เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ปรมาจารย์หลิน หลังจากที่ได้พูดคุยปรึกษากับนายท่านแล้ว พวกเราตระกูลเจี่ยงตัดสินใจว่า จะให้เงินนายหนึ่งร้อยล้านเป็นการตอบแทน นายคิดว่าอย่างไร? ”
ในเวลาสามวัน ตระกูลเจี่ยงได้ทำการสืบค้นอย่างมากมาย เช่นรายละเอียดเบื้องหลังของหลินหยุน
เรื่องที่หลินหยุนเป็นปรมาจารย์หลินนั้น ก็ไม่สามารถปกปิดการสืบค้นของตระกูลเจี่ยงได้
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่า เวลาสามวันที่ผ่านไปนี้ พวกนายได้เตรียมการอะไรไว้อย่างมากมาย แม้แต่สถานะของข้าก็ยังสืบค้นอย่างชัดเจนแล้ว”
“ในเมื่อพวกนายไม่ทำตามเงื่อนไขของข้า งั้นข้าก็คงต้องนำโอสถของข้ากลับคืนมา”
สายตาของหลินหยุน มองไปที่เจี่ยงจงสือที่นั่งอยู่ด้านล่างที่นั่งสูงสุดของเจี่ยงจิงเทียน
“ในร่างกายของท่าน ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโอสถของข้า ท่านก็คือนายท่านแห่งตระกูลเจี่ยงล่ะสิ! ”
เจี่ยงจงสือทำมือแสดงความเคารพต่อหลินหยุน และพูดว่า: “ขอบคุณอย่างมากต่อบุญคุณที่ปรมาจารย์หลินได้ช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ว่า ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลนั้นมันคงจะมากเกินไปหน่อย”
“อย่างนี้แล้วกัน ข้าจะนำทรัพย์สินส่วนตัวของตน มอบให้เพิ่มอีกสองร้อยล้าน รวมทั้งหมดสามร้อยล้าน เพื่อเป็นค่าตอบแทนของปรมาจารย์หลิน”
“นายคิดว่าอย่างไร? ”
สามร้อยล้าน!
เจี่ยงจิงเล่ดวงตาแดงก่ำขึ้นแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านมอบเงินให้กับเขาตั้งสามร้อยล้าน! ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าเฉิงเอ๋อเสียชีวิตไปเพราะอะไร? ”
“หุบปาก! ” เจี่ยงจงสือตะโกนใส่เสียงดัง: “นั่นเป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง! ”
หลินหยุนส่ายศีรษะ สีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “พูดกันไว้แล้วว่าต้องใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงมาแลกเปลี่ยน งั้นก็จะต้องใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงมาแลกเปลี่ยนไม่มีใครสามารถบิดพลิ้วหนี้สินของข้าได้”
“ถ้าหากพวกนายไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ งั้นข้าก็จะนำเอาโอสถกลับคืน”
เจี่ยงจงสือขมวดคิ้ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น: “ปรมาจารย์หลิน ต้องการทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ชีวิตของข้ายังคงมีมูลค่าไม่มากพอเท่ากับเงินทองมากมายขนาดนี้”
“ถ้าหากนายยังคงยืนกรานหนักแน่นอย่างนี้ งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันอีกแล้ว”
หลินหยุนมองไปที่เขา ไม่พูดไม่จา รอดูสถานการณ์ต่อไป
เป็นเช่นนั้นจริง เจี่ยงจงสือก็ได้พูดต่ออีกว่า: “คืนพรุ่งนี้ ข้าจะรอนายอยู่ที่เกาะตงไหล ถ้าหากนายสามารถเอาชนะนักพรตจื่อหยางได้ ข้าก็จะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงให้กับนาย”
“ถ้าหากนายไม่ชนะ งั้นบุญคุณและความแค้นระหว่างนายกับตระกูลเจี่ยงของข้า ก็ถือว่าสิ้นสุดลง”
“นายคิดว่าอย่างไร? ”
หลินหยุนส่ายศีรษะ: “เดิมทีทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงนั้นเป็นของข้า ถ้าหากคิดที่จะเดิมพันกับข้าอีก งั้นก็ใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงที่เหลือนั้นมาวางเดิมพัน”
“ข้าสามารถรับคำท้าของนายได้ แต่ นายจำเป็นต้องใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเจี่ยงบวกกับชีวิตของนายมาวางเดิมพัน นายจะยินยอมไหม? ”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป เจี่ยงจิงเทียนก็ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห: “กำเริบเสิบสาน! ”
“พ่อของข้ามีสถานะที่สูงศักดิ์ระดับไหน จะสามารถนำมาใช้วางเดิมพันได้อย่างไรกันล่ะ! ”
“ถูกต้อง ไอ้หนุ่มนายอย่าได้มารังแกกันมากเกินไป! ” ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยงอีกคนหนึ่ง ชี้ไปที่หลินหยุนแล้วตะโกนดุด่าใส่อย่างโกรธเคือง
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่ไปที่เกาะตงไหลแล้ว”
“แก……” เจี่ยงจิงเทียนตื่นตระหนก ถ้าหากหลินหยุนไม่ไปที่เกาะตงไหล งั้นพวกเขาที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถจัดการกับหลินหยุนได้
เจี่ยงจงสือยกมือขึ้น แสดงสัญญาณว่าให้ทุกคนเงียบลง
จากนั้น ก็มองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ข้าตกลงตามเงื่อนไขของนาย”
“เพียงแค่นายสามารถเอาชนะนักพรตจื่อหยางได้ ตระกูลเจี่ยงทั้งหมดรวมถึงชีวิตของข้า ล้วนเป็นของนาย”
เจี่ยงจิงเทียนรีบพูดขึ้นว่า: “ท่านพ่อ ไม่ได้เด็ดขาด! ”
เจี่ยงจงสือครุ่นคิดจนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ถ้าหากแม้แต่นักพรตจื่อหยางก็ยังไม่สามารถเอาชนะ หลินหยุนได้ ชีวิตของเขาก็คงจะต้องถูกหลินหยุนปลิดชีพลงเช่นกัน
ถึงขนาดที่ว่า ตระกูลเจี่ยงของเขาก็คงจะไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้อีก
ดังนั้น การเดิมพันในครั้งนี้จะตกลงหรือไม่ตกลง ก็มีค่าเท่าเทียมกัน
“คุณปู่ ทำไมท่านถึงได้ตกลงเงื่อนไขแบบนี้ด้วยล่ะ? ” เจี่ยงหลินหลินรีบพูดเตือนขึ้น
“นายท่าน ไม่สมควรที่จะตกลง! ” ทุกคนต่างก็พากันกล่าวเตือน
เจี่ยงจงสือหัวเราะเหอะเหอะ: “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ทุกคนไม่ต้องกล่าวเตือนอีกแล้ว”
“พรุ่งนี้กลางคืนตอนหกโมง ข้าจะรออยู่ที่เกาะตงไหลเพื่อต้อนรับการมาเยือนของปรมาจารย์หลิน! ” เจี่ยงจงสือพูดขึ้นพร้อมกับทำมือแสดงความเคารพต่อหลินหยุน
“ตกลง” หลินหยุนตอบขึ้นหนึ่งคำ แล้วก็หันหลังจากไป
หลังจากที่หลินหยุนไปแล้ว ทุกคนของตระกูลเจี่ยงต่างก็มองไปที่เจี่ยงจงสือด้วยความเป็นกังวล
เจี่ยงจิงเทียนสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “ท่านพ่อ ท่านทุ่มวางเดิมพันทั้งหมดเลยนะ! ”
เจี่ยงจงสือหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “ถ้าหากแม้แต่นักพรตจื่อหยางก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้ ตระกูลเจี่ยงของพวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับการถูกล้มล้างแล้ว”
“ที่ข้าตกลงวางเดิมพันกับเขานั้น ยังสามารถที่จะคุ้มครองให้พวกเราตระกูลเจี่ยงทุกคนอยู่อย่างปลอดภัย”
“ไม่อย่างนั้น หากว่าเขาเอาชนะได้แล้ว พวกนายก็คงไม่ยินยอมที่จะมอบทุกอย่างของตระกูลเจี่ยงให้กับเขา เมื่อถึงเวลานั้น ก็คงจะต้องสูญเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์”
เจี่ยงจงสือกวาดสายตามองไปที่ทุกคน และได้ประกาศขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ถ้าหากนักพรตจื่อหยางพ่ายแพ้ พวกนายจะต้องรีบสละตระกูลเจี่ยงทิ้งไป ทุกคนออกไปจากตระกูลเจี่ยงให้หมด ห้ามที่จะอาลัยอาวรณ์อย่างเด็ดขาด”
“ได้ยินกันทุกคนแล้วใช่ไหม? ” เจี่ยงจงสือตะโกนถามขึ้น
“ได้ยินแล้ว” ทุกคนตอบตกลงด้วยสีหน้าท่าทางที่ลำบากใจ
เจี่ยงจงสือมองไปที่ทุกคน ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า: “เพียงแค่รักษาชีวิตรอดเอาไว้ จึงจะสามารถไปครอบครองในสิ่งอื่นได้ ถ้าหากแม้แต่ชีวิตก็ไม่มี ต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์? ”
เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ท่านพ่อ พวกเราไม่สามารถที่จะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับนักพรตจื่อหยางเพียงคนเดียว หากว่าเขาพ่ายแพ้ขึ้นมาล่ะ? ”
“พวกเราตระกูลเจี่ยง จำเป็นจะต้องมีแผนการรองรับถึงจะถูกต้อง”
เจี่ยงจงสือพูดขึ้นว่า: “ข้าได้ทำการติดต่อผู้ว่าราชการเกาะหนันแล้ว วันนั้น เขาก็จะไปยังที่นั่นด้วย เพียงแค่เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง แม้ว่าปรมาจารย์หลินจะเอาชนะได้ก็จริง แต่คงน่าจะไม่ทำอันตรายอะไรกับข้าหรอก”
เจี่ยงจิงเทียนพยักหน้า: “ยังไงท่านพ่อก็พิจารณาได้อย่างรอบคอบ ถ้าหากแม้แต่นักพรตจื่อหยางยังต้องพบกับความพ่ายแพ้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะต้องพึ่งพาอาศัยอำนาจบารมีของผู้ว่าราชการแล้ว”
เจี่ยงจงสือพูดว่า: “นี่ยังคงไม่เพียงพอ พวกเราจำเป็นที่จะต้องให้คนจำนวนมากรับรู้เรื่องราวนี้ เพียงแค่มีคนจำนวนมาก ปรมาจารย์หลินก็จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่กล้าที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้”
“หากสามารถที่จะเชื้อเชิญนักบู๊ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มาที่นั่นได้จะเป็นการดีที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราอาจจะสามารถว่าจ้างยอดฝีมือบางคน หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้นักพรตจื่อหยางพ่ายแพ้ พวกเราก็ยังคงสามารถรักษาชีวิตของตนเอาไว้ได้”
เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นอย่างดีใจ: “ท่านพ่อคิดใคร่ครวญได้อย่างรอบคอบ ข้าจะนำข่าวสารป่าวประกาศออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตระกูลเจี่ยงถือได้ว่ามีอิทธิพลอำนาจมากพอสมควร ที่เกาะหนันยิ่งมีรากฐานที่มั่นคงหนักแน่น จุดนี้สามารถเห็นได้จาก ความรวดเร็วในการกระจ่ายข่าวสารออกไปของเครือข่ายตระกูลเจี่ยง
วันแรก พวกนักบู๊ที่มีอิทธิพลทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างก็รับรู้ถึงข่าวสารที่ว่าปรมาจารย์หลินกับนักพรตจื่อหยาง จะประลองยุทธ์กันที่เกาะตงไหล
วันที่สอง พวกนักบู๊จำนวนมากจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงพวกผู้อาวุโสที่มีวิชาการแพทย์ที่สูงส่งที่แอบซ่อนตัวอยู่เป็นเวลานาน ต่างก็ทยอยปรากฎตัวออกมา แล้วเดินทางไปยังเกาะตงไหลเพื่อชมการประลองยุทธ์
เป็นเพราะว่า ในช่วงหลายสิบปีที่นักพรตจื่อหยางมีชื่อเสียงดังขึ้นในโลกบู๊ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ซึ่งในหลายสิบปีมานี้เขาได้แสดงฝีมือออกมาน้อยมาก
วิชาการต่อสู้ของเขา ถือได้ว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่นักบู๊จำนวนมากจะได้มีโอกาสพบเห็นแต่ไม่สามารถที่จะเรียกร้องมันมาได้
ตระกูลขนาดใหญ่ในเกาะหนัน ผู้บริหารระดับสูงที่มีอิทธิพล ก็ได้มาถึงเกาะตงไหลกันแล้ว เพื่อจัดหาที่นั่งที่เหมาะสม เตรียมที่จะชมการประลอง
แต่ว่า พวกเขาคงจะไม่โชคดีเหมือนกับตอนที่เจี่ยงจงสือขึ้นมาบนเกาะ ที่มีนักพรตจื่อหยางคอยเปิดทางให้กับพวกเขาด้วยตนเอง
คนเหล่านี้ขึ้นมาบนเกาะ จะต้องอาศัยการเดินปีนทีละก้าวทีละก้าวขึ้นสู่ยอดเขา
หลังจากที่หลินหยุนออกมาจากตระกูลเจี่ยง ก็ได้โทรศัพท์ไปหาหยางเทียนโย่ว บอกกับพวกเขาว่า เดิมทีที่กำหนดไว้ว่าสามวัน จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
หยางเทียนโย่วเข้าใจ และได้พูดโน้มน้าวพ่อของเขา ให้เชื่อมั่นในหลินหยุน
เมื่อหลินหยุนมาถึงเกาะตงไหล พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว
แสงสายัณห์สาดส่องไปทั่วจนขอบฟ้าเป็นสีแดง ทั้งเกาะตงไหลราวกับว่าถูกสาดส่องปกคลุมด้วยแสงตะวันตกดินที่มีสีสันงดงามเป็นธรรมชาติ ราวกับดินแดนเทพ
เมื่อหลินหยุนลงจากเรือ แล้วยืนอยู่บนเกาะตงไหลนั้น ก็สามารถรับรู้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่มีความแตกต่าง
“ชี่ทิพย์ของที่นี่มีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก”
“แม้ว่าที่นี่จะมีผู้คนมาน้อยมาก แต่ภายใต้สภาพแวดล้อมในโลกที่มีชี่ทิพย์เบาบางนั้น ก็ไม่สามารถที่จะมีชี่ทิพย์มารวมกันได้มากมายขนาดนี้”
“หรือว่า ที่นี่มีค่ายกล? ”