โคโมโดหันหน้าไปมองคนผู้นั้นอย่างเจ็บปวด และรีบตะโกนเรียกอย่างเคารพ: ราชา ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!
ราชา ช่วยฉันด้วย! โคโมโดกล่าวอ้อนวอนขึ้นอย่างเจ็บปวดทรมาน
ราชาองครักษ์ลับไม่ได้สนใจเขา โดยที่สายตามองไปที่หลินหยุนอย่างสงบนิ่ง
ออกไปจากรัสเซีย แล้วจะไว้ชีวิตของนาย!
น้ำเสียงของเขาเฉยชา เหมือนกับเสียงที่ดังออกมาจากเครื่องกล ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์
หลินหยุนเองก็มองไปที่เขาด้วยสีหน้าท่าทางที่เฉยเมยเช่นกัน
‘ฉวับ’ ดาบเฮ่าเทียนมีเสียงดังขึ้น และหลุดออกมาจากร่างของโคโมโด
โคโมโดร้องโอดครวญเสียงดัง และคุกเข่าลงไปที่พื้น
จากนั้น หลินหยุนถือดาบเฮ่าเทียน แล้วชี้ไปยังราชาองครักษ์ลับ: แสดงให้ฉันดูหน่อยสิว่า นายมีคุณสมบัติอะไรถึงได้กล้าพูดแบบนี้
เมื่อพูดจบ เงาร่างของราชาองครักษ์ลับก็หายวับไปในทันที
หลินหยุนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
พบว่า เดิมทีท้องฟ้าที่สว่างจ้า กลับกลายเป็นมืดมิดขึ้นโดยพลัน
ม่านมืดขนาดใหญ่ บดบังแสงอาทิตย์ ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า
จากนั้น ฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่ ก็ตบลงมาในทันที
โคโมโดท่าทางยำเกรง และพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า: ตรามือโลหิต!
ราชา ท่านให้เกียรติไอ้หนุ่มนี้เกินไปแล้ว เริ่มต้นก็ใช้ท่าไม้ตายเลย!
หลินหยุนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เวลานี้เขาเหมือนกับเรือที่โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางพายุลมฝน สามารถประสบกับอันตรายจนพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ
นึกไม่ถึงว่าคือเผ่าโลหิต!
หากรู้ล่วงหน้าจะได้ให้คาร์นอตวิลเลียมมาด้วยแล้ว
แต่ว่า พลังความสามารถของเขานั้นเหนือกว่าคาร์นอตวิลเลียมมาก ดูเหมือนว่าคงจะดำรงชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน
น่าเสียดายที่ วันนี้นับว่าเป็นวันสิ้นสุดชีวิตของนายแล้ว!
เห็นฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่พุ่งลงมา หลินหยุนไม่ได้ร้อนรนอะไร โดยใช้ดาบเฮ่าเทียนชี้ไปยังฝ่ามือโลหิตที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้านั้น
ภาพเหตุการณ์นี้น่าสะเทือนใจหวั่นไหวยิ่งนัก
เหมือนกับว่าท้องฟ้าถล่มลงมาแล้ว มีนักรบผู้กล้าที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ใช้พลังความสามารถของตน หนึ่งคนกับหนึ่งกระบี่ ค้ำยันท้องฟ้าผืนนี้เอาไว้
หลินหยุนที่อยู่เบื้องหน้าของฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่ มีขนาดเล็กนิดเดียวราวกับมด
ดาบเฮ่าเทียนในมือของเขานั้น ก็เหมือนกับหนวดของมดที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นแต่ว่า หนวดของมดที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นนั้น กลับต้านทานรองรับฝ่ามือโลหิตเอาไว้ได้ ไม่ปล่อยให้กล้ำกรายเข้ามาได้อีกแม้แต่น้อย
ม่านยักษ์มืดมิดกลางอากาศมีเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้น
ทันใดนั้น ชี่ทิพย์จากฟ้าดินก็พลิกม้วนตัว ราวกับน้ำที่กำลังเดือด พุ่งตรงเข้าไปที่ฝ่ามือโลหิตนั้นได้รับพลังใหม่เข้ามาเสริม ตรามือโลหิตก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
ดาบเฮ่าเทียนเหมือนกับว่าจะต้านทานเอาไว้ไม่ไหวแล้ว จึงค่อย ๆ ลดตัวลงมา
เห็นว่าฝ่ามือโลหิตยิ่งเข้าใกล้หลินหยุนมากขึ้น โดยที่อยู่ห่างจากศีรษะของหลินหยุนไม่ถึงห้าเมตรแล้ว
ถ้าหากฝ่ามือโลหิตนั้นตบลงมา คงจะราวกับทั่วทั้งนภา หล่นทับลงมาที่ตัวของหลินหยุน
นั่นคงมีน้ำหนักที่มากเป็นหมื่นเป็นพันกิโลกรัมเลยทีเดียว!
แต่ ก็ไม่เห็นว่าหลินหยุนจะลงมือทำอะไร อยู่ดี ๆ ดาบเฮ่าเทียนก็เปล่งแสงอันโชติช่วงขึ้น
ลำแสงสีแดงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นั่นคือพลังที่ปล่อยออกมาจากตัวของดาบเฮ่าเทียน นั่นคือชี่กระบี่ที่รวบรวมกฎเกณฑ์ต้าเต๋าเอาไว้
ตูม!
เหมือนกับว่าม่านกั้นได้ถูกทำลายลง ทั้งชั้นฟ้าชั้นดินล้วนสั่นสะเทือนเลือนลั่น
ลำแสงสีแดงนั้นทะลุทะลวงกลางฝ่ามือโลหิต โดยที่พลังอานุภาพไม่ลดลง และยังได้พุ่งทะลุไปที่ม่านฟ้าสีดำด้านหลังฝ่ามือโลหิตนั้นด้วย
เอ่อ!
เสียงเจ็บปวดทรมานดังกึกก้องในชั้นฟ้าชั้นดิน ลำแสงชี่กระบี่จากดาบเฮ่าเทียนทะลุผ่านช่องอากาศสาดส่องลงมา ที่บนร่างของหลินหยุนพอดิบพอดี
หลินหยุนก็เหมือนกับดาราที่อยู่บนเวทีอันมืดมิด แล้วถูกส่องสว่างด้วยแสงจากสปอตไลท์ ซึ่งเจิดจ้าแพรวพราวอย่างมาก ดั่งองค์เทพจุติลงมาจากสวรรค์
เงาร่างของราชาองครักษ์ลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง ส่วนความมืดมิดในท้องฟ้าก็ค่อย ๆ เบาบางลง กลับมาสว่างสดใสอีกครั้งหนึ่ง
กลับไปเถอะ นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน หลินหยุนยิ้มเยาะ ดาบเฮ่าเทียนค่อย ๆ ลอยตัวขึ้น แล้วชี้ไปยังโคโมโดที่มีสีหน้าท่าทางตื่นตะลึง
โคโมโดยังคงอยู่ท่ามกลางความสะพรึงกลัว เขาไม่กล้าเชื่อว่า เมื่อครู่นี้นึกไม่ถึงว่าราชาองครักษ์ลับจะพ่ายแพ้ให้กับหลินหยุน
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ราชาของฉันคือผู้ที่มีพลังความสามารถสูงสุดมิอาจหาผู้ใดเปรียบได้ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่จะมาพ่ายแพ้ให้กับหลินชางฉอง!
หลินหยุนไม่พูดไม่จา แล้วก็ได้กวัดแกว่งกระบี่พุ่งโจมตีอีกครั้ง
แต่ทว่า เงาร่างของราชาองครักษ์ลับได้หายวับไปอีกครั้ง
โครม!
กระบี่ของหลินหยุน ฟันร่างของโคโมโดไม่เข้า เพราะถูกราชาองครักษ์ลับสกัดกั้นแทนเขาไว้แล้ว
อะไรกัน?
หลินหยุนมองไปที่ราชาองครักษ์ลับที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมกับเกิดความตกตะลึงขึ้น
แน่นอนว่าไม่ได้ตกตะลึงในตัวราชาองครักษ์ลับ แต่ตกตะลึงอาวุธที่อยู่ในมือของราชาองครักษ์ลับนั่นคือมีดดาบเล่มหนึ่ง ขนาดประมาณยี่สิบเซนติเมตร
แต่ทว่า มีดดาบเล่มนั่น สามารถต้านทานดาบเฮ่าเทียนของหลินหยุนได้
มีดดาบเล่มนั้นดำมิดทั้งด้าม ด้านบนสลักลวดลายที่ซับซ้อน คงน่าจะเป็นเวทมนตร์วิชาลี้ลับทำนองนั้น
บนตัวมีดดาบ มีกลิ่นอายจาง ๆ อันน่าสะพรึงกลัวแอบแฝงอยู่
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เผ่าโลหิต!
ดูเหมือนว่า พลังอานุภาพจะไม่เบาเลยทีเดียว
เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เผ่าโลหิต เกิดขึ้นจากยอดฝีมือของเผ่าโลหิต ได้อาศัยพลังความแข็งแกร่งของตน พร้อมกับใช้วิชาเวทมนตร์นำพลังรวบรวมไว้ที่ตัวอาวุธ
โดยอาศัยพลังของสายเลือดเผ่าโลหิตมาหล่อเลี้ยง ซึ่งก็เหมือนกับกระบี่เมนหลักของผู้ฝึกกระบี่
ความแข็งแกร่งของเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ จะมีความสัมพันธ์กันกับผู้ที่สร้างขึ้น และก็มีความเกี่ยวข้องกับระยะเวลาการหล่อเลี้ยงด้วยพลังของสายเลือด
ทว่า เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ทุกประเภทที่สมบูรณ์ของเผ่าโลหิต ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีพลังอานุภาพที่ไม่ควรมองข้าม เปรียบได้กับของวิเศษที่ผู้บำเพ็ญเซียนได้หล่อหลอมขึ้น
เวลานี้ มีดดาบเล่มนั้นในมือของราชาองครักษ์ลับ น่าจะเทียบได้กับเครื่องรางชั้นยอดของผู้บำเพ็ญเซียน
ในนับหมื่นนับพันตระกูลของผู้บำเพ็ญเซียน อาวุธที่ใช้ของแต่ละตระกูลนั้น มีมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งระดับของอาวุธก็มีความแตกต่างกันออกไป
โดยลำดับขั้นอาวุธของผู้บำเพ็ญเซียน แบ่งออกเป็นเครื่องราง เครื่องรางทิพย์ เครื่องรางชั้นยอด
ในจำนวนนี้ จะแบ่งระดับออกได้เป็นชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง และชั้นยอด
ในตอนนี้หลินหยุน มีอาวุธที่ล้ำเลิศที่สุด ก็คือคันธนูดับตะวัน
นั่นคือเครื่องรางชั้นสูง
โดยห้ามดูถูกเครื่องรางชั้นสูงนี้เด็ดขาด
แม้ว่าจะอยู่ในโลกบำเพ็ญเซียน แต่อาวุธเครื่องรางเหล่านี้มีจำนวนน้อยมาก
พวกยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐมไปจนถึงขั้นแดนดั่งเทพเหล่านี้ ถ้าหากไม่มีสำนักที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังแล้ว แต่ในมือยังมีเครื่องรางชั้นยอดสักหนึ่งชิ้นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แต่ว่า บนโลกใบนี้ ในมือของเผ่าโลหิต นึกไม่ถึงว่าจะปรากฏเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำเลิศกว่าเครื่องรางชั้นยอดเสียอีก
เจ้าของมีดดาบเล่มนี้ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างน้อยก็คงจะอยู่ในระดับขั้นแดนจิตปฐม
ข้อมูลดังกล่าวนี้ยังบ่งบอกอีกว่า บนโลกใบนี้ ไม่เพียงแต่มีผู้บำเพ็ญเซียนเท่านั้น อีกทั้งยังมียอดฝีมือเผ่าโลหิตที่แท้จริงอยู่ด้วย
เผ่าโลหิตที่หลินหยุนพูดถึงนั้น ก็คือเผ่าโลหิตที่แท้จริงในบรรดาตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนนับหมื่นนับพัน ไม่ใช่เผ่าโลหิตที่มีสายเลือดหลงเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เหล่านั้นที่อยู่บนโลกใบนี้
ต่อให้เป็นคาร์นอตวิลเลียม ถ้าหากเขามีสายเลือดของเผ่าโลหิตที่แท้จริงเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เมื่อเห็นมีดดาบเล่มนั้น โคโมโดที่อยู่ด้านหลังขององครักษ์ลับก็มีสีหน้าท่าทางตื่นตะลึง: มีดดับเทพ!
ราชาผู้สูงศักดิ์ คิดไม่ถึงว่าท่านจะอัญเชิญมีดดับเทพออกมาแล้ว!
นี่เป็นถึงมรดกตกทอดของบรรพบุรุษโลหิตอย่างแท้จริง!
ราชาองครักษ์ลับตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห: หุบปาก!
สถานการณ์ตอนนี้อันตรายเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าโคโมโดยังจะพูดไร้สาระอยู่นั่น โดยไม่คิดที่จะรีบฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ แล้วก็รีบหาโอกาสหลบหนีไป
ราชาองครักษ์ลับรำคาญอยู่นานแล้ว
หลินหยุนได้ยินชื่อหนึ่งว่า: บรรพบุรุษโลหิต?
ไกยินในตำนานที่ร่ำลือ?
น่าสนใจอย่างมาก ฉันยิ่งรู้สึกอยากรู้และสนใจถึงประวัติศาสตร์ของโลกที่ถูกปกปิดไว้นั่นแล้ว
ตั้งแต่พบเจอซีซาร์ที่ทุ่งน้ำแข็งตอนเหนือสุด หลินหยุนก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเผ่าโบราณสัตว์ดาวจะมาอยู่บนโลกใบนี้ได้
ถ้าอย่างนั้นตำนานเล่าขานที่เคยปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์นั้น ได้เขียนขึ้นมาจากการอ้างอิงจาก
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่?
ถ้าหากบุคคลในตำนานเล่าขานนั้นมีตัวตนอยู่จริง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว?
ในท้องฟ้าจักรวาลอย่างนั้นเหรอ?
คงน่าจะใช่ เพราะว่าระดับขั้นแดนจิตปฐมก็สามารถที่จะท่องตระเวนไปในความว่างเปล่าได้แล้ว
ชี่ทิพย์บนโลกเบาบางมากขนาดนี้ ถ้าหากพวกเขามีความสามารถออกไปจากที่นี่ได้ ก็คงจะไม่อยู่ที่นี่ต่อไปอย่างแน่นอน