พอได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหลี่บรรยายออกมาแล้ว เดิมทีคนที่ยังสงสัย ก็ต้องเชื่ออย่างช่วยไม่ได้
นี่มันไม่ต่างอะไรจากการจับได้คาหนังคาเขาเลย
“ในเมื่อพ่อบ้านคนนี้กล้าพูดเรื่องนี้ออกมา ก็แสดงว่าต้องมีหลักฐานแน่ๆ ไม่อย่างนั้น แค่พ่อบ้านคนหนึ่ง จะกล้าทำผิดต่อคุณหนูใหญ่คนนี้ได้ยังไง !”
“เมื่อกี้ฉันยังรู้สึกว่าเธอน่าสงสารอยู่เลย สงสัยคงเข้าใจผิดไป คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนเนรคุณจริงๆ”
“คนแบบนี้ สมควรถูกขับไล่ออกไป น่าขยะแขยงเสียจริง !”
“คุณชายหาน คุณอย่าใจอ่อนเด็ดขาดเลยนะ คนแบบนี้ถ้ายังอยู่ในตระกูลหานต่อไป ต่อไปไม่มีคุณหานคอยปราบปรามแล้ว พวกเธอจะต้องยิ่งทำตัวเหิมเกริมกว่านี้แน่ ! ต้องไล่พวกเขาออกไปเท่านั้น !”
เหล่าบริวารของตระกูลหานบางคนเอง ก็เริ่มส่งเสียงดังตาม ทำท่าทางเหมือนพวกรักความยุติธรรม ราวกับว่าหากอีหลิงสองแม่ลูกไม่ออกไป ตระกูลหานก็จะต้องล่มสลายโดยน้ำมือของพวกเธอเสียเดี๋ยวนี้
แน่นอนว่า ภายในนั้นมีแกนนำอยู่ และเป็นคนที่หานเซี่ยนหัวจัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว
หานเซี่ยนหัวรู้สึกย่ามใจ แต่ก็ยังทำการแสดงต่อไป เขาจะต้องแสดงเป็นเจ้าบ้านที่ใจดีและชอบธรรม
หานเซี่ยนหัวแสร้งทำเป็นมองไปทางอีหลิงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ แล้วถามด้วยท่าทางปวดร้าวใจว่า “น้องอีหลิง เธอเป็นคนเอาไปจริงๆเหรอ ?”
ขณะนี้อีหลิงทำเพียงแค่หัวเราะเสียงเย็น ตอนนี้ก็เหมือนจับได้คาหนังคาเขาแล้ว ถึงแม้เธอจะอธิบายแล้วยังจะมีคนเชื่ออยู่อีกหรือ ?
“พี่คะ พี่คิดว่าฉันจะเป็นคนเอาไปไหมล่ะคะ ?” อีหลิงสีหน้าหม่นหมอง แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หานเซี่ยนหัวยังแสดงต่อไป “น้องอีหลิง เธอพูดความจริงมาเถอะ ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนเอาไป พี่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแน่ เพื่อคืนความยุติธรรมให้เธอ”
อีหลิงหัวเราะเสียงเย็น “ฉันไม่ได้เอา ฉันจะดูสิว่าคุณพี่จะคืนความยุติธรรมให้ฉันยังไง”
แววตาของหานเซี่ยนหัวเย็นชาเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเข้าใกล้ความตายขนาดนี้แล้ว น้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ก็ยังแข็งกร้าวขนาดนี้
พ่อบ้านหลี่แอบมองไปทางฝูงชนทีหนึ่งแบบไม่เป็นที่สังเกต ทันใดนั้น ก็มีคนเยาะเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่างหน้าไม่อายเสียจริง ขโมยของแล้ว ตอนนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขา ยังกล้าไม่ยอมรับผิดอีก !”
“คนชั้นต่ำแบบนี้ ถ้ายังอยู่ในตระกูลหานต่อไป ไม่รู้ว่าเธอจะทำเรื่องน่ากลัวแบบไหนออกมาได้อีก !”
“คุณชาย จะต้องไล่หัวขโมยแบบนี้ออกไปจากตระกูลหานนะครับ !”
“ใช่ครับ คุณชาย ต้องไล่หัวขโมยไร้ยางอายแบบนี้ออกไปซะ !”
บนใบหน้าของแขกเหรื่อเหล่านั้น ก็ยิ่งฉายแววดูถูกดูแคลนมากกว่าเดิม ขโมยของแล้วถูกคนอื่นจับได้คาหนังคาเขา ยังจะกล้าปฏิเสธอีก ช่างไม่รู้จักอายเลยจริงๆ
หานเซี่ยนหัวเห็นว่าเริ่มพอประมาณแล้ว เลยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
“น้องอีหลิง ตอนมีชีวิตคุณพ่อดีกับเธอไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยที่หยามเกียรติวงศ์ตระกูลแบบนี้ออกมา !”
“เห็นแก่ความเป็นญาติ ฉันจะไม่เรียกร้องความรับผิดชอบอะไรจากเธอ”
“เธอไปเถอะ !”
“ต่อจากนี้พวกเธอกับตระกูลหานของฉัน จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก !”
หานเซี่ยนหัวทำสีหน้าเจ็บปวดและเด็ดขาด ราวกับเจ็บปวดรวดร้าวมากกับการตัดสินใจนี้ แท้จริงแล้วตอนนี้ภายในใจรู้สึกดีใจจนเบิกบาน
หลี่ซูซินที่อยู่ข้างๆเองก็เผยสีหน้าแค้นเคืองออกมา “ในที่สุดก็ไล่นังคนเลวนี่ออกไปได้เสียที ตอนนั้นก็เป็นเพราะพวกเธอ ทำให้ฉันต้องพบเจอกับความอัปยศต่อหน้าหานกั๋วเฉียง ในที่สุดวันนี้ก็ได้เอาคืนแล้ว !”
“ไสหัวไป ไสหัวออกไปจากตระกูลหาน !”
“ตระกูลหานไม่ต้อนรับพวกลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้ ! ไสหัวไป !”
ฝูงชนกำลังคุกรุ่น แน่นอนว่า คนส่วนมากก็แค่คล้อยตามไปตามจังหวะ
อีหลิงหันไปมองหานหรูอย่างสิ้นหวัง รู้สึกหดหู่จนร้องไห้ออกมา “คุณแม่คะ พวกเราจะทำยังไงดี ?”
หานหรูหันไปมองหานเซี่ยนหัวที่ยืนอยู่อีกข้างด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ไม่ต้องให้พวกเธอมาไล่ฉันหรอก รอให้งานส่งศพของพ่อเธอเสร็จเมื่อไหร่พวกเราก็จะไปเอง”
หานเซี่ยนหัวพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “เรื่องนี้เกรงว่าคงไม่ได้หรอกครับ วันนี้ยุ่งขนาดนี้ การเฝ้าระวังจะต้องหละหลวมแน่ ถ้าเกิดมีอะไรหายไปอีกจะทำยังไง ?”
“ในเมื่อพวกเธอตัดสินใจที่จะไปแล้ว ทำไมจะต้องรอให้เสร็จจากงานศพของคุณพ่อผมด้วย ? หรือว่าพวกคุณมีแผนลับอะไรกันแน่ ?”
ทันใดนั้น ก็มีคนพูดเสริมด้วยเสียงดังก้องขึ้นมาอีก “คุณชาย พวกเขาจะต้องอยากฉวยโอกาสตอนที่พวกเรากำลังยุ่ง ไปขโมยของอย่างอื่นไปอีกแน่”
“นั่นสิ คุณชายอย่าได้ใจอ่อนเชียวนะครับ ต้องไล่พวกเขาออกไปเสียเดี๋ยวนี้เลย !”
หานหรูมองดูหลานชายแท้ๆของตัวเองด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “ฉันก็แค่อยากรอให้งานส่งศพของพ่อนายจบสิ้นก่อน ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย ขอแค่นี้นายก็รับปากไม่ได้เลยเหรอ ?”
หานเซี่ยนหัวทำสีหน้าลำบากใจ “ขอโทษครับ เพื่อความปลอดภัยของตระกูลหาน ผมจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ !”
แต่ว่า แววตาที่หานเซี่ยนหัวมองมาที่หานหรูกลับเต็มไปด้วยความได้ใจ ราวกับจะพูดว่า “ขอร้องฉันสิ ถ้าขอร้องฉันจะยอมให้ !”
อีหลิงรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ ลุกขึ้นมาแล้วลากมือของหานหรู พูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณแม่คะ พวกเราไปกันเถอะ ! ถ้าหากคุณลุงยังอยู่ เขาจะต้องไม่อยากเห็นคุณแม่ต้องมาเจอกับเรื่องน่าหดหู่แบบนี้แน่ !”
แต่หานหรูกลับไม่ยอมลุกขึ้น ในตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน “ให้ฉันได้ส่งกั๋วเฉียงเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ ! ฉันขอร้องล่ะ !”
พูดจบ หานหรูก็หมอบกราบหานเซี่ยนหัว
อีหลิงน้ำตาอาบแก้ม “คุณแม่……”
หานเซี่ยนหัวกับหลี่ซูซินรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาทันที เมื่อก่อนตอนที่หานกั๋วเฉียงยังอยู่ เพื่อปกป้องสองแม่ลูกนี่ พวกเขาสองแม่ลูกต้องถูกสั่งสอนอยู่หลายครั้ง ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ชำระแค้นนั้นเสียที
ตอนนั้นเองที่พวกหวางเสี่ยวซีเข้ามาถึงพอดี พอเห็นอีหลิงทำกำลังทำสีหน้าโกรธเกรี้ยว ก็ถามอย่างไม่เข้าใจออกมาทันที “อีหลิง เธอเป็นอะไรไป ? ใครทำให้เธอโกรธเหรอ ?”
อีหลิงหันไปมองพวกหวางเสี่ยวซี แล้วก็เผยสีหน้าดีใจออกมา “พวกเธอมาแล้วเหรอ ?”
จากนั้น ก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี สีหน้าเลยเศร้าหมองลงทันที มองไปทางพวกหวางเสี่ยวซีด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ก่อนพูดว่า “ขอโทษนะ ทางฉันมีเรื่องนิดหน่อย ขอบคุณที่พวกเธอมาได้นะ แต่ว่า พวกเธอกลับไปก่อนจะดีกว่า !”
จู่ๆหานเซี่ยนหัวก็ชี้ไปทางอีหลิง แล้วพูดอย่างโมโหว่า “น้องอีหลิง คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังมีพวกอีก ! เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ !”
จู่ๆหน้าอกของอีหลิงก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง “คุณพี่ นี่เป็นเพื่อนของฉัน ที่มาเพื่อไว้อาลัยให้กับคุณลุงนะ !”
ข่งอู่ที่อยู่อีกข้างทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ยืนออกมาแล้วพูดว่า “คุณชาย ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่ควรตั้งข้อสรุปเร็วเกินไป ยังไงก็ไม่มีใครเห็นกับตาว่าคุณอีหลิงหยิบของออกมาจากห้องหนังสือของคุณท่านหาน !”
“ผมรู้สึกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนใส่ร้ายป้ายสีคุณอีหลิง !”
ดวงตาของหานเซี่ยนหัวมีแววอาฆาตวาบผ่าน ลูกน้องคนอื่นของหานกั๋วเฉียง ส่วนใหญ่ต่างก็เข้ามาประจบเขา กล่าวคำสาบานว่าจะจงรักภักดี แต่ ข่งอู่คนนี้กลับทำตัวไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อเขา
หากไม่ใช่เพราะข่งอู่เป็นลูกน้องคนสนิทที่สุดของหานกั๋วเฉียง มีอำนาจมากเกินไป หานเซี่ยนหัวคงไล่เขาไปตั้งนานแล้ว
พ่อบ้านหลี่ที่อยู่ข้างๆหัวเราะเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง “ข่งอู่ ความหมายของนายคือฉันจงใจใส่ร้ายคุณอีหลิงอย่างนั้นเหรอ ?”
ข่งอู่หันไปมองพ่อบ้านหลี่ทีหนึ่ง สีหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วพูดเสียงดังว่า “ดูจากที่คุณท่านหานรักใคร่เอ็นดูคุณอีหลิงมาก ถ้าหากเธออยากได้อะไร แค่หยิบไปก็ได้แล้ว จำเป็นต้องขโมยด้วยเหรอ ?”
“เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนฉวยโอกาสที่คุณท่านหานเสียชีวิตไป จงใจใส่ร้ายป้ายสีคุณอีหลิง”
อีหลิงหันไปมองข่งอู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความขอบคุณ คิดไม่ถึงเลยว่าในตระกูลหานยังมีคนที่กล้าเข้าข้างพวกเธอสองแม่ลูกด้วย
ในตอนนั้นเอง พวกของเซี่ยหยู่เวยทั้งหลายก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาแล้ว
พอหวางเสี่ยวซีได้ยินว่ามีคนใส่ร้ายหาว่าอีหลิงขโมยของ ก็โหโหขึ้นมาทันที ฉวยโอกาสที่ข่งอู่ตอบโต้ เริ่มตะโกนเสียงดังตามไปด้วย “ใช่ จะต้องมีคนใส่ร้ายป้ายสีแน่ คนที่หยิ่งทะนงอย่างเสี่ยวหลิงหลิงของพวกเรา ไม่มีทางไปขโมยของได้หรอก !”
“พวกคุณพูดจาไร้สาระกันไปใหญ่แล้ว !”
เซี่ยหยู่เวยเองก็ก้าวออกมาแสดงท่าทีด้วย “พวกเราเชื่อใจอีหลิง เธอไม่มีทางขโมยของแน่ จะต้องมีคนจงใจใส่ร้ายเธอแน่ !”
หานเซี่ยนหัวเริ่มอยากจะด่ามารดาในใจแล้ว ข่งอู่แค่คนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ยังมีพวกหน้าโง่โผล่มาจากไหนอีกเยอะแยะ ?
หานเซี่ยนหัวเองก็ขี้เกียจแสดงละครต่อไปแล้ว วันนี้เขาจะต้องไล่อีหลิงสองแม่ลูกนี่ออกไปจากตระกูลหานให้ได้
หานเซี่ยนหัวจ้องข่งอู่ด้วยแววตามืดมน “ข่งอู่ ความหมายของนายคือฉันจงใจใส่ร้ายพวกเขาสองแม่ลูกเหรอ ?”
พอพูดจบ หานเซี่ยนหัวก็หันไปถลึงตาใส่พวกเซี่ยหยู่เวย แสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม แล้วพูดเสียงเย็นว่า “พวกเธอเป็นใคร ? เรื่องในตระกูลหานของฉัน คนนอกไม่กี่คนมีสิทธิ์สอดปากเข้ามายุ่งด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ !”