ผ่านไปชั่วครู่ เจี่ยงจงสือก็ได้ถอนหายใจ และค่อย ๆ พูดขึ้นว่า: “จากที่พวกนายพูด เขาคงจะเป็นนักบู๊ที่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก”
“ในเมื่อเขาได้มาหาถึงที่แล้ว ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ก็จำเป็นที่จะต้องให้คำตอบกับเขา”
“ไม่ว่าเงื่อนไขความต้องการของเขาจะมากเกินไปหรือไม่ แต่ที่สำคัญเป็นเพราะพวกเราที่ไม่ได้ทำตามคำข้อตกลง”
“ข้าคิดว่าอย่างนี้ รอครั้งหน้าเมื่อเขามาถึง พวกนายก็ลองพูดคุยปรึกษากับเขาดูก่อน จะให้เงินหนึ่งร้อยล้านหรือสองร้อยล้านก็ได้ ถ้าหากเขาตกลง ก็จะเป็นการดีที่สุด ถ้าหากไม่ตกลง……”
พูดมาถึงตรงนี้ เจี่ยงจงสือก็หยุดชะงักลง แล้วแววตาก็แสดงความดุร้ายขึ้นแวบหนึ่ง: “งั้นก็ยึดตามวิธีการของนักบู๊มาจัดการแก้ไขปัญหา ผู้ชนะก็เป็นใหญ่! ”
“นายไปเตรียมของขวัญเอาไว้หนึ่งชิ้น แล้วก็ไปเกาะตงไหลด้วยกันกับข้า”
เจี่ยงจิงเทียนตกใจ: “เกาะตงไหล ท่านต้องการจะไปหานักพรตจื่อหยาง! ”
เจี่ยงหลินหลินพูดว่า: “นั่นคืออาจารย์ของนักพรตหมิงยู่ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่า ตอนที่นักพรตหมิงยู่ออกเดินทางไปกับหนู และได้เสียชีวิตลงที่ทะเลสาบมังกรร้าย ถ้าหากตอนนี้ไปหานักพรตจื่อหยางเกรงว่าเขาจะกล่าวโทษตำหนิว่าการตายของนักพรตหมิงยู่นั้นเกี่ยวข้องกับพวกเราหรือไม่! ”
แววตาของเจี่ยงจงสือแสดงความโหดร้ายขึ้นมาแวบหนึ่ง: “ต่อให้นักพรตจื่อหยางจะกล่าวโทษ ก็ไม่สามารถกล่าวโทษพวกเราตระกูลเจี่ยงได้ นักพรตหมิงยู่ถูกไอ้หนุ่มนั้นฆ่าตาย หากนักพรตจื่อหยางคิดที่จะล้างแค้นให้กับลูกศิษย์ของตน ก็สามารถที่จะมาหาไอ้หนุ่มนั้นได้เลย! ”
เจี่ยงจิงเทียนตกใจ จากนั้นใบหน้าก็แสดงอาการดีอกดีใจขึ้น: “ถูกต้อง นักพรตหมิงยู่ถูกหลินหยุนฆ่าตาย หลินหลินหนูจำเอาไว้แล้วเหรอยัง? ”
เจี่ยงหลินหลินพยักหน้า: “จำได้แล้ว หลินหยุนต้องการที่จะช่วงชิงยาทิพย์ จึงได้ลงมือฆ่านักพรต หมิงยู่”
“ใช่เลย ต้องพูดแบบนี้! ต้องทำให้ตัวเองเชื่อด้วยว่า นี่คือความจริง นักพรตหมิงยู่นั้นถูกหลินหยุนฆ่าตาย! ” เจี่ยงจิงเทียนกำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เจี่ยงหลินหลินพยายามล้างสมองตัวเองอย่างไม่หยุด: “นักพรตหมิงยู่เป็นเพราะช่วงชิงยาทิพย์จึงได้ถูกหลินหยุนฆ่าตาย นักพรตหมิงยู่เป็นเพราะช่วงชิงยาทิพย์ จึงได้ถูกหลินหยุนฆ่าตาย……”
เจี่ยงหลินหลินพูดซ้ำไม่หยุด เพื่อทำให้ตัวเองเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ซึ่งมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้นักพรตจื่อหยางเชื่อ
เจี่ยงจงสือพูดขึ้นว่า: “ไปกันเถอะ พวกเราไปหานักพรตจื่อหยาง”
“รับทราบ! ”
เจี่ยงจิงเทียนเตรียมของขวัญไว้หนึ่งชิ้น ซึ่งเป็นใบชาที่นักพรตจื่อหยางชื่นชอบที่สุด
ทั้งสามคน เดินทางไปเกาะตงไหลด้วยกัน
นักพรตจื่อหยาง เป็นปรมาจารย์เวทมนตร์ ผู้สูงส่งและมีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเกาะหนัน โดยทั่วทั้งแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
นักพรตหมิงยู่ที่เป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นปรมาจารย์เวทมนตร์ที่ทุกคนในเกาะหนันต่างก็ให้การเคารพยกย่อง โดยการที่เป็นอาจารย์ของนักพรตหมิงยู่ ชื่อเสียงและความสามารถของนักพรต จื่อหยาง ย่อมเหนือกว่านักพรตหมิงยู่อย่างแน่นอน
นักพรตจื่อหยางได้รับลูกศิษย์ทั้งหมดสามคน แต่น่าเสียดายที่ ลูกศิษย์สองคนขณะที่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกเพื่อหาประสบการณ์นั้น ก็ได้เสียชีวิตลงภายใต้น้ำมือของศัตรู
สามารถกล่าวโทษพวกเขาได้ว่าฝึกฝนวิชาความสามารถได้ไม่ดีพอ
ลูกศิษย์คนสุดท้าย นักพรตหมิงยู่ ซึ่งในด้านวิชาเวทมนตร์นั้น ถือว่ามีพรสวรรค์อย่างมาก ได้รับความโปรดปรานจากนักพรตจื่อหยางอย่างที่สุด
ขณะที่อายุยังน้อย ก็สามารถสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเกาะหนันแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ นักพรตหมิงยู่ก็มาเสียชีวิตที่ทะเลสาบมังกรร้าย
นักพรตจื่อหยางกับตระกูลเจี่ยง มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง
พ่อของเจี่ยงจงสือ ตอนที่อายุยังน้อย ได้เคยช่วยเหลือนักพรตจื่อหยางไว้
นักพรตจื่อหยางในตอนนั้น ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาเวทมนตร์
โดยหลังจากที่นักพรตจื่อหยางได้ร่ำเรียนฝึกฝนวิชาจนสำเร็จกลับมาแล้ว ก็ได้สัญญากับพ่อของเจี่ยงจงสือไว้ว่า จะช่วยเหลือดูแลตระกูลเจี่ยง
แม้ว่านักพรตหมิงยู่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในเกาะหนัน แต่ก็แทบจะกลายเป็นบอดี้การ์ดเฉพาะสำหรับตระกูลเจี่ยง ซึ่งนี่ก็คือเจตนารมณ์ของนักพรตจื่อหยาง
สำหรับตระกูลเจี่ยงแล้วนักพรตจื่อหยาง มีจิตใจที่จะตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ
เกาะตงไหลอยู่ไกลออกไปจากบริเวณชายฝั่งทะเล ห่างจากชายฝั่งพื้นดินห้าร้อยกว่ากิโลเมตร เป็นเกาะเซียนแห่งหนึ่งตามตำนานในสมัยโบราณ
ในปีนั้นตอนที่นักพรตจื่อหยางได้ค้นพบเกาะแห่งนี้ขึ้น ก็ได้ประกาศทันทีว่า ต่อไปจะพักอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
เจี่ยงจงสือกับพวกทั้งสามคนนั่งเรือมาจนถึงเกาะตงไหล แม้ว่าตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ว่าบนเกาะกลับเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ พืชพรรณใบไม้เขียวชอุ่ม มีทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติสวยงามอย่างมาก
เจี่ยงหลินหลินมีสีหน้าท่าทางที่แปลกใจ: “ภายนอกนั้นต้นไม้ใบหญ้าห่อเหี่ยวร่วงโรยหมดแล้วแต่บนเกาะแห่งนี้ยังมีอากาศที่บริสุทธิ์สดใส ต้นไม้เขียวชอุ่ม ราวกับสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น! ”
“ช่างเหมาะสมอย่างยิ่งที่เป็นสถานที่ซึ่งนักพรตจื่อหยางได้เลือกเอาไว้ ช่างน่าอัศจรรย์อย่างมาก! ” เจี่ยงจิงเทียนอุทานขึ้น
เจี่ยงจงสือหัวเราะเหอะเหอะ: “นักพรตจื่อหยางเป็นถึงปรมาจารย์เวทมนตร์ที่แท้จริง เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ราวกับเทพเซียน ที่พักอาศัยของเขาก็จะต้องไม่เหมือนกับคนอื่นอย่างแน่นอน”
พวกเขาเพิ่งขึ้นมาบนเกาะได้ไม่นานเท่าไหร่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นลอยมาในอากาศ:“พวกคุณที่มาเป็นใครกัน? ”
“ใครกำลังพูดอยู่? ” เจี่ยงหลินหลินมองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างตื่นตระหนก
เจี่ยงจงสือกวาดสายตามองไปทั้งสี่ทิศที่ไม่มีใคร ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า: “นี่คงจะเป็นเสียงของนักพรตจื่อหยาง”
เจี่ยงจิงเทียนมีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง: “พวกเราเพิ่งขึ้นมาบนเกาะ นักพรตจื่อหยางก็สามารถรับรู้ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าเขามีตาทิพย์ตามที่ตำนานร่ำลือกัน? ”
เจี่ยงจงสือถอนหายใจ: “นักพรตจื่อหยางเป็นเทพเซียน พลังความสามารถของเขาไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเราจะสามารถจินตนาการได้หรอก”
พูดจบ เจี่ยงจงสือก็ตะโกนพูดใส่อากาศว่า: “ข้าเจี่ยงจงสือ คนของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันมีเรื่องที่จะมาขอคารวะท่านนักพรตจื่อหยาง! ”
“ในเมื่อเป็นญาติคนรุ่นหลังของเพื่อนเก่า งั้นก็เข้ามาด้านในสิ! ”
เสียงพูดจบลง ทันใดนั้น เจี่ยงจงสือกับพวกทั้งสามคนก็พบว่า เส้นทางภูเขาที่ขรุขระบริเวณด้านหน้าของพวกเขาก็สูญหายไป โดยเส้นทางถนนที่กว้างขวาง ก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทั้งสามคน ซึ่งทอดยาวเชื่อมต่อไปยังภายในของเกาะ
“ความสามารถเช่นนี้ เป็นของเซียนแท้อย่างไม่ต้องสงสัย! ” เจี่ยงจิงเทียนกล่าวชื่นชมขึ้น
“ไปกันเถอะ พวกเราไปพบกับนักพรตจื่อหยางกัน! ” เจี่ยงจงสือพูด
ทั้งสามคนเดินตามเส้นทาง ไม่นานก็มาถึงบ้านไม้ซอมซ่อหลังหนึ่งที่อยู่บนบริเวณยอดเขา และได้พบกับชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดนักพรตสีม่วง และมีผมขาวกว่าครึ่งศีรษะ
เจี่ยงจงสือได้คำนับทำความเคารพต่อชายวัยกลางคนผู้นั้น: “สวัสดี ไม่ทราบว่านักพรตจื่อหยางอยู่หรือไม่? ”
นักพรตวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย: “นายก็คือเจี่ยงจงสือล่ะสิ? เวลาผ่านไปแวบเดียว ก็แก่ชราแล้ว”
เจี่ยงจงสือตกตะลึง น้ำเสียงที่พูดนี้จะเป็นของคนวัยกลางคนได้อย่างไรกัน มันต้องเป็นของชายชราที่มีอายุยืนยาวอย่างแน่นอน
เวลานี้ เจี่ยงจงสือก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง: “ท่าน ท่านคือนักพรตจื่อหยาง! ”
นักพรตวัยกลางคนยิ้มและพยักหน้า: “ใช่ก็คือข้าเอง! ”
เจี่ยงจงสือไม่เข้าใจจึงได้สำรวจนักพรตจื่อหยางตั้งแต่หัวจรดเท้า: “แต่ว่า ครั้งก่อนหน้านี้ที่ข้าได้พบกับท่านนั้น ท่านยังมีผมขาวทั้งศีรษะ ใบหน้าชราภาพอยู่เลย แล้วหลายปีมานี้ที่ไม่ได้พบกัน ทำไมถึงกลับได้เปลี่ยนแปลงดูเป็นหนุ่มขึ้นมาได้! ”
นักพรตจื่อหยางยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ช่วงนี้ข้าได้บำเพ็ญเพียรจนบรรลุขั้น พลังความสามารถจึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย ดังนั้น จึงดูว่ามีความเป็นหนุ่มขึ้นเล็กน้อย”
เจี่ยงจงสือดีอกดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไร: “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยจริง ๆ ยินดีด้วยกับนักพรตจื่อหยาง! ”
นักพรตจื่อหยางพูดว่า: “ที่ท่านมาเกาะตงไหลในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่ามาเพราะแสดงความยินดีกับข้าล่ะสิ! มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
เจี่ยงจงสือได้เรียบเรียงคำพูดอยู่ภายในใจ สีหน้าดูจำใจไร้สิ้นหนทาง เหมือนกับว่าได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมาก
เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงหลินหลินมองดูอยู่ด้านหลัง อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเจี่ยงจงสืออยู่ในใจ
“นายท่านก็คือนายท่าน ทักษะการแสดงนี้สามารถที่จะได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมได้เลย! ”
ลักษณะท่าทางของเจี่ยงจงสือ ไม่สามารถที่จะมองเห็นข้อบกพร่องได้เลย: “ท่านนักพรต ท่านมีบุญคุณต่อตระกูลเจี่ยงของพวกเราอย่างมาก แต่ว่าตระกูลเจี่ยงของพวกเรากลับต้องขอโทษท่าน! ”
“ลูกศิษย์ของท่าน นักพรตหมิงยู่ ถูกคนฆ่าตายแล้ว! ” เจี่ยงจงสือสีหน้าท่าทางทางเศร้าโศกเสียใจ
เห็นว่าสีหน้าของนักพรตจื่อหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เจี่ยงจงสือจึงได้ระบายความทุกข์ต่ออีก: “ตอนนี้ ผู้ร้ายที่สังหารนักพรตหมิงยู่ ได้มาก่อกวนรังแกถึงที่ โดยข่มขู่ว่าจะเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงไป ถ้าหากตระกูลเจี่ยงของพวกเราไม่ตกลง ก็จะเอาชีวิตของข้าไปแทน”
“แม้ว่าข้าจะแก่ชรามากแล้ว ดำรงชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี แต่ว่า เขารังแกข่มขู่มากเกินไป ข้าอดทนต่อความโกรธแค้นนี้ไม่ไหว จึงได้มาเชื้อเชิญให้ท่านนักพรตออกจากเขา เพื่อแสดงตัวออกหน้าแทนให้กับตระกูลเจี่ยงของพวกเรา! ”
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ความสามารถในการกลับถูกเป็นผิดกลับผิดเป็นถูกของเจี่ยงจงสือ เก่งกาจเป็นเลิศยิ่งกว่าเจี่ยงหลินหลินกับเจี่ยงเฉิงอย่างชัดเจน
โดยเริ่มแรกพูดว่าหลินหยุนคือผู้ร้ายที่สังหารนักพรตหมิงยู่ จากนั้นก็พูดว่าหลินหยุนเป็นอันธพาลที่จะมาช่วงชิงทรัพย์สินของตระกูลเจี่ยง
ท่านนักพรตจื่อหยางเป็นถึงบุคคลที่มีความเก่งกล้าสามารถ หรือว่าจะไม่คิดแก้แค้นให้กับลูกศิษย์ของตนเองเหรอ? ในปีนั้นท่านนักพรตจื่อหยางได้รับบุญคุณจากตระกูลเจี่ยง ตอนนี้ตระกูลเจี่ยงประสบกับปัญญา หรือว่าท่านจะไม่คิดออกหน้าช่วยเหลือตระกูลเจี่ยงอย่างนั้นเหรอ?