หลินโร่สุ่ยและหลินหยุน ก็ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
ทั้งสองคนก็ได้จองห้องพิเศษไว้ หลินโร่สุ่ยก็เริ่มระบายความอัดอั้นในใจกับหลินหยุนทันที
หลินโร่สุ่ยเป็นลูกสาวของน้องคนที่สามของพ่อหลินหยุน จึงต้องเรียกหลินหยุนว่าพี่ชาย คุณอาสามของหลินหยุนคนนี้ชื่อว่าหลินตงเย่ว มีนิสัยแข็งกร้าวมาก
แต่ว่า เขาเป็นคนทะเยอทะยานแต่ไร้ความสามารถ คิดอยากจะก่อร่างสร้างตัวแต่จนปัญญาที่ตัวเองไม่มีความสามารถเพียงพอ
หลังจากเจออุปสรรคมาหลายครั้งแล้ว จึงเลิกล้มความตั้งใจ
ดังนั้น เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาที่จะบ่มเพาะคนรุ่นหลังต่อไป
แต่ว่า เขาก็มีแต่ลูกสาวเพียงสองคนเท่านั้น
ดังนั้น จึงทุ่มเทความหวังทั้งหมดไปที่ตัวลูกสาวคนโตหลินโร่หลัน
ส่วนหลินโร่หลันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มีความสามารถเก่งกาจทุกด้าน กลายเป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลหลิน ที่รองลงมาจากหลินโล่เฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้น หลินตงเย่วสองคนสามีภรรยาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ยิ่งรักและทะนุถนอมหลินโร่หลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำให้หลินโร่สุ่ยที่เกิดหลังหลินโร่หลันหนึ่งปี จึงโชคร้ายมากยิ่งขึ้น
เมื่อมีลูกสาวคนโตหลินโร่หลันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจแล้ว ไม่ว่าหลินโร่สุ่ยจะทำอะไรก็ตาม ก็จะต้องถูกเอามาเปรียบเทียบกับหลินโร่หลันเสมอ
เมื่อไรที่สู้หลินโร่หลันไม่ได้ ก็จะต้องถูกพ่อแม่รังเกียจ
อีกทั้งไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องเอาพี่สาวเป็นเยี่ยงอย่างเสมอ
แม้แต่เสื้อผ้าที่ชอบ ของกินเล่นที่ชอบ ก็จะต้องให้เหมือนกับพี่สาวตลอดเวลา
หลินโร่สุ่ยไม่เคยชอบช็อกโกแลตเลย แต่ว่าหลินโร่หลันชอบมาก สุดท้ายแล้วหลินโร่สุ่ยก็ถูกบังคับต้องให้ชอบตามไปด้วย
ของกินเล่นทุกอย่าง ก็ล้วนเป็นของที่หลินโร่หลันชอบทั้งนั้น แบบเสื้อผ้าทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นที่ชอบของหลินโร่หลันทั้งนั้น
ตั้งแต่เล็กจนโต หลินโร่สุ่ยก็เหมือนเป็นแค่เงาของหลินโร่หลันเท่านั้นเอง
ภายในครอบครัวนั้น ไม่เคยเห็นความสำคัญของเธอเลย
ดังนั้น จึงทำให้หลินโร่สุ่ยมีนิสัยก้าวร้าวต่อต้าน
และเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ดังนั้น เมื่อหลินโร่สุ่ยได้พบกับหลินหยุนแล้ว จึงเกิดความรู้สึกเหมือนหัวอกเดียวกันขึ้นมาทันที
ทำให้เธอสนิทสนมกับหลินหยุนมากขึ้น เป็นหนึ่งในจำนวนคนที่ใกล้ชิดที่สุดเพียงไม่กี่คนในตระกูลหลินของหลินหยุนในชาติที่แล้ว
หลินโร่สุ่ยก็เหมือนเปิดวิทยุ ที่พูดตลอดไม่หยุดพักเลย แทบจะอยากพูดระบายความอัดอั้นในใจตั้งแต่เด็กจนโตทั้งหมดออกมา ให้หลินหยุนฟังทีเดียวเลย
ส่วนหลินหยุนก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นั่งฟังอย่างตั้งใจ บางครั้งก็พยักหน้า บางครั้งก็ส่งยิ้มให้ เพื่อแสดงความรู้สึกรับรู้
นับว่าเป็นผู้ฟังที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียว
จนเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว หลินโร่สุ่ยถึงกับพูดติดต่อกันสองชั่วโมงแล้ว จนกระทั่งรู้สึกคอแห้งจึงได้รู้ตัว
“โอ๊ย ฉันพูดมากไปหน่อยแล้ว คุณคงไม่รังเกียจที่ฉันขี้บ่นจู้จี้นะ?”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่หรอก คุณพูดต่อไปสิ”
หลินโร่สุ่ยเอียงคอมองหน้าหลินหยุน ทันใดนั้นก็พูดด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า “ฉันก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พวกเราแค่เคยพบหน้ากันเพียงสองครั้งเท่านั้น แต่ว่าฉันกลับคิดอยากจะเล่าเรื่องในใจทุกอย่างให้คุณฟังทั้งหมดเลย”
“แม้แต่พ่อแม่และพี่สาวฉัน ฉันก็ไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ให้พวกเขาฟังเลย”
หลินหยุนไม่พูดอะไร เขารู้ว่า ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ย่อมจะต้องมีสักคนหนึ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น มีความรู้สึกที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ก็เหมือนกับเพื่อนรักของเขา ซูเย่นหนิง
หลินโร่สุ่ยก็ตบหน้าผากตัวเองอย่างกะทันหัน แล้วพูดว่า “โอ๊ยตายแล้ว มัวแต่ปรับทุกข์กับคุณจนลืมเรื่องสำคัญไปเลย”
“ที่ฉันไปบริษัทหวนตี้สาขาย่อยคราวนี้ แท้จริงแล้วก็เพียงแค่อยากให้พวกเขาช่วยโปรโมทบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของฉันหน่อย”
พอพูดถึงบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของฉัน เสียงของหลินโร่สุ่ยก็เบามากราวกับเสียงยุงบิน
“แน่นอน ฉันก็ไม่ใช่ให้พวกเขาช่วยฟรีๆ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้พวกเขาด้วย”
“ฮึ่ม คิดไม่ถึงว่าไอ้เวรตะไลนั่นถึงกับกล้าดูถูกลวนลามฉัน!”
หลินหยุนถามว่า “คุณเปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าทำไมต้องไปหาบริษัทหวนตี้ เพื่อให้เขาช่วยโปรโมทล่ะ ? คุณไม่เคยได้ยินหรือว่าคนอาชีพเดียวกันย่อมเป็นคู่แข่งกัน?”
หลินโร่สุ่ยสีหน้าแสดงออกถึงความไม่ยอมจำนน “ก็เพราะว่าพี่สาวฉันไปให้คนของบริษัทเกนเนอร์ แล้วก็ร็อค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ช่วยโปรโมทให้แล้วสิ ฉันคิดอยากจะเอาชนะเธอ จึงได้แต่ต้องไปหาบริษัทหวนตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในประเทศจีน”
หลินหยุนถามว่า “คุณอยากจะเอาชนะพี่สาวคุณเหรอ?”
หลินโร่สุ่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “อยากสิ แม้แต่ในฝันก็ยังคิดอยากเอาชนะเลย!”
“เวลาผ่านมานานหลายปีแล้ว ที่ฉันเป็นแค่เงาของเธอเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เทียบกับเธอได้เลย ทุกคนก็ล้วนยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เมื่อเห็นเธอ แต่พอเห็นฉันแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าทั้งนั้น”
“เพราะอะไรล่ะ! ฉันด้อยกว่าเธอตรงไหน! ฉันก็คือฉัน ฉันก็ไม่ใช่เธอ เพราะอะไรทุกคนจะต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบกับเธอด้วย!”
หลินหยุนรู้สึกสงสารอย่างจับใจ นี่ก็คือแบบอย่างของพวกที่เห็นลูกคนอื่นดีกว่า
แต่ว่า เมื่อเทียบกับหลินโร่สุ่ยที่นี้แล้วยิ่งรุนแรงกว่าเสยอีก
เพราะว่าคนที่เอามาเปรียบเทียบกับเธอนั้น ไม่ใช่ลูกของคนบ้านอื่น แต่เป็นพี่สาวแท้ๆของตัวเอง
นี่กลับทำร้ายจิตใจมากยิ่งกว่าเสียอีก
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า นี่ก็คือความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงของพ่อแม่ที่กระทำต่อลูกตัวเอง
หลินหยุนถามว่า “คุณอยากจะเอาชนะพี่สาวคุณ ก็เพื่อจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า คุณไม่ได้ด้อยกว่าเธอใช่ไหมล่ะ?”
“ถูกต้อง ในการประเมินผลงานของตระกูลฉันอยากให้ทุกคนเห็นว่า ฉันหลินโร่สุ่ยไม่ได้ด้อยกว่าหลินโร่หลันเลย” ใบหน้าสะสวยของสุ่ยแสดงออกถึงท่าทีที่แข็งแกร่งออกมา
แต่ว่าสีหน้าที่เข้มแข็งนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
ความสิ้นหวังก็เข้ามาแทนที่ “แต่ว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบหลินโร่หลันเท่าไรนัก แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่าเธอเป็นคนที่สมบูรณ์แบบจริงๆ โดยเฉพาะด้านการงานแล้ว เธอเก่งกาจมากจริงๆ”
“ต่อให้ฉันพยายามอีกสักร้อยปี ก็ไม่มีทางเอาชนะเธอได้เลย”
“โดยเฉพาะเธอหาเพื่อนชายที่เก่งกาจได้คนหนึ่ง นั่นเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลหวาง ผู้นำของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่ของเมืองหลวงเลยทีเดียว”
ดวงตาของหลินหยุนส่องประกายแสงแวบออกมา “คนของตระกูลหวาง น่าจะเป็นหวางเหวินหย่วน”
เมื่อนึกถึงหวางเหวินหย่วนแล้ว ประกายแสงในดวงตาของหลินหยุนยิ่งสว่างจ้ามากขึ้น
หวางเหวินหย่วนเป็นญาติห่างๆของตระกูลหวาง นับว่าเป็นเชื้อสายหนึ่งในสายเลือดตระกูลหวาง ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหวางเช่นกัน
แต่ว่า คนคนนี้จิตใจความคิดลึกล้ำมาก มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทายาทคนรุ่นใหม่ของตระกูลหวางจำนวนมากมาย เป็นที่ยอมรับในแวดวงสังคมคนรุ่นใหม่ของตระกูลหวางอย่างดีเลยทีเดียว
อาจพูดได้ว่า คนคนนี้เป็นคนมีความสามารถมาก
เมื่อชาติที่แล้ว เพื่อนชายของหลินโร่หลัน ก็คือหวางเหวินหย่วนนั่นเอง
ตอนนั้น หลินโร่หลันยังจงใจพาหวางเหวินหย่วนมาร่วมงานวันตรุษจีนของตระกูลหลิน แล้วยังพูดจาดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนอย่างรุนแรง ต่อหน้าผู้คนของตระกูลหลินอีกด้วย
คำพูดที่บาดใจพวกนั้น ยังคงอยู่ในความทรงจำของหลินหยุนตราบจนถึงทุกวันนี้
หลินโร่สุ่ยโอดครวญต่อไปว่า “ถึงแม้เพื่อนชายของพี่สาวฉันเป็นแค่ญาติห่างๆของตระกูลหวางก็จริง แต่ได้ข่าวมาว่าเขามีความสามารถมาก อยู่ในลำดับต้นๆของคนรุ่นใหม่ตระกูลหวางเลยทีเดียว”
“ส่วนฉันตอนนี้ แม้แต่เพื่อนที่ดูเข้าท่าหน่อยก็ยังไม่มีเลย แล้วจะเอาอะไรไปแข่งกับพี่สาวล่ะ!”
“อย่าว่าแต่ผ่านการประเมินของตระกูลหลินเลย แม้แต่งานพิธีเปิดบริษัทหลังจากสามวันนี้ไป ก็ทำให้สะเทือนจิตใจฉันจนต้องแทรกแผ่นดินหนีเลย”
“ถึงเวลานั้นแล้ว บริษัทของพี่สาวก็จะมีแขกเหรื่อเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ส่วนทางฝ่ายฉัน เงียบเหงาวังเวง ได้แต่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ”
หลินหยุนพูดว่า “คุณก็ไม่ต้องไปจัดงานพิธีเปิดที่เดียวกับเธอก็ได้”
หลินโร่สุ่ยพูดว่า “ฉันเข้าใจความหมายของคุณ ไม่มีการเปรียบเทียบ ก็ไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น“
“แต่ว่า ทุกอย่างพ่อแม่ฉันได้จัดการเตรียมให้หมดแล้ว พวกเขาก็มีเจตนาที่จะให้ฉันกับพี่สาวจัดงานพิธีเปิดในสถานที่เดียวกัน เพื่อให้ฉันได้รับรู้ความแตกต่างระหว่างตัวเองกับพี่สาว”
หลินหยุนพูดอะไรไม่ออก ด้วยความเข้าใจนิสัยของคุณอาสามคนนี้แล้ว เรื่องแบบนี้ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถทำได้
เอาลูกสาวคนโตของตัวเอง มากระทบกระเทือนจิตใจลูกสาวคนเล็กของตัวเอง เพื่อกระตุ้นให้เสี่ยวสุ่ยเกิดความฮึดสู้ขึ้นมา
แต่ว่า เขากลับไม่รู้เลยว่า การใช้วิธีเช่นนี้ ทำให้เกิดบาดแผลรอยลึกในจิตใจของเด็กมากเพียงใด
นิสัยที่ชอบโดดเดี่ยวของหลินโร่สุ่ยนั้น สาเหตุส่วนใหญ่เกินครึ่งเป็นเพราะเกิดจากครอบครัวทั้งนั้น
เมื่อชาติที่แล้ว หลินหยุนไม่มีความสามารถอะไร เพียงแต่ได้ยินมาว่า หลินโร่หลันและหลินโร่สุ่ยสองสาวพี่น้อง หลังจากงานวิธีเปิดบริษัทแล้ว หลินโร่สุ่ยก็ร้องไห้กลับบ้านไป
หลังจากนั้น หลินโร่สุ่ยก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องสองวันเต็มๆ โดยไม่กินไม่ดื่มอะไรเลย
“คราวนี้ ในเมื่อให้ฉันได้มาพบเจอแล้ว ฉันจะต้องช่วยเหลือเสี่ยวสุ่ยให้ได้”
หลินหยุนแอบคิดอยู่ในใจ