จู่ๆทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เงียบทันที
สีหน้าของทุกคนทั้งอึ้งและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
รวมทั้งผู้ตัดสินที่อยู่ด้านบนและป่ายหลี่เถ่ด้วย
ผ่านไปสักพัก ป่ายหลี่เถ่ได้สติคืนมาและมองไปที่หลินหยุน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม:”คุณอยากท้าประลองฉันเหรอ?”
หลินหยุนพยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ
จู่ๆ ทุกคนที่อยู่ข้างล่างก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่าๆๆ เด็กหนุ่มคนนี้ นึกว่าตัวเองผ่านสามด่านได้ และได้รับคำชื่นชมจากเจ้าสำนักยาตันเพียงไม่กี่คำ ก็รู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจ เป็นคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!”
“เขากล้ามากที่กล้าท้าประลองกับเจ้าสำนักยาตัน!”
“เด็กหนุ่ม คุณรู้หรือเปล่า เจ้าสำนักยาตันคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกกลั่นยา!”
“คุณอยากจะท้าประลองกับเขา กลับไปฝึกอีกหนึ่งร้อยปีก่อน!”
ผู้ตัดสินที่อยู่ด้านบนก็หัวเราะออกมาทันที
“เด็กหนุ่มคนนี้ เหมือนลูกวัวที่พึ่งเกิดและไม่เกรงกลัวเสือเลย! เขาไม่รู้จักประมาณตนและยังกล้าไปท้าประลองกับป่ายหลี่เถ่!”
“ถ้าผ่านไปสามสิบปี บางทีเขาอาจจะมีโอกาสเอาชนะป่ายหลี่เถ่ได้ แต่ตอนนี้เขายังหนุ่มเกินไป”
ผู้ตัดสินแซ่กู่มีสีหน้าที่เคร่งขรึม:”ใช่ คนที่ไม่เกรงกลัวอำนาจและยังกล้าท้าประลองกับเจ้าสำนักยาตัน เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“แต่เขาใจร้อนมากเกินไป ถ้าทำแบบนี้จะทำให้ป่ายหลี่เถ่ไม่พอใจเขามากๆ จากนั้นป่ายหลี่เถ่ก็จะหาวิธีกำจัดเขาทิ้ง!”
จู่ๆผู้ตัดสินแซ่กู่ก็ลุกขึ้นมา เดินไปที่ด้านหลังของป่ายหลี่เถ่ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม:”เด็กหนุ่มอย่างสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย!”
“เจ้าสำนักป่ายหลี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง คุณคงไม่ถือสากับคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นใช่ไหม”
“ท้าประลองคู่ต่อสู้ที่คุณคิดว่าจะเอาชนะเขาได้ อย่าคิดแต่ทำเรื่องที่สร้างชื่อให้ตัวเองอย่างเดียว”
ผู้ตัดสินแซ่กู่ต้องการปกป้องหลินหยุน เขาก็หวังว่าป่ายหลี่เถ่จะไม่โกรธและเกลียดหลินหยุน
แต่เขากลับไม่รู้พลังที่แท้จริงของหลินหยุน
“ไม่จำเป็น ฉันมาที่นี่ ก็เพื่อท้าประลองกับเขา”
“ใช่แล้ว ฉันมาในฐานะตัวแทนของหุบเขาเทพยา”
“ฉันจะเอาบันทึกเตากลั่นยาไปคืนให้กับหุบเขาเทพยา”
หลินหยุนพูดฐานะที่แท้จริงและจุดประสงค์ของตัวเองออกมาทันที
โม่จือมิ่งตกใจมากๆ เขาอยากจะหยุดหลินหยุนไว้ แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
เขาทำได้แค่แอบกังวลใจ:”แย่แล้ว ปรมาจารย์หลินได้พูดฐานะและจุดประสงค์ทั้งหมดออกมา ป่ายหลี่เถ่ต้องระแวดระวังตัวมากขึ้นแน่นอน”
“ตอนนี้ ถ้าต้องการเอาบันทึกเตากลั่นยาคืนมา คงเป็นเรื่องยากมากๆอย่างแน่นอน!”
อันที่จริงหลินหยุนก็เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินว่าหลินหยุนเป็นตัวแทนของหุบเขาเทพยา สีหน้าของผู้ตัดสินเหล่านั้นก็เปลี่ยนไปทันที
“เขาเป็นคนของหุบเขาเทพยา!”
“เป็นไปได้ยังไง! หุบเขาเทพยามีอัจฉริยะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าท้าประลองป่ายหลี่เถ่ เขาเป็นคนของหุบเขาเทพยานี่เอง เรื่องนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว”
สำหรับความแค้นระหว่างหุบเขาเทพยากับสำนักยาตันนั้น ผู้อาวุโสจำนวนมากของโลกกลั่นยาเคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน
ถึงแม้สำนักยาตันจะใช้แผนชั่วและทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ แต่สำนักยาตันก็คือตัวแทนของโลกบู๊โบราณ ดังนั้นสำนักอื่นๆก็ไม่กล้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับการกระทำของสำนักยาตัน
และในยุคสมัยนี้ เป็นยุคของผู้ชนะเป็นเจ้า ส่วนผู้แพ้เป็นโจร ผู้ชนะก็คือผู้ชนะ ไม่ว่าจะใช้แผนการสกปรกอะไรก็ตาม
ผู้ตัดสินแซ่กู่ก็อึ้งเหมือนกัน:”คุณเป็นคนของหุบเขาเทพยาจริงๆเหรอ!”
“น่าเสียดายจริงๆ!”
ผู้ตัดสินแซ่กู่รู้สึกเสียดาย สุดยอดอัจฉริยะคนนี้กลับเป็นคนของหุบเขาเทพยา
หุบเขาเทพยาคือผู้ทรยศในสายตาของสำนักกลั่นยาต่างๆในโลกบู๊โบราณ
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะไม่มีความแค้นกันแล้ว แต่สำนักกลั่นยาของโลกบู๊โบราณต่างก็ดูถูกเหยียดหยามหุบเขาเทพยา และยังรักษาระยะห่างจากหุบเขาเทพยาด้วย
ถึงแม้ผู้ตัดสินแซ่กู่จะชอบหลินหยุนมากๆ แต่เขาก็ไม่กล้ารับหลินหยุนเป็นลูกศิษย์และเป็นศัตรูกับทุกสำนักกลั่นยาของโลกบู๊โบราณ
ป่ายหลี่เถ่มองหน้าหลินหยุน จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา
“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณก็คือตัวแทนของหุบเขาเทพยา มาที่นี่เพื่อแก้แค้นใช่ไหม?”
หลินหยุนพูดเบาๆ:”คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้”
ป่ายหลี่เถ่หัวเราะออกมา:”เดิมทีฉันคิดว่า คุณจะเป็นความหวังในอนาคตของโลกกลั่นยา แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะเป็นลูกศิษย์ของพวกทรยศอย่างหุบเขาเทพยา!”
“แต่คุณคิดจะมาท้าประลองกับฉัน คุณยังไม่มีคุณสมบัติพอ”
หลินหยุนพูดเบาๆ:”ฉันไม่มีคุณสมบัติพอ หรือคุณไม่กล้าประลองกันแน่?”
ป่ายหลี่เถ่หัวเราะออกมา:”เด็กหนุ่ม คุณกล้าใช้แผนยั่วยุฉันเหรอ คุณคิดว่าฉันจะติดกับคุณเหรอ?”
“คุณยังไม่มีคุณสมบัติพอที่ฉันจะลงมือด้วยตัวเอง”
“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมลงมือด้วยตัวเองละ?”หลินหยุนถามกลับทันที
ป่ายหลี่เถ่หัวเราะอย่างเย็นชา:”เรื่องนี้ง่ายมากๆ ถ้าคุณสามารถเอาชนะลูกศิษย์ของฉันได้ คุณจะมีคุณสมบัติพอที่จะมาท้าประลองกับฉัน”
“ได้ ถ้าฉันเอาชนะลูกศิษย์ของคุณได้ พวกเราสองคนประลองกันและเดิมพันด้วยบันทึกเตากลั่นยา”หลินหยุนพูด
ป่ายหลี่เถ่หัวเราะอย่างเย็นชา:”รอคุณเอาชนะลูกศิษย์ของฉันให้ได้ก่อนแล้วพวกเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้!”
โม่จือมิ่งขมวดคิ้วทันที คนคนนี้เจ้าเล่ห์มากๆ เขาพูดจาปลิ้นปล้อนมากๆ ไม่เหลือช่องโหว่ให้คนอื่นโจมตี
โม่จือมิ่งคิดว่าถึงแม้หลินหยุนสามารถเอาชนะลูกศิษย์ของสำนักยาตันได้ ป่ายหลี่เถ่ก็อาจจะไม่ยอมประลองกับหลินหยุนก็ได้
“หึ เด็กหนุ่ม คนอย่างคุณยังอยากจะมาท้าประลองกับพ่อของฉัน ไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อน ว่าตัวเองคู่ควรไหม?”
หลังจากพูดจบ ป่ายหลี่หลงเซิ่งไม่สนใจซูม่านม่านที่พยายามหยุดเขาไว้ เขากระโดดขึ้นไปบนเวที และมองหน้าหลินหยุนด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
“อย่าท้าประลองกับพ่อของฉัน เอาชนะฉันให้ได้ก่อน!”ป่ายหลี่หลงเซิ่งพูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
ป่ายหลี่เถ่ขมวดคิ้วทันที เพราะความสามารถของลูกชายตัวเอง เขารู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ควรให้ป่ายหลี่หลงเซิ่งลงมาจากบนเวที ถึงแม้ป่ายหลี่หลงเซิ่งจะพ่ายแพ้ แต่อย่างน้อยก็สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้บ้าง
ดีกว่ายอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้ประลอง
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ป่ายหลี่เถ่ก็ไม่ได้เอ่ยปากหยุดการกระทำของป่ายหลี่หลงเซิ่ง
หลินหยุนไม่อยากสนใจป่ายหลี่หลงเซิ่งเลย เขามองไปที่ป่ายหลี่เถ่และถามว่า:”ถ้าฉันเอาชนะเขาได้ คุณจะรับคำท้าประลองของฉันใช่ไหม?”
ป่ายหลี่เถ่ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่หลินหยุน เขายังคงพูดเหมือนเดิม:”เอาชนะเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน!”
หลินหยุนกระโดดเบาๆขึ้นไปยังเวทีทันที
“งั้นก็เริ่มได้เลย!”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ:”เด็กหนุ่ม อย่าโอหังมากเกินไป วันนี้ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าพวกเราห่างกันมากแค่ไหน!”
“หาผู้ตัดสินมาคนหนึ่ง ฉันจะประลองกับเขาด้วยความยุติธรรม!”ป่ายหลี่หลงเซิ่งดีใจมากๆที่ตัวเองมีโอกาสสร้างชื่อเสียง
ผู้ตัดสินหลายๆคนขมวดคิ้วทันที คุณชายของตระกูลป่ายหลี่คนนี้ เป็นคนที่หยิ่งยโสจริงๆ พูดกับผู้ตัดสินเหมือนพูดกับลูกน้องตัวเอง
มีผู้ตัดสินไว้หนวดเคราคนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาและไม่พอใจ
“ฉันจะเป็นผู้ตัดสินให้เอง!”
“พวกคุณจะประลองอะไร?”ผู้ตัดสินคนนั้นถาม
ป่ายหลี่หลงเซิ่งพูด:”ให้เขาเป็นคนเลือก ฉันกลัวว่าเขาจะแพ้แล้วไม่ยอมรับ!”
หลินหยุนพูดเบาๆ:”ไม่จำเป็น ใช้สิ่งที่คุณถนัดที่สุดมาประลองกับฉันได้เลย!”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์:”ฮ่าๆๆ คุณเป็นคนพูดเองนะ ทุกคนก็ได้ยินเหมือนกันใช่ไหม ถ้าเดี๋ยวคุณพ่ายแพ้ ก็อย่าหาว่าฉันรังแกคุณละกัน!”
“งั้นพวกเราก็ประลองกลั่นยาเชิญปราณ!”
เมื่อป่ายหลี่หลงเซิ่งพูดจบ ทำให้เกิดเสียงสนทนาและความปั่นป่วนขึ้นมาทันที
“ยาเชิญปราณคือโอสถระดับสอง คุณชายป่ายหลี่สามารถกลั่นยาเชิญปราณได้แล้วเหรอ?”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักยาตัน อายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถกลั่นโอสถระดับสองได้แล้ว”
“ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งเป็นคนโง่ที่ไม่มีความสามารถ และใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ตัวเองเป็นลูกชายของเจ้าสำนัก ดูเหมือนฉันมองเขาผิดไป! เขาเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ”
ยาเชิญปราณเป็นโอสถระดับสองในโลกกลั่นยา และในโลกกลั่นยาโอสถที่สูงที่สุดก็คือโอสถระดับห้า
โดยนักกลั่นยาส่วนใหญ่นั้นสามารถกลั่นโอสถระดับหนึ่งได้เท่านั้น
คนที่สามารถกลั่นโอสถระดับสองได้ สามารถเรียกว่านักกลั่นยาระดับสูง
คนอย่างโม่จือมิ่งก็สามารถกลั่นโอสถระดับสามได้เท่านั้น ถ้าตอนกลั่นยาโชคดี อาจจะสามารถกลั่นโอสถระดับสี่ได้
แต่การกลั่นโอสถระดับสี่ โอกาสสำเร็จมีเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สำหรับเปอร์เซ็นต์ที่กลั่นยาสำเร็จนี้ถือว่าสูงมากๆแล้ว
สำหรับโอสถระดับห้าที่อยู่ในตำนานนั้น เคยมีคนกลั่นสำเร็จตอนที่โลกกลั่นยาอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด