สืบข่าว
หลินหว่านรู้สึกไม่สบายใจนัก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนัดทดสอบหน้ากล้องตั้งมากมายจึงยกเลิกกันไปหมด นั่นทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นใจมาก เธอจะยอมให้โอกาสพวกนี้หลุดลอยไปโดยไม่รู้สาเหตุไม่ได้
หลินหว่านมองดูอวิ๋นซีแล้วพูดว่า “ทำไมนัดทดสอบหน้ากล้องพวกนั้นถึงยกเลิกไปกันหมดล่ะ แล้วยังรายการวาไรตี้นั่นอีก ก่อนหน้านี้ฉันเตรียมตัวมาอย่างดีแท้ๆ จู่ๆ ก็ยกเลิกไป ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิดแน่”
อวิ๋นซีก็รู้สึกได้ว่าหลินหว่านโมโหมาก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะว่าอวิ๋นซีทำงานได้ไม่ดี เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมงานที่ติดต่อเข้ามาพวกนี้จึงยกเลิกไปในชั่วเวลาสั้นๆ แบบนี้ อวิ๋นซีในฐานะผู้จัดการของหลินหว่านยิ่งระวังเรื่องพวกนี้อย่างมาก แต่จู่ๆ ก็มาเกิดเรื่องมากมายแบบนี้ อวิ๋นซีก็หมดปัญญาจะแก้ไขเหมือนกัน
“หลินหว่าน เธออย่าเพิ่งร้อนใจไปนะ ฉันก็รู้สึกว่าเรื่องนี้คงมีอะไรมากกว่าที่พวกเราคิดกัน ดังนั้นขอเวลาพวกเราหน่อยนะ แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปเถอะ เนื่องจากตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญกับกระแสข่าวลือลูกใหญ่มาก จึงต้องระมัดระวังทุกการเคลื่อนไหว ถ้าหากเอเจนซี่ยังส่งงานมาให้น้อยอยู่อย่างนี้ต่อไป ฉันจะคิดหาวิธีเอง เธอยังไม่ต้องกังวลใจเกินไปนัก” อวิ๋นซีปลอบหลินหว่าน
อวิ๋นซีห่วงว่าตอนนี้หลินหว่านเพิ่งปรับสภาพจิตใจให้หลุดออกจากอารมณ์หนังเรื่องก่อนหน้านี้ จึงไม่อยากให้เธอสุขภาพจิตแย่ลงไปอีกด้วยเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรปัญหาทางจิตก็เป็นเรื่องน่ากลัวมาก
“อวิ๋นซี วางใจเถอะ ฉันจะไม่เศร้าไม่เหวี่ยงอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้กระแสข่าวฉันกำลังมาแรง แต่แหล่งที่มาของงานก็สำคัญมากนะ ถ้าไม่มีงานชิ้นใหม่เข้ามา ต่อให้ฉันดังเป็นพลุแตกในช่วงนี้ แต่พอเวลาผ่านไปก็จะกลายเป็นคนเก่าตกรุ่นของวงการ ดังนั้นต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” หลินหว่านพูดพลางขมวดคิ้ว รู้สึกขมฝาดอยู่ในใจจนพูดไม่ออก
ตอนเย็น หลินหว่านกลับถึงบ้านเซียวจิ่งสือกำลังรอเธออยู่ หลินหว่านเดินเข้ามาหาเขาอย่างหมดแรง
เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าสีหน้าหลินหว่านดูผิดปกติ จึงแตะดูหน้าผากเธอแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “วันนี้คุณเป็นอะไรไป ทำงานเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า”
หลินหว่านยิ่งอัดอั้นตันใจเข้าไปอีก นึกไม่ออกว่าตัวเองไปล่วงเกินใครเข้าจึงต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ งานถึงลดน้อยลงเหลือเพียงแค่นี้
หลินหว่านตอบด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “ไม่รู้ทำไมสิตอนนี้ จู่ๆ เอเจนซี่งานหลายแห่งพากันปฏิเสธไม่ให้งานฉัน นอกจากนี้ยังมีหลายรายการที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ก็ถูกยกเลิกด้วย ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่ ถ้าหากมีคนกลั่นแกล้งฉันจริงๆ พวกเราจะทำยังไงกันดี พวกที่อยู่เบื้องหลังวงการบันเทิงมีแต่พวกเขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น เราสู้เขาไม่ไหวหรอก”
เซียวจิ่งสือคิดไม่ถึงว่าตอนนี้หลินหว่านกำลังต้องเจอกับอุปสรรคเช่นนี้ เรื่องแบบนี้สำหรับเขากับหลินหว่านแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เนื่องจากคนที่สามารถบอกเลิกงานของหลินหว่านได้ย่อมต้องมีดีอะไรแน่
“ในเมื่อคุณก็บอกว่าสถานการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว ย่อมจะต้องมีคนบงการอยู่แน่ แต่พวกเราจะนั่งรอความตายอยู่ไม่ได้ ต้องหาดูว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง คุณก็ไม่ต้องกังวลใจมากไปล่ะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พวกเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะมัน อย่ามัวแต่ท้อแท้ใจ ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะต้องดีขึ้นได้แน่” เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านอย่างเห็นใจ
“อื้ม รู้แล้วค่ะ”
หลินหว่านตอบเสียงเบา แต่เธอมีแผนอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้หรอก ต้องเรียนรู้ที่จะโต้ตอบ ต้องหาคนที่อยู่เบื้องหลังนั่นออกมาให้ได้
วันรุ่งขึ้น หลินหว่านกับอวิ๋นซีเริ่มต้นการสืบสวนด้วยตัวเอง พวกเธอเรียบเรียงข่าวสารที่เข้ามาในระยะนี้ สอบถามคนบางคนในวงการบันเทิง จนในที่สุดเรื่องราวก็มีความคืบหน้า
“อวิ๋นซี ก่อนหน้านี้คนพวกนี้พากันแอบส่งสัญญาณบางอย่างเป็นการลับ ไม่พูดกันตรงๆ พวกเขาคงหวาดกลัวคนที่อยู่เบื้องหลังนั่นอย่างแน่นอน” หลินหว่านพูดออกมาตรงๆ
อวิ๋นซีเองก็ได้รับรู้จากปากผู้คนจำนวนมากว่ามีคนแอบหาเรื่องพวกเธอ แต่พวกเขาล้วนเป็นโรคเดียวกันหมดคือไม่ยอมบอกชื่อของคนคนนั้น คอยแต่ส่งสัญญาณบางอย่างมาให้รู้เสมอ
หลินหว่านคิดว่าบางทีพวกที่คอยแอบส่งสัญญาณบอกเธอน่าจะเป็นคนดี เพียงแต่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
“หลินหว่าน เหมือนพวกเราสืบเรื่องนี้กัน จากข้อมูลพวกนี้ที่ได้มาเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ” อวิ๋นซีถามหลินหว่าน
“วันนี้พวกเราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากจริงๆ ดูจากสุ้มเสียงของคนพวกนี้แล้ว ฉันว่าเฉิงเฉิงกำลังตั้งป้อมหาเรื่องฉันอยู่ แต่ฉันไม่รู้สาเหตุนี่สิ ฉันไม่รู้ว่าจะไปหาเขาเพื่อคลี่คลายเรื่องนี้ได้ยังไง แต่ถึงอย่างไรปัญหาต้องได้รับการแก้ไข เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของฉันกับเฉิงเฉิงยังพอไปได้อยู่ งั้นพรุ่งนี้ฉันลองไปหาเขาดูก็แล้วกัน” หลินหว่านเก็บข้าวของพลางพูดขึ้น
หลินหว่านคิดยังไงก็ไม่อาจเข้าใจได้ ตอนนี้เธอมีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมด
หนึ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้ก็คือเฉิงเฉิง ดังนั้นหลินหว่านตัดสินใจไปหาเฉิงเฉิง
หลินหว่านนัดเฉิงเฉิงมาที่ร้านกาแฟ ทั้งสองนัดพบกันตอนบ่ายวันนี้ เฉิงเฉิงยังไม่รู้ว่าหลินหว่านนัดเขาด้วยเรื่องอะไร เขายังเข้าใจว่าเป็นการนัดพบกันของเพื่อนเท่านั้นเอง
หลินหว่านมาถึงร้านกาแฟก่อนเวลา เธอรอการมาถึงของเฉิงเฉิง ผ่านไปอีกชั่วครู่เฉิงเฉิงก็มาถึง
เฉิงเฉิงยิ้มกับหลินหว่านพูดว่า “หลินหว่าน คนที่งานยุ่งมากอย่างคุณ วันนี้นึกอย่างไรถึงมีเวลานัดผมออกมาดื่มกาแฟได้ล่ะ งานยังโอเคไหม ตอนนี้ผมว่างมากเลย ช่วงนี้คุณฮอตขนาดนี้ ต้องมีหนังให้แสดงเยอะแน่ๆ เลยสิ คุณทั้งใจดีและตั้งใจทำงานขนาดนี้ น่าจะมีเพื่อนๆ เยอะเลยล่ะซิ”
จู่ๆ หลินหว่านก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา เธอมีธุระจึงนัดเฉิงเฉิงออกมา แต่เฉิงเฉิงกลับเข้าใจว่าเธอเรียกเขามาเพราะต้องการพบหน้าเขา
หลินหว่านคิดดูแล้วไม่กล้าถามเรื่องนี้กับเฉิงเฉิงตรงๆ ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ทั้งสองรู้สึกแปลกแยก ถึงกับอาจเสียความรู้สึกกันไปเลย ทั้งความรู้สึกของเธอกับเฉิงเฉิง และเฉิงเฉิงกับพ่อของเขาด้วย
“ไม่หรอก คุณก็อย่าพูดแบบนี้เลย อย่างฉันตอนนี้ไม่เรียกว่ามาแรงหรอก บางทีผ่านไปสักระยะหนึ่งอาจจะกลายเป็นศิลปินเก่าค้างปีของวงการบันเทิงก็ได้ เพราะว่าไม่รู้ทำไมเอเจนซี่ถึงส่งงานมาให้น้อยมากเลย ตอนนี้ฉันเลยมีเวลาว่างมากไงล่ะ” หลินหว่านพูดจบก็แอบมองสำรวจท่าทีของเฉิงเฉิง
สายตาของหลินหว่านคอยแอบมองเฉิงเฉิง เธอไม่รู้ว่าเฉิงเฉิงมีส่วนร่วมกับพ่อของเขาทำเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า จึงรอฟังคำพูดต่อไปของเขาอย่างจดจ่อ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ระยะนี้คุณกำลังเป็นที่สนใจในวงการไม่ใช่เหรอ นั่นต้องมีพวกเอเจนซี่จำนวนมากวิ่งมาหาคุณอย่างแน่นอน ทำไมถึงไม่มีงานล่ะ หรือว่าคุณถ่อมตัวเกินไป จึงไม่ยอมบอกผม” เฉิงเฉิงยิ้มพลางพูดขึ้น
“ถ้าไม่เพราะ…” หลินหว่านไม่พูดต่อ
หลินหว่านสังเกตดูอาการของเฉิงเฉิง ท่าทางเขาไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำ หลินหว่านฟันธงว่าเรื่องนี้เขาไม่รู้เรื่องด้วยแน่นอน เธอเห็นว่าจะดึงเฉิงเฉิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เฉิงหมิงทำกับเธอไว้ไม่ได้ หลินหว่านคิดพลางพูดคุยกับเฉิงเฉิงด้วยจิตใจที่กลับเป็นปกติ