ภารกิจระดับ S ขั้นสุดยอดคือภารกิจขั้นสูงสุดขององค์กรเทพมรณะ เทียบเท่าได้กับภารกิจ
ขั้นสูงสุดขององค์กรนักฆ่าทั้งหมดในโลก
ผู้นำขององค์กรเทพมรณะ ก็คือราชาแห่งโลกนักฆ่า
เมื่อประกาศภารกิจนี้ออกไป ทั้งโลกนักฆ่าก็จะเกิดความบ้าคลั่งขึ้นมา
จากนี้ต่อไปหลินหยุน ก็คงจะต้องเผชิญหน้ากับการลอบฆ่าอย่างต่อเนื่อง
แต่เรื่องราวเหล่านี้ หลินหยุนเองก็ยังไม่ทราบ
เวลานี้ เขากับคาร์นอตวิลเลียม ได้มาถึงคฤหาสน์ที่มีทิวทัศน์งดงามแห่งหนึ่งที่แถบชานเมืองปารีส
สิ่งก่อสร้างของคฤหาสน์แห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะยังคงรักษาลักษณะรูปแบบของยุคกลางเอาไว้ โดยมี
ปราสาทยุคกลางที่มีความลึกลับและโรแมนติกมากมาย อยู่ท่ามกลางป่าและภูเขาที่สวยงาม แห่งนี้ ซึ่งก็เหมือนกับผู้มีปัญญาที่หลับใหลมาเป็นเวลานาน
หลินหยุนกับคาร์นอตวิลเลียมยืนอยู่ที่บนเนินเขาเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากปราสาทโบราณเหล่านี้ประมาณห้าสิบเมตร
ทั้งสองคนมองไปยังบรรดาปราสาทโบราณทั้งหลาย โดยที่ยังไม่คิดที่จะก้าวเดินเข้าไป
สีหน้าท่าทางของคาร์นอตวิลเลียมค่อนข้างจะซับซ้อน เหมือนจะรู้สึกมีความเขินอายขึ้นมาบ้าง
หลินหยุนยืนอยู่ข้างกายของเขา สามารถรับรู้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ในตัวเขาที่บางครั้งก็ดีใจ บางครั้ง
ก็เศร้าใจ และบางครั้งก็เกรงกลัว
เล่าประสบการณ์ของนายให้ฟังหน่อยสิ ทำไมนายถึงไปจีนลำพังคนเดียว? หลินหยุนถามขึ้น
คาร์นอตวิลเลียมคิดทบทวน หันหน้าไปมองหลินหยุน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หยิ่งยโสว่า: ไม่มี
อะไรที่น่าพูดถึงหรอก
จากนั้น เขาก็พูดเสริมขึ้นว่า: ประสบการณ์ธรรมดาทั่วไป ที่ทุกคนต่างก็มีกัน
หลินหยุนยิ้ม: ไม่พูดจริง ๆ เหรอ?
ใบหน้าที่หล่อเหลาของคาร์นอตวิลเลียมเกร็งขึ้นอย่างมาก: ไม่ใช่ไม่พูด แต่ไม่มีอะไรที่น่าพูดถึง
ต่างหาก
ถ้าหากนายไม่พูด ฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้ หลินหยุนแสดงอาการที่หมดหนทาง
คาร์นอตวิลเลียมขมวดคิ้วขึ้นเล้กน้อย
สายลมพัดผ่านมา ผสมผสานกับกลิ่นอายของใบหญ้า อากาศของที่นี่ สดชื่นบริสุทธิ์กว่าในตัวเมือง
เป็นอย่างมาก
สายตาของคาร์นอตวิลเลียม มองไปยังปราสาทที่อยู่ไม่ไกลนัก
ความหยิ่งยโสบนใบหน้าของเขาได้จางหายไปแล้ว โดยแทนที่ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว
ที่จริงนั้น ในตระกูลแดร็กคิวล่า ฉันก็คือคนแปลกต่างเผ่าพันธุ์ คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: ทำไมจะต้องพูดว่าตัวเองแบบนี้ด้วย? นายเป็นถึงเจ้าชายของเผ่าโลหิต
คาร์นอตวิลเลียมส่ายศีรษะ: ไม่ มันคือความจริง
ก็เป็นเพราะฉันคือเจ้าชาย ดังนั้นฉันถึงเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ถ้าหากฉันเป็นเพียงแค่ดยุกทั่วไป ฉันก็จะไม่พูดแบบนี้
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร รอให้คาร์นอตวิลเลียมเล่าเรื่องต่อไป
นายน่าจะรู้ดีว่า พลังความสามารถของพวกเราเผ่าโลหิต ถูกกำหนดโดยพรสวรรค์ทางสายเลือด
ฉันเป็นเจ้าชาย พรสวรรค์ทางสายเลือดของฉันก็คงจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดในตระกูล
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนที่ฉันเพิ่งเกิดออกมานั้น พลังความสามารถของฉันยังเทียบไม่ได้
กับลูกของดยุกขั้นเล็กเลย
ฉันถูกคนในตระกูลดูถูกเหยียดหยามอย่างหนัก ชีวิตประจำวันของฉันยากลำบากมาก
ดังนั้น ฉันจึงได้เดินทางไกลไปยังประเทศจีนของพวกนาย คิดที่จะตามหาต้นแห่งชีวิต เพื่อเพิ่ม
พลังความสามารถให้กับตัวเอง
หลินหยุนพูดเบา ๆ ว่า: แล้วนายเกลียดสถานที่แห่งนี้ไหม? ฉันสามารถช่วยนายทำลายที่แห่งนี้
ลงได้
ไม่!
คาร์นอตวิลเลียมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: ฉันไม่เกลียด
ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงการระลึกนึกถึงอดีต: ที่จริงแล้วตอนที่ฉันเพิ่งจะเกิดนั้น คนในตระกูล
ดีกับฉันมาก ถึงขนาดที่ถือว่าฉันเป็นความหวังของพวกเขาเลย
ในตอนนั้น ฉันก็คือสมบัติล้ำค่าของชาติดั่งที่พวกนายชาวจีนพูดกันว่าเป็นที่รักของผู้คนนับหมื่น
นับพัน
แต่ว่า ตระกูลของพวกเราถึงอย่างไรก็จะต้องถือเอาพลังความสามารถมาเป็นตัวชี้วัด
เมื่อฉันเติบโตขึ้น ทุกคนพบว่าพลังความสามารถของฉันยังเทียบไม่ได้กับลูกของดยุกที่มีอายุ
เท่าเทียมกันเลย!
ครั้นแล้ว ฉันก็ถูกทอดทิ้ง
คาร์นอตวิลเลียมพูดจบ ก็ถอนหายใจยาว ใบหน้าแสดงออกถึงความหดหู่อย่างยิ่ง
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: ไม่เพียงแต่ตระกูลของพวกนายเท่านั้นที่ใช้พลังความสามารถเป็นตัวชี้วัด แม้แต่โลกนี้ไปจนถึงทั่วทั้งจักรวาล ต่างก็อาศัยพลังความสามารถเป็นตัวตัดสินทั้งนั้น
คนในตระกูลของนาย ก็เพียงแค่ทำในเรื่องที่พวกเขาเห็นว่าถูกต้อง
นายสามารถที่จะเกลียดพวกเขาได้ สามารถฆ่าพวกเขาได้ และยังสามารถเลือกที่จะให้อภัย
พวกเขาได้
โดยสิ่งสำคัญอย่างแรกคือ นายจะต้องมีความสามารถที่มากพอ และมีพลังที่ทำให้พวกเขา
หวาดกลัวได้
ซึ่งนายในตอนนี้นั้น เพียบพร้อมด้วยพลังความสามารถเหล่านี้แล้ว
ดังนั้น นายสามารถที่จะเดินเข้าไปทางประตูใหญ่ได้อย่างภาคภูมิใจ โดยไม่มีใครกล้าที่จะ
ดูถูกนายได้อีก
คาร์นอตวิลเลียมยกมือสองข้างของตนเองขึ้น แล้วก็มองดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จริงด้วย ตอนนี้ฉันมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งแล้ว นอกจากดยุกแดร็กคิวล่า ฉันสามารถ
ที่จะจัดการทุกคนได้อย่างง่ายดาย
ฉันไม่ต้องเกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว ฉันสามารถที่จะเดินกลับเข้าไปได้อย่างสง่าผ่าเผย
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: ไปเถอะ ใช้พลังของนาย พิชิตพวกคนเหล่านั้นที่ดูถูกนาย ทำให้พวกเขา
หุบปากซะ!
อืม แววตาของคาร์นอตวิลเลียม เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่
พลังความสามารถต่างหาก ที่เป็นพื้นฐานในการตัดสินทุกอย่าง
ตระกูลแดร็กคิวล่า ฉัน แดร็กคิวล่า คาร์นอตวิลเลียม กลับมาแล้ว!
ประตูใหญ่ของปราสาทที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์โบราณได้ถูกเปิดออก
คาร์นอตวิลเลียมกับหลินหยุนก้าวเดินเข้าไปด้านใน
แม้ว่าจะได้เตรียมทำใจมาล่วงหน้าแล้ว แต่ว่า ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปในประตูนั้น กลับยังคงรู้สึก
ประหม่าอยู่บ้าง
โอ้ว ดูเร็ว นั่นคือใคร!
เด็กน้อยผมแดงคนหนึ่ง ที่ดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณหกเจ็ดปี มองไปที่คาร์นอตวิลเลียมพร้อมกับ
ยิ้มเยาะเหยียดหยาม
แต่ หลินหยุนรู้ว่า จากอายุของเผ่าโลหิตนั้น อายุที่แท้จริงของเด็กน้อยคนนี้บางทีอาจจะมากกว่า
เขาด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเดินมา โดยเขามองไปที่คาร์นอตวิลเลียม แล้วก็แสดงรอยยิ้ม
ที่เหยียดหยามออกมาเช่นกัน: ที่แท้ก็คือเจ้าชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของพวกเรานั้นกลับมาแล้ว
ฝ่าบาท ฉันคิดว่าคุณคงจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก?
ฮ่าฮ่า เจ้าชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเมื่อออกจากตระกูลแดร็กคิวล่าของพวกเราไปแล้ว จะสามารถ
ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรล่ะ!
เขาต้องกลับมาอย่างแน่นอน
ผู้ชายสองคนและผู้หญิงสองคนเหาะเหินออกมาจากปราสาท ผู้ชายหล่อเหลา และผู้หญิงก็งดงาม
ไม่นาน ปราสาทหลังอื่น ๆ ก็มีคนเหาะเหินออกมาเช่นกัน
เหมือนว่าคนของเผ่าโลหิต ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนมีหน้าตาดีทั้งนั้น
หลินหยุนกับคาร์นอตวิลเลียมถูกล้อมตัวไว้
พวกคนเหล่านี้มีทั้งผู้ใหญ่ มีทั้งเด็ก โดยมีวัยรุ่นจำนวนมากที่สุด ในเผ่าโลหิตเหมือนจะไม่มีคนแก่
พวกเขามองไปที่คาร์นอตวิลเลียม โดยที่ทุกคนล้วนแสดงรอยยิ้มที่เหยียดหยามออกมา
เด็กหนุ่มผมสีเงินที่ก่อนหน้านี้ได้พูดขึ้นนั้น เดินขึ้นมาด้านหน้า แล้วยื่นมือไปตบที่ใบหน้าของ
คาร์นอตวิลเลียม พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า: หากฉันเป็นนาย เมื่อจากไปแล้วก็คงจะ
ไม่กลับมาอีกตลอดชีวิต
คนไม่ได้เรื่องได้ราว ก็ยังคงเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอยู่วันยังค่ำ
แม้ว่าจะมีสายเลือดเจ้าชายที่สูงศักดิ์ ก็ยังคงเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเหมือนเคย
พวกคนที่รายล้อมอยู่ด้านข้าง ต่างก็หัวเราะเยาะ โดยพากันมองไปที่คาร์นอตวิลเลียม ด้วยใบหน้า
ที่เต็มไปด้วยความดีใจเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์
คาร์นอตวิลเลียมจับมือของเด็กหนุ่มคนนั้นที่ตบหน้าเขา จากนั้น ก็ปล่อยหมัดอันรุนแรง ชกเข้าใส่
หน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นทันที
ตุบ!
เด็กหนุ่มคนนั้นถูกชกกระเด็นลอยไปไกล
จากนั้น คาร์นอตวิลเลียมก็แวบหายตัวไป แล้วพลันปรากฏตัวขึ้นที่ด้านล่างของเด็กหนุ่มคนนั้น
ตุบ!
คาร์นอตวิลเลียมชกเข้าใส่อีกครั้ง จนร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตุบ!
คาร์นอตวิลเลียมใช้ความเร็วอีกครั้ง มาอยู่ด้านบนของเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วก็ใช้เท้า กระทืบไปที่
ท้องของเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแรง
เด็กหนุ่มนั้นราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ร่วงตกลงมากระแทกกับพื้นดังโครม จนบนพื้นหญ้าเกิดเป็น
หลุมร่างคนขึ้น
คาร์นอตวิลเลียมยืนอยู่ด้านข้างหลุม แล้วมองไปยังเด็กหนุ่มที่สภาพย่ำแย่ ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ที่อยู่ในหลุมนั้น พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า: รู้อยู่แก่ใจว่าฉันคือเจ้าชาย นายที่เป็นเพียงแค่
มาร์ควิสต่ำต้อยคนหนึ่งยังจะกล้าไม่เคารพต่อฉันอีก ช่างรนหาที่ตายชัด ๆ!