ควีนจินหันไปมองเจี่ยงสง “เจ้าพาคนออกไปก่อน!”
“ข้าจะอยู่ที่นี่!”
หยุนเยว่พูดด้วยความร้อนรน “ไม่ได้ ถ้าจะไปต้องไปด้วยกัน! ไม่งั้นพวกเราจะขออยู่กับเจ้านายด้วย”
ควีนจินส่ายหัว “ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าต่ำเกินไป เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้อีกฝ่ายบุกมาด้วยกำลังทั้งหมด ต่อให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ รีบไปซะ!”
“รีบหน่อย อย่าอืดอาด!” ซูหนันพูดด้วยเสียงเย็นชา
ควีนจินมองไปยังหยุนเยว่ แล้วพูดปลอบไปว่า “เจ้ากับเฟิงเหมียนมุ่งหน้าไปก่อน ถ้าเกิดพวกเราสู้ไม่ไหว ก็จะถอยเหมือนกัน ถ้าเกิดพวกเจ้าอยู่ที่นี่ มีแต่จะเป็นภาระ”
“ได้ พวกเราจะรอท่านอยู่ตรงตีนเขา ถ้าเกิดท่านไม่มา พวกเราก็จะไม่ไปไหน” หยุนเยว่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ควีนจินไม่มีทางเลือก “ได้ พวกเจ้าไปรอข้าอยู่ตรงตีนเขาก่อน!”
เจี่ยงสงและพวกหยุนเยว่ เดินลงจากเขาด้วยประตูหลังของคฤหาสน์ เหลือไว้เพียงควีนจินและซูหนัน
ซูหนันมองควีนจินแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “เจ้าเองก็ไปเถอะ อยู่ที่นี่ไปก็ทำประโยชน์ไม่ค่อยได้”
ควีนจินพูดว่า “ถึงแม้ว่าฝีมือของข้าจะเทียบเจ้าไม่ได้ แต่ก็เป็นแดนปรมาจารย์ สามารถปกป้องตัวเองได้ การอยู่ที่นี่จะต้องทำประโยชน์ได้อย่างแน่นอน”
“งั้นก็ได้ พวกเรามาต่อสู้กับพวกคนที่ตระกูลกงเรียกมาด้วยกันเถอะ”
พอสิ้นเสียงของซูหนัน ก็มีคนกระโดดลงมาจากดาดฟ้าจนถึงสวนเรียบร้อยแล้ว
ควีนจินเดินตามหลังของซูหนัน
กงชางเซินและกงซิวซ่างพาคนมาสิบกว่าคน ค่อยๆเดินเข้ามาข้างในสวน หยุดอยู่ตรงข้างหน้าของควีนจินและซูหนันในระยะห้าเมตร
“พวกเจ้าเป็นคนฆ่าศิษย์น้องของข้างั้นเหรอ?” กงชางเซินมองไปยังซูหนัน ด้วยสีหน้ามืดมน
“ข้าเอง!” ซูหนันพูดด้วยเสียงเย็นชา
“งั้นเจ้าก็ตายซะ!” กงชางเซินไม่พูดให้เสียเวลา ระเบิดพลังที่อยู่ในร่างออกมาทันที แล้วซัดหมัดใส่ซูหนัน
สายตาของซูหนันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ระเบิดแสงสีดำที่อยู่ในร่างออกมา แล้วซัดหมัดออกไปต้านรับ
บูม!
ซูหนันโดนซัดจนปลิวออกไป แล้วกระแทกลงบนพื้น
ควีนจินคิ้วขมวด คนนี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แค่หมัดเดียวก็สามารถซัดซูหนันจนปลิวออกมาได้ ไม่รู้ว่ามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอาจารย์อาเท่าไหร่
ซูหนันลุกขึ้นมาทันที ก้มหน้า ด้วยใบหน้ามืดมน แล้วค่อยๆเดินไปหากงชางเซิน
“หืม? ไม่เลว ยังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก!” กงชางเซินเผยสีหน้าเย็นชา ระเบิดพลังออกมา แล้วซัดหมัดออกไปอีกครั้ง
แสงสีดำที่อยู่ในร่างของซูหนันขยับ และซัดหมัดออกไปเหมือนกัน
บูม!
ซูหนันโดนซัดจนปลิวออกไปอีกครั้ง จนเกือบจะกระแทกเข้ากับกำแพงของคฤหาสน์
ซูหนันลุกขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมองกงชางเซินด้วยสีหน้าจริงจัง
“มือ ทัณฑ์ สวรรค์!”
ร่างกายของเขาจู่ๆก็มีเมฆดำทะมึนพุ่งออกมา กระโดดพุ่งออกไปทันที พร้อมกับปล่อยฝ่ามือโจมตีใส่กงชางเซิน
ตอนแรกก็กะว่าจะรับการโจมตีของกงชางเซินอีกสักพัก แต่ เห็นได้ชัดว่ากงชางเซินมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าซูหนันอยู่มาก ซูหนันกังวลว่าถ้าเกิดร่างกายบาดเจ็บ ก็จะไม่สามารถปล่อยมือทัณฑ์สวรรค์ได้
กงชางเซินจ้องมองฝ่ามือยักษ์สีดำที่อยู่ตรงกลางอากาศ ใบหน้าเผยความตกใจออกมาเล็กน้อย “ยังมีวิชาที่แข็งแกร่งแบบนี้อยู่อีกเหรอ ไม่แปลกใจที่สามารถสังหารศิษย์น้องที่ไม่ได้เรื่องของข้าได้!”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งอยู่แค่ปรมาจารย์ระดับใหญ่ แต่ว่าแค่กระบวนท่านี้ของเจ้า ก็เพียงพอที่จะโค่นล้มปรมาจารย์สูงสุดแล้ว!”
“แต่น่าเสียดาย คนที่เจ้ากำลังเผชิญเป็นข้า!”
กงชางเซินปล่อยลำแสงออกมาแล้วชี้ไปยังฟากฟ้า “รวมจิตเจ็ดดาว ฟังคำสั่งของข้า!”
“สายฟ้าเจ็ดชั้น!”
ชี่ทิพย์จากฟ้าดินที่อยู่ในรัศมีร้อยเมตร รีบพุ่งไปรวมตัวอยู่รอบๆกงชางเซิน จนมีพายุพัดอยู่รอบๆตัวเขา
แสงสีเขียวหลายชั้นคลุมแขนทั้งคู่ของเขา ตรงปลายมือของเขายังมีประกายไฟฟ้า ดูแล้วเหมือนกับเทพสายฟ้าที่จุติลงมายังโลกมนุษย์
ใบหน้าของกงซิวซ่างเต็มไปด้วยความตกใจ “นึกไม่ถึงว่าไม่เจอกันหลายปี ความแข็งแกร่งของท่านลุงจะเพิ่มขึ้นขนาดนี้! คงไม่สามารถเรียกเขาว่าคนปกติได้อีกต่อไปแล้ว?”
ควีนจินเองก็แอบตกใจ เธอสามารถรับรู้ได้ว่ากำปั้นทั้งคู่ของกงชางเซิน มีพลังที่เหมือนจะสามารถทำลายผืนแผ่นดินได้
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว คนที่ข้าเคยพบเจอยกเว้นปรมาจารย์หลิน ก็มีเขานี่แหละที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด!”
ควีนจินได้เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว ถ้าเกิดซูหนันรับมือไม่ไหว ก็จะพาซูหนันหนีไปทันที
ฝ่ามือสีดำยักษ์อันรุนแรง พุ่งไปหากงชางเซิน ราวกับเป็นวันสิ้นโลก มือทัณฑ์สวรรค์
กงชางเซินยืนอยู่ที่เดิม ชุดสีขาวกำลังปลิวไปมาตามแรงลม แต่ก็ไม่ขยับไปไหน จ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา กำปั้นทั้งสองปล่อยประกายสายฟ้าออกมา
รอจนถึงตอนที่ฝ่ามือยักษ์หล่นลงมา กงชางเซินถึงปล่อยหมัดออกไป
บูม!บูม!บูม……
เกิดเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องต่อเนื่องเจ็ดครั้ง เสียงดังสนั่นไปทั่ว ราวกับเป็นดอกไม้ไฟ ที่บานสะพรั่งไปทั่ว
ฝ่ามือยักษ์ที่อยู่กลางอากาศ ไม่สามารถลงไปได้อีก ราวกับเป็นผ้าม่านที่ถูกฉีกขาด ค่อยๆสลายหายไป จนเผยให้เห็นท้องฟ้าสีคราม
ร่างของซูหนันที่อยู่บนกลางอากาศร่วงหล่นสู่พื้นดิน กระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง จนกระอักเลือดออกมา
“ไป!”
ในตอนที่หล่นถึงพื้น ซูหนันก็ตะโกนออกมาคำหนึ่ง กระโดดกลับหลัง แล้ววิ่งออกไปทางหลังคฤหาสน์
ควีนจินเตรียมตัวไว้แต่แรกแล้ว พอเห็นซูหนันวิ่งหนี ก็รีบวิ่งตามซูหนันไปติดๆ
“ท่านเจ้าสำนัก อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไป การปล่อยเสือกลับถ้ำ มีแต่จะสร้างปัญหา!” กงซิวซ่างรีบพูดออกมา
ใบหน้าของกงชางเซินเต็มไปด้วยความดูถูก “ในสายตาของเจ้าพวกเขาเป็นเสือ แต่ในสายตาของข้าพวกเขาก็เป็นแค่หนอนแมลงสองตัว ที่ไม่มีพิษมีภัย!”
กงซิวซ่างรีบพูด “ท่านเจ้าสำนัก คนคนนั้นก็คือควีนจิน! ถ้าเกิดปล่อยเธอหนีไป ธุรกิจมากมายที่อยู่ในมือเธอ จะสูญเสียมันไปเปล่าๆ”
กงชางเซินครุ่นคิด “เจ้าพูดถูก ถึงแม้เงินทองในโลกมนุษย์จะไม่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของนักบู๊ แต่ว่า ถ้าเกิดต้องการให้สำนักเติบโต จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนมหาศาล”
“ผู้อาวุโสสาม เจ้าพาคนไล่ตามไปซะ จะต้องจับผู้หญิงคนนั้นกลับมาให้ได้”
ผู้อาวุโสในชุดสีดำคนหนึ่งยืนขึ้นมา “น้อมรับบัญชา!”
“พวกเจ้า ตามข้ามา!” เลือกออกมาสามคน ผู้อาวุโสสามรีบพุ่งออกไปไล่ตามทางที่ควีนจินหนีไป
กงชางเซินหันไปตะโกนใส่ผู้คนที่อยู่หน้าประตู “พวกเจ้าทุกคนจงสำรวจรอบๆ ถ้าเกิดไม่มีอันตรายอะไร พวกเราก็จะย้ายสำนักมาที่นี่”
“ด้วยชี่ทิพย์ที่อยู่ที่นี่ เพียงไม่กี่ปี สำนักเจ็ดดาวของพวกเราจะต้องกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งของโลกบู๊อย่างแน่นอน!”
ควีนจินวิ่งตามซูหนันลงเขา พอถึงวิ่งได้ครึ่งทาง พวกเขาก็ได้เจอกัน
“มีคนไล่ตามมา ข้าจะไปหลอกล่อพวกเขา เจ้าหนีไปทางทิศตะวันตก!” ควีนจินพูดด้วยความรีบร้อน
ซูหนันไม่พูดอะไร ยืนอยู่ที่เดินไม่ขยับไปไหน
ควีนจินรู้ว่าเขาไม่ยอมให้ตัวเองไปเสี่ยง จึงรีบพูดออกไปว่า “เจ้าสบายใจได้ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ แถมวิชาของข้าก็ได้รับมาจากปรมาจารย์หลิน ต่อให้พวกเขาไล่ข้าทัน ก็ไม่เห็นว่าจะชนะข้าได้!”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเล เจ้ารีบไปซะ!”
ซูหนันมองควีนจินอย่างจริงจัง จากนั้นก็พยักหน้า แล้ววิ่งไปทางทิศตะวันตก
ควีนจินรออยู่ที่เดิมสักพัก รอจนถึงผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆเห็นตัวเธอ เธอถึงวิ่งออกไปทางตรงข้ามของซูหนัน
ควีนจินวิ่งมาจนถึงตีนเขา ไปรวมตัวกับหยุนเยว่และเฟิงเหมียน
“เจ้านาย ท่านเป็นอะไรไหม?” หยุนเยว่ถามด้วยความรีบร้อน
“ข้าไม่เป็นไร รีบไปกันเถอะ!” ควีนจินรีบร้องตะโกนออกมา
“ไป!”
พอรู้สึกได้ว่าซูหนันวิ่งไปไกลแล้ว ควีนจินจึงเร่งฝีเท้า ไปรวมตัวกับหยุนเยว่และเฟิงเหมียนทั้งสองคน และทิ้งห่างการตามไล่ล่าของผู้อาวุโสสาม
ซูหนันวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าไปที่ไหนดี และไม่รู้ว่าสุดท้ายเดินไปถึงไหนแล้ว
แต่ว่า ไม่สามารถทนอาการบาดเจ็บตามร่างกายได้ ตาเริ่มพร่ามัว หนังตาเหมือนหนักหลายพันกิโล
สุดท้าย ซูหนันก็ล้มอยู่ตรงหน้าประตูของบ้านหลังหนึ่ง
สติของซูหนันค่อยๆหายไป เขาเห็นรองเท้าสีขาวคู่หนึ่ง เป็นรองเท้าที่ขาวสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปนใดๆ
ทำให้คุณนึกไม่ถึงว่าคนแบบไหนกันที่สามารถรักษาความสะอาดของรองเท้าได้ถึงขนาดนี้
จากนั้น ซูหนันก็สลบอยู่กับพื้น