หลินหยุนมองมาที่ เขาและพูดเบาๆ “ฉันจะให้โอกาสนาย”
หลินหยุนไม่แสดงพลังอำนาจ หน่วยพิทักษ์คนหนึ่งรีบถอยกลับอย่างเงียบๆทันที และกลับไปที่หุบเขาเพื่อแจ้งข่าวให้เจ้าหุบเขาทราบ
ผู้คนที่เหลือ จ้องไปที่หลินหยุนอย่างระวังตัว เพราะกลัวว่าหลินหยุนจะรีบเร่งบุกเข้าไป
หลินหยุนยืนเงียบๆอยู่ที่เดิม หลับตาและตั้งสมาธิ
ครั้งนี้ที่มาหุบเขาเทพยา เพียงเพื่อมาหาวัสดุยา หลินหยุนพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ฆ่าคน
ในไม่ช้า โม่ซิวอู่เจ้าหุบเขาแห่งหุบเขาเทพยา พาผู้อาวุโสสามคนจากหุบเขาเทพยา มาถึงที่เกิดเหตุ
“เจ้าหุบเขา!”
ทุกคนก้มศีรษะ และหลีกทางให้โม่ซิวอู่โดยอัตโนมัติ
โม่ซิวอู่เหลือบมองไปที่ฝูงชน เห็นพ่อบ้านมีใบหน้าบวมเหมือนหัวหมู ก็ขมวดคิ้ว
ในที่สุด สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ และถามอย่างเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น?”
หน่วยพิทักษ์โค้งคำนับด้วยความเคารพ และเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องที่หลินหยุนโต้แย้งพ่อบ้าน
โม่ซิวอู่เหลือบมองพ่อบ้านอย่างเย็นชา และพ่อบ้านก็แสดงท่าทางที่น่าสมเพชทันที “เจ้าหุบเขา ไอ้หนุมคนนี้ทุบตีรปภ.ของเรา แลยังมาดูถูกหุบเขาเทพยาของเรา ฉันทนไม่ไหว จึงโต้แย้งเขาไป ก็ถูกเขาทุบตีจนเป็นแบบนี้”
“เจ้าหุบเขา เขาตีฉันไม่เป็นไร แต่ไม่ยอมให้เขามาดูถูกหุบเขาเทพยาของเรา!”
คำพูดที่ชอบธรรมของพ่อบ้าน ทำเหมือนกับว่าไม่ได้คำนึงถึงเกียรติและความอับอายขายหน้าของตัวเอง ในใจมุ่งเน้นไปที่หุบเขาเทพยา
โม่ซิวมู่มองหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา ไม่ว่าอะไรก็ตาม คนที่กล้าลงมือทุบตีคนของหุบเขาเทพยา ก็คือไม่เห็นหุบเขาเทพยาอยู่ในสายตา
“ไอ้หนุ่ม นายมาจากตระกูลไหน? หุบเขาเทพยาไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมาอาละวาด! วันนี้หากนายไม่สามารถบอกเหตุผลที่จะโน้มน้าวฉันได้ นายก็อย่าคิดที่จะไปจากที่นี่!”
สีหน้าหลินหยุนเรียบเฉย โดยไม่พูดอะไร หยิบยาปฐมภูมิออกมาทันที ดีดนิ้ว โม่ซิวอู่ก็รับยาปฐมภูมิไว้ในมือ
โม่ซิวอู่มองดู ชั่วขณะก็ตกตะลึง “นี่คือ โอสถล้ำเลิศ!”
“นายหมายความว่ายังไง” โม่ซิวอู่ถาม
หลินหยุนพูดอย่างเย็นชา “ฉันมาที่นี่เพื่อขอวัสดุยา และพ่อบ้านของคุณบอกว่าโอสถของฉันเป็นของปลอม”
พ่อบ้านกังวลใจ และในเวลานี้ มันก็ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของโม่ซิวอู่
และก็คือเวลาตัดสินชะตากรรมของเขาด้วย
เขายังคงไม่เชื่อคำพูดของหลินหยุนจะมีผลอะไร เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งให้กับหุบเขาเทพยามานานกว่าสิบปี กว่าจะได้รับตำแหน่งพ่อบ้าน เจ้าหุบเขาจะละทิ้งเขาเพื่อโอสถได้อย่างไร!
โม่ซิวอู่รู้ดีว่า โอสถเม็ดนี้ไม่ปลอมแน่นอน ไม่เพียงแต่ไม่ปลอมเท่านั้น แต่ยังมีคุณภาพดีกว่าโอสถทั้งหมดในหุบเขาเทพยา
อย่างไรก็ตาม หากโม่ซิวอู่ยอมรับว่าโอสถนี้เป็นของจริง ก็เท่ากับเขาได้ละทิ้งพ่อบ้านของเขา
“โอสถนี้เป็นของปลอม!” โม่ซิวอู่พูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
โอสถเม็ดนี้ถึงแม้จะดี แต่ว่า หากต้องการมัน หุบเขาเทพยาจะต้องละทิ้งสิ่งล้ำค่าบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยน
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าพ่อบ้านจะผิด แต่ว่า เขาก็ยังเป็นสมาชิกของหุบเขาเทพยา ตอนนี้มีลูกศิษย์ของหุบเขาเทพยาจำนวนมาก ถ้าเขาละทิ้งพ่อบ้าน มันจะทำให้หัวใจของบางคนหดหู่ใจอย่างแน่นอน
“เจ้าหุบเขา ท่านก็เป็นพ่อแม่คนที่สองของฉัน ต่อจากนี้ไปฉันขอลุยน้ำลุยไฟเพื่อรับใช้เจ้าหุบเขา รับใช้จนตาย!” สองมือสองเข่าและร่างกายของพ่อบ้านทรุดลง คุกเข่าลงบนพื้น และก้มกราบโม่ซิวอู่ไม่หยุด
โม่ซิวอู่พูดว่า “พ่อบ้านพูดแรงเกินไป รีบลุกขึ้น!”
แม้ว่าเขาจะบอกให้พ่อบ้านลุกขึ้น แต่ไม่ได้พยุง เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขกับความรู้สึกที่คนอื่นนับถือตัวเอง
พ่อบ้านมองหลินหยุนด้วยท่าทางพอใจ ราวกับจะพูดว่า “ไอ้หนุ่ม เห็นไหม นายแพ้แล้ว!
คุณชายเหยียนที่อยู่ข้างหลังก็โล่งใจเช่นกัน เขากลัวจริงๆว่าโม่ซิวอู่จะถูกโอสถเม็ดนั้นดึงดูด
“เจ้าหุบเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม เจ้าหุบเขาอายุยืนยาวหมื่นปี! คุณชายเหยียนประจบประแจงเยินยอ
หลินหยุนยังคงมีสีหน้าเฉยเมย รอจนกว่าคุณชายเหยียนและพรรคพวกสงบลง จากนั้นก็มองไปที่โม่ซิวอู่ และพูดอย่างเย็นชา “โอสถที่ล้ำเลิศเม็ดหนึ่ง บางทีอาจไม่ทำให้คุณหวั่นไหว แล้วถ้าฉันเอาสูตรของโอสถออกมาแลกเปลี่ยนล่ะ?”
“และฉันต้องการเพียงวัสดุยาบางส่วนเท่านั้น และฉันจะไม่ให้คุณนำสิ่งของล้ำค่าจากหุบเขามาแลกเปลี่ยนหรอก”
ชั่วขณะโม่ซิวอู่ก็ตกตะลึง มองไปที่หลินหยุนอย่างเหลือเชื่อ “ที่พูดนี้เป็นความจริงหรือ?”
มูลค่าของโอสถเม็ดหนึ่ง แม้อยู่ในโลกบู๊จะมีมูลค่าสูง บางทีอาจสามารถสร้างปรมาจารย์นักบู๊ได้หนึ่งท่าน
เพียงแต่ว่า โอสถกินไปแล้วก็หมดไป มูลค่าของโอสถนั้นมีขีดจำกัด
เพียงแต่ว่า หากเป็นสูตรของโอสถล้ำเลิศ แสดงว่าในอนาคตหุบเขาเทพยาสามารถกลั่นโอสถล้ำเลิศแบบเดียวกันโดยไม่มีขีดจำกัด
มูลค่านี้นับไม่ถ้วนจริงๆ!
เพราะ จนถึงตอนนี้ หุบเขาเทพยายังไม่มีสูตรที่สามารถกลั่นโอสถล้ำเลิศได้เลย
โม่ซิวอู่ใจหวั่นไหว ไม่ ใจหวั่นไหวมาก และยังมีความรู้สึกคาดหวังอย่างแรงกล้า
หากได้สูตรโอสถล้ำเลิศมา ถ้างั้นความแข็งแกร่งโดยรวมของหุบเขาเทพยา จะมีระดับสูงขึ้นอีกขั้น
ในทางตรงกันข้าม พ่อบ้านจะอยู่หรือตาย หรือจะทำให้คนหดหู่ใจ โม่ซิวอู่ไม่ไปสนใจแน่นอน
หากหุบเขาเทพยาแข็งแกร่งเพียงพอ เขาเชื่อว่าแม้ไม่จำเป็นต้องจงใจไปเอาใจใคร ใจของผู้คนก็จะเอนเอียงมาอยู่ฝ่ายเดียวกับหุบเขาเทพยา
เพราะโลกบู๊ เป็นที่สำหรับผู้แข็งแกร่งเคารพนับถือ
“เป็นความจริงแน่นอน” หลินหยุนพูดเบาๆ
โมซิวอู่ก็พูดขึ้นทันที “ถ้าเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นฉันคงต้องตรวจสอบโอสถนี้อีกครั้ง!”
พ่อบ้านที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น รู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจและมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
แน่นอนว่า โม่ซิวอู่เพียงชำเลืองมองโอสถ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้ โอสถนี้เป็นของจริง!”
โม่ซิวอู่หันไปมองพ่อบ้าน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นายในฐานะพ่อบ้านของหุบเขาเทพยา ถึงกับใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ได้ผลักโอสถล้ำเลิศทิ้ง นายรู้ไหมนี่จะทำให้เกิดการสูญเสียมากน้อยเพียงใด?”
“จากนี้ไป ขอไล่นายออกจากหุบเขาเทพยา!”
พ่อบ้านสีหน้าหวาดกลัว คุกเข่าลงกับพื้นและยังคงก้มกราบ “เจ้าแห่งหุบเขาโปรดเมตตาด้วย ที่ฉันทำไปก็เพื่อศักดิ์ศรีของหุบเขาเทพยา ไม่ได้เห็นแก่เรื่องส่วนตัว!”
“หน่วยพิทักษ์ ไล่พวกเขาออกไป!” เมื่อตัดสินใจแล้ว โม่ซิวอู่ก็ทำเรื่องอย่างเด็ดขาดและโหดเหี้ยม
“ครับ!”
คนของหน่วยพิทักษ์จับพ่อบ้านไว้ พาออกจากประตูหุบเขาเทพยา
เมื่อเดินผ่านหลินหยุน พ่อบ้านก็ยิ้มแหยๆ “ไอ้หนุ่ม นายชนะแล้ว!”
คุณชายเหยียนที่อยู่ด้านหลัง ดูฉากนี้ อ้าปากค้าง เป็นเวลานานยังไม่หุบปากลง
“ทำไมเป็นเช่นนี้! คุณลุงถูกหุบเขาเทพยาไล่ออกแล้ว!” คุณชายเหยียนยังคงไม่อยากเชื่อผลลัพธ์นี้
คุณชายเหยียนที่หยิ่งยโสจนเคยชิน ตะโกนใส่โม่ซิวอู่อย่างโกรธเคือง “เพราะโอสถเม็ดหนึ่งของไอ้หนุ่มคนนั้น ถึงกับไล่ลุงที่ทำงานทุ่มเทโดยไม่คิดชีวิตให้กับหุบเขาเทพยามาหลายปี!”
“หุบเขาเทพยา พวกแกช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!”
โม่ซิวอู่เหลือบมองคุณชายเหยียนอย่างเย็นชา “นายเป็นหลานชายของพ่อบ้านเหรอ ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงนายมานานแล้ว โดยอาศัยชื่อเสียงของหุบเขาเทพยาของฉัน อยู่ข้างนอกทำสิ่งไม่ดีต่างๆ ทำชื่อเสียงของฉันเสียหายไปทุกหนทุกแห่ง”
“มานี่ ทุบตีเขาสักตั้ง แล้วโยนออกไปจากภูเขา ทั้งชีวิตนี้ในระยะ100เมตรห้ามขึ้นมาใกล้หุบเขาเทพยา
“ครับ!”
ลูกศิษย์ทั้งสองคนของหุบเขาเทพยา ก้าวไปข้างหน้าทันที จับตัวคุณชายเหยียน และเดินจากไป
“ปล่อยฉัน ฉันเดินไปเองได้!” คุณชายเหยียนตวาด ดิ้นรน แต่เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่สามารถหลุดพ้นจากการจับกุมของนักบู๊ทั้งสองได้
โม่ซิวอู่มองไปที่ลูกน้องของคุณชายเหยียน และพูดอย่างดูถูก “พวกแกยังไม่ไสหัวออกไป ต้องการพักทานอาหารกลางวันหรือ?”
“ไม่ ไม่ พวกเราจะรีบไปแล้ว!” ลูกน้องเหล่านั้นยิ้มอย่างประจบสอพลอ และรีบวิ่งไล่ตามคุณชายเหยียน
ขณะนี้โม่ซิวอู่ก็มองไปที่หลินหยุน ด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ท่าน ตอนนี้มันเงียบสงบมากขึ้น โปรดเข้าไปคุยกันในหุบเขา!”
“โอเค!”