาก็ไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ แต่ว่านะ…อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน” เธอพูด แล้วอยู่ๆ ก็ดีดนิ้วใส่ถังฮ่าว “นี่ต่างหากผลงานสมบูรณ์แบบที่น่าพึงพอใจ ที่เขากลายเป็นอย่างนี้ได้ ต้องขอบคุณนายมาก ดังนั้น ฉันจะปล่อยให้เป็นช่วงเวลาของพวกนายแล้วกัน”
“หยุดนะ…” อวี่เหวินซวนเพิ่งจะอ้าปาก สีหน้าของเด็กสาวพลันนิ่งขรึม ไม่นานเธอก็สะบัดมือใส่เขา…เธอเคลื่อนไหวเร็ว และเบามาก…แต่เพียงโบกมือเบาๆ เพียงครั้งเดียว กลับทำให้อวี่เหวินซวนตัวปลิว และร่วงกระแทกกับพื้นข้างหลังอย่างแรง
หลิงม่อตอบสนองเร็วที่สุด แต่ในขณะที่อวี่เหวินซวนตัวปลิวออกไปข้างหลัง สีหน้าเขากลับดูแย่ลงทันตา
มืออีกข้างหนึ่งของเด็กสาวคนนั้นเหมือนกำลังลากอะไรบางอย่างไว้ แถมเธอยังจ้องเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอีกด้วย…
“พลังของนาย น่าสนใจมากทีเดียว” เด็กสาวพูด แล้วอยู่ๆ ก็กำมือข้างนั้นแน่น
“อึก…” หลิงม่อหน้าซีด
เมื่อเด็กสาวคลายมือ เธอก็ค่อยเดินถอยหลังไป “เล่นให้สนุกล่ะ อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่า พวกเราต้องเล่นกันอย่างมีความสุขแน่ๆ”
————————————-