จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 214 คำเตือนของเซี่ยหยู่เวย

บทที่ 214 คำเตือนของเซี่ยหยู่เวย

หลังจากที่โจวเฟินสลบแล้ว หลินหยุนก็พาโจวเฟินไปโรงพยาบาล

เรื่องราวในงานเลี้ยงหลังจากนั้น จึงไม่ค่อยชัดเจนแล้ว

แต่ว่า ภายหลังหลินหยุนได้ยินมาว่า ในงานเลี้ยงวันเกิดนั้น ศัตรูเก่าคนหนึ่งของตระกูลเซี่ยได้ปรากฏตัวขึ้น เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ได้แข่งขันวิชาการแพทย์กับฝ่ายตรงข้าม แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามทำให้อับอายขายหน้าอย่างแรง

ดูราวกับว่าทั้งสองตระกูลก่อนหน้านั้นยังเคยตกลงพนันขันต่อกันเรื่องอะไรสักอย่าง สุดท้ายแล้วตระกูลเว่ยก็ได้ยื่นมือมาช่วยเหลือตระกูลเซี่ย ชดใช้ค่าเสียหายก้อนใหญ่ เรื่องจึงสงบลงไปได้ด้วยดี

โทรศัพท์ทางฝ่ายนั้น ดูเหมือนว่ารู้สึกหลินหยุนเงียบหายไปนานแล้ว โจวเฟินเป็นห่วงจึงเรียกขึ้นว่า “หลินหยุน หลินหยุน แกยังฟังอยู่หรือเปล่า?”

หลินหยุนตั้งสติกลับมาได้จึงตอบไปว่า “อยู่ครับ”

“ถ้าแกไม่อยากกลับมา งั้นก็ไม่ต้องกลับมาก็ได้ ฉันจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเอง” โจวเฟินคิดว่าหลินหยุนคงเป็นห่วงเรื่องพวกเพื่อนฝูงญาติมิตร เพราะว่าทุกครั้งที่เขาได้พบกับคนพวกนั้น หลินหยุนก็มักจะถูกเยาะเย้ยถากถางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในใจหลินหยุนก็รู้สึกอบอุ่น โจวเฟินเป็นห่วงเขาจากใจจริง เขาฐานะเป็นลูกเขย แม้กระทั่งงานวันเกิดของพ่อตาก็ไม่ต้องไปก็ได้

“น้าเฟินวางใจเถอะครับ ผมจะไปร่วมงานตามเวลาแน่นอน”

“หลินหยุน ถ้าไม่อยากจะกลับมาก็ไม่เป็นไร อย่าฝืนใจตัวเองเลยนะ” โจวเฟินพูดอย่างเป็นห่วง

“ไม่ฝืนใจหรอกครับ ผมก็รอคอยงานฉลองวันเกิดนี้อยู่แล้ว” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ ด้วยรอยยิ้มที่เรียบเฉยอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว” โจวเฟินก็ฟังเสียงหลินหยุนไม่ออกว่ามีอะไรแปลกไป ก็ยังเชื่อว่าหลินหยุนมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วยความเต็มใจ

ความจริงแล้ว หลินหยุนก็อยากจะไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเซี่ยเจี้ยนโก๋ด้วยความเต็มใจจริงๆ เพียงแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกที่ไปร่วมงานเมื่อชาติที่แล้ว มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

เมื่อที่แล้ว เขาตื่นตระหนกมาก และระมัดระวังตัวเป็นที่สุด

แต่สำหรับชาตินี้แล้ว……..

หลินหยุนใช้เวลา 2 ชั่วโมง ในการปรับเปลี่ยนวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงให้ย่อลงเพื่อทำให้ใช้ง่ายขึ้น เช่นนี้แล้วต่อให้ไม่ต้องใช้พลังชี่แท้ ก็สามารถใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงได้

เพียงแต่ว่าพลังแรงก็จะสู้การใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงมปราณฉบับจริงไม่ได้ แต่ว่าเมื่อเทียบกับวิชาฝังเข็มที่เก่งกาจที่สุดของโลกใบนี้แล้ว ก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าหลายสิบเท่า

เดิมทีหลินหยุนก็คิดจะถ่ายทอดวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงให้กับพวกถังกั๋วหัวแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็อาศัยยืมมือของพ่อตาคนนี้ถ่ายทอดออกไป ทำให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ได้มีหน้ามีตากับคนอื่นเขาบ้าง ยิงนกทีเดียวได้ 2 ตัวไม่ดีกว่าเหรอ?

ในใจหลินหยุนเข้าใจดีว่า ฐานะที่แท้จริงของเซี่ยเจี้ยนโก๋นั้น ก็คือลูกกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลใหญ่นายแพทย์แผนจีน

ดังนั้น นี่ก็คือของขวัญที่หลินหยุนเตรียมไว้ให้ในงานเลี้ยงวันเกิด

เสียดายที่ว่า เมื่อมองดูของขวัญวันเกิดชิ้นนี้แล้ว ก็ไม่แตกต่างอะไรกับขยะข้างทางที่มีราคาเล่มละ2 หยวนเลย

ช่วงเวลาบ่ายสองโมง หลินหยุนกำลังจะฝึกบำเพ็ญตนอยู่นั้น เซี่ยหยู่เวยถึงกับโทรศัพท์มาหาเขา

หลินหยุนในใจแอบคิดว่า “น่าจะเป็นเรื่องที่ให้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด”

“มีเรื่องอะไรเหรอ?” หลินหยุนรับโทรศัพท์แล้วถามขึ้นอย่างเงียบๆ

โทรศัพท์ฝ่ายนั้นก็เงียบไปหลายวินาที จากนั้นค่อยพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ฉันอยากจะพบคุณหน่อย”

“เรื่องงานฉลองวันเกิดนั้น น้าเฟินบอกผมแล้ว” ความรู้สึกของหลินหยุนที่มีต่อเซี่ยหยู่เวยกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว จึงไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเธอมากมาย

เซี่ยหยู่เวยพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องงานฉลองวันเกิด แต่เป็นเรื่องระหว่างคุณกับอีหลิง”

หยุดพูดสักครู่ เซี่ยหยู่เวยก็พูดด้วยเสียงต่ำ “เรื่องของคุณกับอีหลิงในงานฉลองสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์เมืองหลินโจว ฉันก็ได้ยินข่าวมาแล้ว”

หลินหยุนก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “คุณบอกสถานที่มา ผมจะไปหาคุณ”

เซี่ยหยู่เวยดูเหมือนเตรียมไว้ก่อนแล้ว “ฉันรอคุณอยู่ที่ร้านน้ำชาชิงเทียน”

ร้านน้ำชาชิงเทียนตั้งอยู่ที่เขตเนินสูงของเมืองหลินโจว สิ่งแวดล้อมดูดีมาก การบริการก็มีคุณภาพมากด้วย

ภายในห้องจองพิเศษชั้นสองของร้านน้ำชาชิงเถียน

หญิงสาวผิวขาวราวกับหยกขาวที่เจียระไนอย่างละเอียด สวมกางเกงเลกกิ้งสีดำ ใส่เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว รวบผมยาวที่ดกดำมัดไว้เป็นหางม้า นั่งอยู่อย่างเงียบๆตรงนั้น ค่อยๆชงน้ำชา

คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอนั้น เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สีหน้าเรียบเฉยมองทะลุผ่านกระจกออกนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มคนนั้นเมื่อนั่งอยู่ที่ไหน มักทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย ราวกับว่าเมื่อเขานั่งอยู่ที่นั่น ที่นั่นก็กลายเป็นที่ว่างเปล่า

หน้าผากที่ขาวราวกับหยกขาวของเซี่ยหยู่เวยนั้น เกิดรอยเล็กๆจากการขมวดคิ้ว ภายในส่วนลึกของดวงตา แสดงออกถึงความน่ารังเกียจที่ไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว

“หลินหยุน เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน คุณช่วยกรุณาเก็บท่าทางที่แกล้งทำเป็นหยิ่งยโสโอหังของคุณไว้ได้ไหม!”

น้ำเสียงของเซี่ยหยู่เวยเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

หลินหยุนนิ่งเฉยไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้ไปสนใจอะไรเธอเลย ยังคงมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเหมือนเดิม แม้กระทั่งตาก็ไม่ยังกะพริบสักครั้งเดียว

เซี่ยหยู่เวยขมวดคิ้วมากขึ้น

“ท่าทางของคุณตอนนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกน่าสะอิดสะเอียน!”

หลินหยุนหันหน้ามา มองเธออย่างเรียบเฉย

ทันใดนั้น เซี่ยหยู่เวยรู้สึกหัวใจเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง

ในสายตาของหลินหยุนนั้น เซี่ยหยู่เวยสัมผัสได้ถึงความดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าสายตาของผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังก้มมองดูพวกมดตัวเล็กตัวน้อย เทพเจ้าบนสวรรค์ก้มมองดูสรรพสิ่งในโลก

อีกทั้งเซี่ยหยู่เวยไม่ได้เกิดความรู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าหลินหยุนก็คือเทพเจ้าผู้สูงส่ง

ส่วนเธอก็เป็นแค่มดตัวน้อยตัวหนึ่ง

“คุณตามหาผม อยากจะพูดอะไรเหรอ?” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ สายตาเย็นชาราวกับมองคนที่ไม่เคยรู้จักกัน

ผ่านไปสักพัก เซี่ยหยู่เวยก็ตั้งสติกลับคืนมาได้ ในขณะที่ตกตะลึงนั้น นอกจากเธอเกิดความรู้สึกรังเกียจหลินหยุนแล้ว ยังแฝงด้วยความโกรธเคืองอีกด้วย

หลังจากนั้น ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เซี่ยหยู่เวยก็สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป ในที่สุดก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งเหมือนเดิม

“หลินหยุน ถึงแม้ว่าฉันกับคุณความคิดจะแตกต่างกัน และไปด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็เคยอยู่ร่วมกันมา 10 กว่าปีแล้ว ฉันยอมรับว่าฉันเกลียดคุณมาก แต่ว่าก็ทนดูไม่ได้ที่คุณจะต้องได้รับอันตรายถึงชีวิต”

“ฉันมาหาคุณคราวนี้ อยากจะเตือนคุณอย่างหนึ่ง”

หลินหยุนแสยะปากเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเรียบง่าย “คำเตือนอะไรเหรอ?”

เซี่ยหยู่เวยหยุดอาการเคลื่อนไหวทุกอย่างในมือ แล้วเชิดคอที่ขาวดังหยกของเธอขึ้น ใบหน้าแฝงด้วยความระมัดระวังตัว “ทางที่ดีคุณควรห่างจากอีหลิงให้ไกลหน่อย ฐานะวงศ์ตระกูลของอีหลิงนั้น แข็งแกร่งมากเกินกว่าที่คุณคิดเสียอีก!”

“คุณชาตินี้ แม้กระทั่งหิ้วรองเท้าให้เธอก็ยังไม่คู่ควรเลย อย่าได้คิดฝันเฟื่องไปเลย”

“ไม่เช่นนั้น วันไหนที่สูญเสียชีวิตไป ก็อย่ามาโทษฉันว่าไม่เตือนคุณก็แล้วกัน!”

“ฮ่าๆ…….” หลินหยุนหัวเราะขึ้นมาทันที เสียงหัวเราะนั้นบอกไม่ถูกว่าเป็นรสชาติอะไรคล้ายกับกำลังเยาะเย้ย แต่ก็คล้ายกับความสงสาร และยังแฝงด้วยความโกรธเคืองเล็กน้อย

“วันนี้ที่คุณมาหาฉัน ก็เพราะอยากเตือนฉันเรื่องนี้เหรอ?”

“ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของฉัน แต่เป็นห่วงว่าฉันจะหาผู้หญิงที่ดีกว่าคุณได้มากกว่าจริงมั้ย?”

“คนอย่างคุณ ทนเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้ทั้งนั้น”

เซี่ยหยู่เวยดูเหมือนถูกแทงใจดำ โกรธจนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมา ตะคอกด้วยความโมโหว่า “หลินหยุน คุณอย่าเข้าใจคนอื่นในแง่ร้าย ไม่สำนึกในความหวังดีของคนอื่น!”

“วันนี้ฉันมาเตือนคุณ เพียงเพราะว่าเห็นแก่ที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา10กว่าปี ไม่อยากเห็นคุณตายอย่างอนาถเพราะความไม่รู้จักประมาณตน!”

ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยแสดงออกถึงความเย้ยหยัน “ฮึ่ม ฉันรู้ว่าจินซื่อหรงกับลูกพี่ใหญ่เจี่ยงสงเกรงใจคุณมาก แม้แต่หยุนจินไซก็ชอบคุณเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าฉันไม่รู้ว่าคุณทำได้อย่างไร แต่ว่าอาศัยพึ่งแต่แรงคนอื่น มันไม่ใช่ความสามารถแท้จริงของตัวคุณเอง”

“เมื่อพ้นจากคนพวกนี้ไปแล้ว คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรเหมือนเดิม ฉันหวังว่าคุณควรจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองว่าเป็นใคร อย่าหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า”

“ขอให้คุณจำไว้ ต่อให้คุณรู้จักผู้ยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด แต่คุณเองไม่มีความสามารถอะไรเลย คุณก็เป็นได้แค่คนตัวเล็กตัวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น!”

“ในฐานะที่เป็นคนตัวเล็กตัวน้อย ก็ควรจะมีจิตสำนึกของความเป็นคนตัวเล็ก อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกสิ่งที่คุณอาจเอื้อมไม่ถึง! ยิ่งไม่ควรที่จะคิดฟุ้งซ่านฝันเฟื่อง ฝันหวานที่จะก้าวขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์!”

เซี่ยหยู่เวยหยุดครู่หนึ่ง ค่อยๆก้าวเดินออกไป จากนั้นก็หันหน้ามา มองหลินหยุนด้วยสายตาที่น่าสมเพช ราวกับว่ากำลังให้ทานอยู่

“ฉันขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย อย่าไปยุ่งกับอีหลิงเด็ดขาด อย่าว่าแต่เป็นคุณเลย ต่อให้เป็นลูกพี่ใหญ่เจี่ยงสง เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของอีหลิง ก็ได้แต่ก้มหัวให้เพียงอย่างเดียว”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท