บทที่ 37 หลบหน่อย
หลินหยุนมองจ้าวกางด้วยสายตาเฉยเมย เขารู้ดีว่าจ้าวกางเป็นนักว่ายน้ำมืออาชีพ ตอนที่เขาเลือกมาที่สระว่ายน้ำ หลินหยุนก็พอจะเดาความคิดของเขาออกแล้ว
ชาติที่แล้ว หลินหยุนกับจ้าวกางเคยมาที่สระว่ายน้ำ ถูกจ้าวกางแกล้ง จนเขาดื่มน้ำในสระว่ายน้ำไปจนอื่น
“นักว่ายน้ำมืออาชีพยอดเยี่ยมเหรอ แต่ นายก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นแหละ” ชาตินี้ หลินหยุนไม่ได้เอาเขาไว้ในสายตาแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่พูด หลี่เหยนที่อยู่ข้างๆ ก็ใช้วิธียั่วยุ สีหน้าดูถูกถามเขาว่า “หลินหยุน ไม่ใช่ว่านายไม่กล้าเล่นใช่ไหม วางใจเถอะ ครั้งนี้เราไม่พนันเงิน แค่เล่นเฉยๆ”
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก ถามด้วยเสียงอันราบเรียบว่า “ว่ามา เล่นยังไง”
ได้ยินหลินหยุนรับปาก หลี่เหยนกับจ้าวกางก็ประหลาดใจ
จ้าวกางชี้ไปที่ช่องว่ายน้ำที่อยู่ในสระ “ว่ายกลับไปมาหนึ่งรอบ ใครใช้เวลาน้อยสุดชนะ”
“ได้” หลินหยุนไม่ลังเลที่จะตกลง
อีหลิงรู้สึกเป็นห่วง อยากจะเตือนหลินหยุน แต่ถ้าจะทำแบบนั้นต่อหน้าหลี่เหยี่ยนและพวกคงเธอไม่กล้านัก
“จ้าวกางนายเป็นนักว่ายน้ำมืออาชีพ นายมันรังแกคนอื่นชัดๆ เลยหรือเปล่าแบบนี้” อีหลิงทำเป็นว่าไม่พอใจ
จ้าวกางยิ้มเหยเก คิดไม่ถึงว่าอีหลิงจะพูดเข้าข้างหลินหยุนแบบนี้ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
หวางเสี่ยวซีรีบมาดึงอีหลิงไว้ ส่งสายตาให้เธอ “เสี่ยวหลิงหลิง ทำไมเธอต้องพูดแทนหลินหยุนด้วยล่ะ”
อีหลิงเพียงอยากจะเตือนหลินหยุนเท่านั้น ตอนนี้เธอทำได้แล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่เพื่อจะแสดงให้เรื่องนี้จบ เธอทำเป็นว่าโกรธแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้อยากพูดแทนใคร แค่ทนดูต่อไปไม่ไหว”
หลี่เหยี่ยนยิ้วเหยาะ “อีหลิง วางใจเถอะ จ้าวกางไม่ได้แกล้งใคร เมื่อกี๊ตอนที่เราถามหลินหยุน เธอก็ได้ยินแล้ว หลินหยุนตอบตกลงแข่งกับจ้าวกางเอง ต่างฝ่ายต่างตกลง”
หลินหยุนมองไปที่อีหลิง สายตาอ่อนโยน เขารู้ความหมายของอีหลิงดี
หลินหยุนหันไปทางจ้าวกาง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนักว่า “เริ่มเถอะ”
ถ้าไม่ทำให้พวกนี้ยอมรับ พวกมันไม่มีทางหยุดแน่
เซี่ยหยู่เวยมองหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่ว่าหลินหยุนจะทำอะไร เธอก็รู้สึกไม่พอใจ รู้สึกโกรธทั้งนั้น
และการที่หลินหยุนยอมที่จะทลายหยกนั้นแต่ก็ไม่ยอมให้เธอเป็นคนเอาไปดูแล ก็ยิ่งทำร้ายจิตใจเธอมากเข้าไปอีก
ผู้หญิง ต่างก็ชอบผูกอาฆาต โดยเฉพาะเมื่อโดนดูถูกจากคนที่ไม่ได้เรื่อง
“ยังคิดว่าตัวเองเก่งทุกอย่างงั้นเหรอ รู้ทั้งรู้ว่าจ้างกางเป็นนักว่ายน้ำมืออาชีพ ยังกล้าไปแข่งกับเขาอีก โง่จริงๆ เลย”
“เดี๋ยวก็รู้ว่านายจะขายหน้ายังไง”
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนรอคอยที่จะแข่งขัน จ้าวกางก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว “ได้ เราเลือกช่องแข่งกันเลย”
จ้างกางพูดจบ สายตาก็มองไปที่สระว่ายน้ำที่มีคนเต็มอยู่
แต่ช่องที่อยู่ซ้ายสุดค่อนข้างเงียบ มีแค่ชายวัยกลางคนที่พิงสายกันที่อยู่ข้างพักผ่อนอยู่
ช่องนี้แหละ
จ้าวกางเดินไป พูดกับชายหัวล้านคนนั้นว่า “ลุง ยึดช่องว่ายน้ำคนเดียวแบบนี้อันธพาลเกินไปหรือเปล่า ลุงไปเล่นทางนั้นก่อน เราจะใช้ช่องนี้ว่ายน้ำแข่งกันก่อน”
จ้าวกางพูดด้วยความใจร้อน ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีนัก
ชายหัวล้านคนนั้นแค่หรี่ตาขึ้นมาดู ไม่ได้ลืมตาเลยซักนิด
บนที่นั่งเขตพักผ่อน ชายหนุ่มที่มีแค่ตาเดียวคนหนึ่ง ทันใดนั้นเขาเดินเข้ามา บังอยู่ข้างหน้าจ้าวกาง
ชายหนุ่มคนนั้นเร็วมาก ทำจ้าวกางตกใจไปใหญ่
“นายทำอะไร” จ้าวกางถอยมาสองก้าว สีหน้าโมโหรอชายหนุ่มคนนั้น
หลินหยุนมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาราบเรียบ ถึงแม้เขาจะมีแค่ตาเดียว แต่หลินหยุนสัมผัสได้ว่าในร่างกายของเขามีพละกำลังที่มากกว่าคนทั่วไปอยู่
หลี่เหยนและพวกก็วิ่งเข้าไป รีบถามขึ้นว่า “กางจื่อ เป็นอะไรไป”
จ้างกางจ้องชายหนุ่มคนนั้น แล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร เจอไอ้มังกรตาเดียวทำตกใจ”
ชายหนุ่มที่มีตาเดียวคนนั้นสีหน้าไม่พอใจ เขาก้าวไปข้างหน้า จับคอจ้าวกางแล้วยกเขาขึ้น น้ำเสียงน่ากลัวจนทำให้คนต้องสั่น “แกหาเรื่องตายเหรอ”
จ้าวกางโดนเขาบีบคอจนหายใจจะไม่ออก และไม่ว่าจ้าวกางจะพยายามดิ้นยังไง ก็ไม่มีทางหลุดออกไปได้ สีหน้าเขาเร่มเขียวคล้ำขึ้นมา
“ปล่อยเขานะ” หลี่เหยนและพวกตะโกนด้วยความตกใจ
เวลานั้น ชายวัยกลางคนที่พิงราวกั้นตรงนั้น ก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่ขี้เกียจว่า “อาเฟิง ใจเย็น”
ชายหนุ่มตาเดียวคนนั้น รีบปล่อยจ้าวกางลง สายตาดูน่ากลัวมากจนจ้าวกางต้องรีบถอยหลังไป
ชายหนุ่มวัยกลางคนหัวล้านคนนั้นในที่สุดก็ลืมตาแล้วเดินขึ้นมาจากสระน้ำ รับผ้าที่ชายวัยกลางคนนั้นยื่นให้ มองจ้าวกางด้วยสายตาหยอกล้อ น้ำเสียงราบเรียบ
“ใช่เหรอ อยู่ที่เมืองหลินโจว ไม่มีใครกล้าไล่ฉันไปไหน!”
เขาวางผ้าเช็ดตัวสีขาวนั้นลงบนเก้าอี้ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป น้ำเสียงเย็นยะเยือก “แกเป็นคนแรก!”
จนถึงตอนนี้จ้าวกางถึงได้มองดูชายคนนี้อย่างจริงจัง เขาหน้าตาธรรมดา เมื่อกี้ตอนอยู่ในสระ มองไม่ออกเท่าไหร่ นึกว่าเป็นแค่ผู้ชายวัยกลางคนธรรมดาทั่วไป
แต่ตอนนี้พอเขาขึ้นมาบนฝั่ง ท่าทางอันธพาลที่ไม่อาจปกปิดได้เริ่มชัดเจน ไม่ว่าท่าทางไหน ก็เต้มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับ
ถึงจ้าวกางจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เขาก็ดูออกว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา
จ้าวกางเริ่มกลัวขึ้นมา ความโมโหเมื่อกี้หายไปในทันที มองชายคนนั้นด้วยความระแวง แล้วถามขึ้นว่า “แกเป็นใคร กล้าพูดอะไรแบบนี้”
ชายหัวโล้นหัวเราะพร้อมถามด้วยอย่าพินิจพิเคราะห์ว่า “แล้วนายเป็นใคร กล้าพูดอะไรแบบนี้”
จ้าวกางหัวเราะเสียงเย็นชา สีหน้าลำพองใจ “ฟังไว้ให้ดี พ่อของฉันคือจ้าวซินหัว บริษัทสื่อซินหัวเป็นของตระกูลฉันเอง”
ถึงตระกูลของจ้าวกางจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าหลี่เหยน แต่เขาควบคุมสื่อที่มีชื่อที่สุดของเมืองหลินโจว แม้แต่พวกเศรษฐีสิบล้าน ยังต้องไว้หน้าพ่อของเขา
“ที่แท้ก็บริษัทสื่อซินหัว” ชายหัวล้านพูดด้วยความประหลาดใจ
เมื่อรู้ว่าชายหัวล้านคนนั้นรู้จักชื่อบริษัทของตนเอง จ้าวกางก็สีหน้าลำพองใจมาก
หวางเสียวซีก็รู้สึกว่าตัวเองมีเกียรติไปด้วย เธอพูดด้วยความหยิ่งยโสว่า “บริษัทสื่อซินหัวเป็นบริษัทสื่อที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินโจว ควบคุมทิศทางการถกเถียงเรื่องข่าวสารในหลินโจวได้ วันนี้แกทำลูกชายของบริษัทสื่อซินหัวไม่พอใจแล้ว แกคิดว่าจะทำยังไงดีล่ะ”
ชายหนุ่มตาเดียวคนนั้นสีหน้าเหยียดหยามสุดขีด มองดูจ้าวกางกับหวางเสี่ยวซี เหมือนดูตัวตลกสองตัวยังไงอย่างงั้น
ชายหัวล้านคนนั้นสายตาร้อนแผดเผาขึ้นมา พร้อมมองไปที่อีหลิงและเซี่ยหยู่เวยที่อยู่ข้างๆ หวางเสี่ยวซี พร้อมทำเป็นกำลังคิดพิจารณาอะไรซักอย่าง “นั่นน่ะสิ จะทำยังไงดีล่ะ”
“เอางี้ไหม ฉันจะให้บริษัทสื่อซินหัวหายไปจากเมืองหลินโจวภายในสามวัน แบบนี้ได้ไหม”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก เหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่ แต่กลับไม่ทำให้คนรู้สึกสงสัยใดๆ เลย
จ้าวกางเปลี่ยนสีหน้า หวางเสี่ยวซีตกใจ หลี่เหยนและพวกต่างก็สีหน้าประหลาดใจพร้อมมองไปที่ชายหัวล้านคนนั้น แม้แต่เว่ยเทียนหมิงก็เงียบสนิท ไม่เข้าใจว่าทำไมชายผู้นี้ถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้
บริษัทสื่อซินหัว เป็นสื่อที่ใหญ่ระดับต้นของเมืองหลินโจว เบื้องหลังเป็นคนใหญ่คนโต จะกายไปภายในสามวันได้ยังไงกัน
จ้าวกางหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “ไม่กล้าฟ้าผ่าหรือไง แกคิดว่าตัวเองเป็นท่านเจี่ยงหรือไง หรือจะทำให้ท่านเจี่ยงหายไปภายในสามวันแบบนั้นได้”
หลี่เหยนที่อยู่ข้างหลังก็หัวเราะแบบไม่แยแส “เหอะๆ วันนี้เป็นอะไรไป ไปที่ไหนก็เจอแต่พวกขี้โม้”
พูดจบก็มองไปที่หลินหยุน ชัดเจนว่าเขาคนที่เขาว่าก็หมายถึงหลินหยุนนั่นเอง
หลินหยุนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สีหน้าเรียบเฉย ในใจกลับกำลังแอบดีใจไม่น้อย ถ้าหากเดาไม่ผิด ชาติที่แล้วคนใหญ่คนโตที่พวกเว่ยเทียนหมิงไปมีเรื่องด้วย ก็น่าจะเป็นคนๆ นี้
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชายหัวล้านคนนี้ อยู่ดีๆ ก็พูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า “แกนี่มันตาบอดจริงๆ คนที่อยู่ตรงหน้าแกก็คือท่านเจี่ยง!”