เมื่อเสียงพูดของหงซานเหอดังขึ้น แต่หลินหยุนได้ลงมือไปแล้ว
ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร หลินหยุนใช้นิ้วโจมตีไปที่หงซิงกั๋วที่อยู่ด้านหลังของหงซิงกั๋วทันที
ฉึก!
หว่างคิ้วของหงซิงกั๋วกลายเป็นหลุมและมีเลือดไหลออกมา เขาค่อยๆล้มลมกับพื้นและเสียชีวิตไปแล้ว
“ฉันฆ่าเขาแล้ว พวกคุณตระกูลจ้าวจะทำอะไรฉันเหรอ?”หลินหยุนมองไปที่จ้าวโม่เย้นและพูดเบาๆ
คำพูดของหลินหยุน เหมือนเพลงปลุกความกล้าหาญของทหาร และมันก็ดังก้องไปทั่วยอดเขา
“ฉันฆ่าเขาแล้ว พวกคุณตระกูลจ้าว จะทำอะไรฉันได้……พวกคุณตระกูลจ้าว จะทำอะไรฉันได้……จะทำอะไรฉันได้……”
ลมเย็นพัดผ่าน บนยอดเขากลับเงียบสงัด
สีหน้าของจ้าวโม่เย้นดูแย่และเคร่งขรึมมากๆ ในสายตาของเขาก็แสดงความหวาดกลัวออกมาด้วย
การโจมตีด้วยนิ้วมือเมื่อสักครู่ พลังได้ผ่านใบหน้าของเขา ด้วยพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกเจ็บปวด
ถ้าการโจมตีด้วยนิ้วเมื่อสักครู่ เอียงสักหนึ่งเซนติเมตร คนที่นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น อาจจะไม่ใช่หงซิงกั๋ว แต่อาจจะเป็นเขาก็ได้
จ้าวโม่เย้นเข้าใจดี นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการเตือนจากหลินหยุน
หลินหยุนอยากจะบอกให้เขาทราบ ถ้าตระกูลจ้าวยังกล้าเข้ามาหาเรื่องอีก เขาก็คงจะฆ่าคนของตระกูลจ้าวอย่างแน่นอน
จ้าวโม่เย้นไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะเขารู้ตัวดี ถึงแม้ตระกูลจ้าวจะมีอำนาจและแข็งแกร่ง นั่นเป็นเพราะพวกเขามีหนึ่งในสี่ค่ายใหญ่ของโลกบู๊ค่อยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
และตระกูลจ้าวในโลกชาวจีนนั้น แม้แต่เจียงไท้ส่วยก็สามารถฆ่าล้างได้อย่างง่ายดาย
ถ้าหลินหยุนเป็นคนที่ทำอะไรตามอำเภอใจและไม่เกรงใจอะไรละก็ เขาคงฆ่าล้างตระกูลจ้าวไปแล้ว
บางทีหลินหยุนอาจจะเกรงกลัวคนที่อยู่เบื้องหลังของเขา แต่จ้าวโม่เย้นไม่กล้าเอาคนของตระกูลจ้าวไปเดิมพัน
ถ้าเขาเดิมพันแพ้ ตระกูลจ้าวก็คงโดนฆ่าล้างทั้งตระกูล
จ้าวโม่เย้นไม่กล้าพูดอะไรอีก สายตาของหลินหยุนค่อยๆมองไปที่ทุกคน
มีคนของกองทัพ มีคนของสี่ตระกูลใหญ่ และมีนักบู๊ที่มาดูเหตุการณ์ด้วย
คนพวกนี้ถูกสายตาของหลินหยุนจ้องมอง แต่หลินหยุนไม่ได้เอามองพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
เพราะในสายตาของหลินหยุนมีเพียงจักรวาลอันยิ่งใหญ่เท่านั้น
“ถึงแม้มีคนนับพันนับหมื่นมาขวางทางฉัน ถ้าฉันอยากจะฆ่า ก็ฆ่าได้”
หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่คำพูดของเขากลับไม่ธรรมดา
ไม่มีใครกล้าสงสัยคำพูดของเขาเลย
เพราะหงซิงกั๋วเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้ว
คนของกองทัพเหมือนคนใบ้ที่ไม่กล้าพูด
คนของสี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน
สายตาของนักบู๊เหล่านั้นที่มองหลินหยุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
องค์หญิงตระกูลจ้าวหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอรู้สึกขายขี้หน้ามากๆ เมื่อสักครู่เธอเตือนหลินหยุนต่อหน้าทุกคน ห้ามหลินหยุนฆ่าคนของตระกูลจ้าว
แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา หลินหยุนก็กระทำเรื่องที่ตบหน้าเธอมากๆ
ถึงแม้หลินหยุนจะพูดไม่มาก แต่ทุกคำพูดของเขานั้น เหมือนรองเท้าขาดๆที่ตบหน้าอันสวยๆของเธอตลอดเวลา
สองพี่น้องอย่างหวางเซิ่งเฉียนกับหวางเจ๋อก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
แต่สายตาของหวางเซิ่งเฉียนกลับแน่วแน่มากขึ้น
จู่ๆคาร์นอตวิลเลียมก็ยกนิ้วโป้งให้กับหลินหยุนและตะโกนพูด:”ทำได้ยอดเยี่ยมมาก!”
“ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายภาษาจีนของพวกคุณมากเท่าไหร่ แต่ฉันรู้สึกมันเจ๋งมากๆ!”
หงซานเหอที่กำลังเดินเข้ามา เขาหยุดเดินทันที
“เห้อ ไอ้เด็กหนุ่มนี่ ทำอะไรก็ไม่เหลือทางรอดสุดท้ายให้คนอื่นบ้าง!”
หงซานเหอกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
สายตาของหลินหยุนมองไปที่จ้าวโม่เย้นด้วยความเย็นชา และถามเบาๆว่า:”ตระกูลจ้าวของพวกคุณ ยังจะเปิดศึกกับฉันอีกไหม?”
สายตาของทุกคน ต่างมองไปที่จ้าวโม่เย้นและรอคำตอบจากเขา
ตระกูลจ้าวเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ และคนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเบื้องหลังของสี่ตระกูลใหญ่มีคนค่อยให้ความช่วยเหลือ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใครคือคนที่คอยช่วยสี่ตระกูลใหญ่อยู่เบื้องหลังกันแน่
ดังนั้น คนส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่าจะสามารถรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังสี่ตระกูลใหญ่คือใครกันแน่
ถ้าจ้าวโม่เย้นเปิดศึกสงครามกับปรมาจารย์หลิน จ้าวโม่เย้นก็ต้องของความช่วยเหลือจากคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
และเจียงไท้ส่วยได้เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้คงมีแค่คนของสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับปรมาจารย์หลินได้
จ้าวโม่เย้นรู้สึกลังเลมากๆ และสีหน้าของเขาก็ดูแย่มากๆด้วย
เขาอยากจะพูดมากๆว่า ถ้าคุณอยากจะเปิดสงคราม พวกเราก็เปิดสงครามเลย
แต่คำพูดนี้ติดอยู่ในลำคอของเขามานานแล้ว แต่สุดท้าย จ้าวโม่เย้นก็ไม่กล้าพูดมันออกมา
ตระกูลจ้าวอยู่ในโลกชาวจีน เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ผู้ทรงอำนาจ เขาในฐานะผู้นำตระกูลจ้าว ไม่เพียงเป็นหนึ่งในผู้นำของชาวจีน เขายังเป็นคนที่มีอำนาจมากๆอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จ้าวโม่เย้นรู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าดูจากภายนอกเขาดูมีอำนาจมากๆ อันที่จริงพวกเขาก็เป็นแค่ตัวแทนในโลกชาวจีนของสี่ค่ายใหญ่เท่านั้น
จะเปิดศึกหรือไม่ เขาตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องถามคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาก่อน
ผ่านไปนานมาก จ้าวโม่เย้นก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
สีหน้าของหลินหยุนนิ่งสงบมากๆ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
เขาไม่สนใจจ้าวโม่เย้นอีก หลินหยุนหันหลังและมองไปที่คาร์นอตวิลเลียมที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชาและพูดเบาๆ:”กลับไปกันเถอะ!”
“ได้!”คาร์นอตวิลเลียมยักคิ้วให้กับจ้าวโม่เย้นและแสดงสีหน้าดูถูกออกมา
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนกับคาร์นอตวิลเลียมกำลังจะจากไป ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าเดินไปขวางทางพวกเขาอีก
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองดูการจากไปของหลินหยุน
จ้าวม่านหรูมองเห็นหลินหยุนกำลังเดินมาที่เธอ องค์หญิงที่เคยหยิ่งยโส ตอนนี้เธอหน้าแดงมากๆ เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามากๆ
แม้แต่คุณพ่อของเธอก็ยังไม่กล้าเปิดศึกกับหลินหยุน เธอก็ยังไม่กล้าพูดเรื่องนั้นอีก
ตอนที่หลินหยุนเดินผ่านเธอไป แต่หลินหยุนไม่ได้มองเธอเลย ราวกับว่าความงดงามบนใบหน้าของเธอนั้นเหมือนดอกไม้ริมทาง ตอนนี้ให้ความสนใจ อาจจะเห็นดอกไม้ริมทางที่ดูสวยงาม แต่ถ้าตอนที่ไม่สนใจ มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ตอนที่คาร์นอตวิลเลียมเดินผ่านเธอนั้น เขาก็ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ และเขายังทำท่าทางดูดเลือดด้วย
หลินหยุนรู้ว่าเขาชอบผู้หญิงสวยๆและเขาก็หิวผู้หญิงแล้ว
จ้าวโม่เย้นยืนอยู่ข้างๆศพของหงซิงกั๋ว เขามองดูร่างกายของหลินหยุนหายไปจากถนนอย่างเงียบๆ
จ้าวโม่เย้นยืนอยู่และปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านร่างกายของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเงยหน้าและถอนหายใจ:”เฮ้อ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชาวจีนคงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!”
“พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
เจียงร่อโจ๋มองสองศพที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บางทีวันนี้เขาไม่ควรมาจริงๆ
หงซานเหอมองหน้าจ้าวโม่เย้นหนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็เดินลงจากเขาไปทันที
หวางจิงหลงมองจ้าวโม่เย้นอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาหันหลังและพูดกับคนของตระกูลหวาง:”กลับไปกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็พาคนของตระกูลหวางจากไปทันที
หลิวเทียนเฉิงกับจางฉางเกิงก็พาคนของตระกูลตัวเองจากไปเหมือนกัน
นักบู๊เหล่านั้นก็จากไปเหมือนกัน แต่ในจิตใจของพวกเขา กลับมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น
นั่นก็คือ วิชาการบำเพ็ญเซียน
สุดท้ายแล้ว บนยอดเขาก็เหลือแค่คนของตระกูลจ้าว
สีหน้าของจ้าวโม่เย้นดูแย่มากๆ เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำและเดินลงจากภูเขาทันที
คนของตระกูลจ้าวก็เดินตามหลังเขาทันที
พวกเขารู้ตัวดี หลังจากนี้ ตระกูลจ้าวอาจจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
หลินหยุนกับคาร์นอตวิลเลียมกลับไปที่เจียงหนาน
คาร์นอตวิลเลียมเล่าเหตุการณ์การต่อสู้ทั้งหมดของวันนี้โดยใช้เทคนิคของกวียุคกลางของโลกตะวันตกให้อีหลิงฟัง
เหตุการณ์ต่อสู้ที่เกิดขึ้นถูกคาร์นอตวิลเลียมเล่าออกมาด้วยความอันตรายและน่ากลัวมากๆ
อีหลิงฟังเหตุการณ์ต่อสู้ที่เกิดขึ้นและอุทานด้วยความตกใจตลอดเวลา หลังจากฟังจบ เธอรู้สึกซาบซึ้งในตัวหลินหยุนมากๆ
“พี่หลินหยุน ขอบคุณมากๆที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน!”
หลินหยุนหัวเราะเบาๆ:”เธอเป็นน้องสาวของฉัน พวกเขารังแกเธอ ก็เท่ากับรังแกฉัน”
อีหลิงหัวเราะออกมา อันที่จริงเธอควรมีความสุขที่หลินหยุนมองว่าเธอเป็นน้องสาว
เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะแน่นแฟ้นมากขึ้น
แต่รอยยิ้มของเธอกลับแฝงความรู้สึกเสียใจอยู่ แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองต้องเสียใจด้วย
สำหรับอีหยุ่น เธอรู้เหตุการณ์ที่ต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
อีหยุ่นเข้าใจดี เธอยังคงมองหลินหยุนต่ำไป
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็ให้ความเคารพกับหลินหยุนมากขึ้น