เซียวจิ่งสือมองดูผู้ถือหุ้นของบริษัทเขา ตอนนี้ครอบครัวเป็นอย่างนี้ย่อมอดที่จะโทษตัวเองและรู้สึกเศร้าเสียใจไม่ได้
“คุณจาง อย่าเสียใจไปเลย ระหว่างนี้คุณไม่ได้ทำงานอะไรให้กับบริษัท ผมก็ไม่ว่าคุณเลย และตอนนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว คนที่อยู่ข้างผมนี่คือคุณหมอ laze เขามีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ ฝีมือการรักษาเขาจะทำให้ภรรยากับลูกสาวคุณกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อย่างน้อยผมก็เชื่อว่าฝีมือการรักษาของเขาสุดยอดมากครับ ผมหวังว่าเมื่อถึงที่สุดคุณจะเชื่อมั่นในการรักษาครั้งนี้” เซียวจิ่งสือยิ้มเล็กน้อย
ผู้ถือหุ้นจางฟังคำของเซียวจิ่งสือจบแล้ว เงยหน้าขึ้นทันควัน มองตรงมาที่ laze ด้วยดวงตาเป็นประกาย
ต่อเมื่อพวกเขาพูดคุยกันไปได้สองสามนาที เซียวจิ่งสือก็เสนอให้ไปดูผู้ป่วยทั้งสองที่โรงพยาบาลก่อน ผู้ถือหุ้นจางก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ดูท่าจะร้อนใจมาก
แล้วก็เป็นไปตามคาด ฝีมือการรักษาของ laze เก่งขั้นเทพจริงๆ หลังจากเขาได้ลงมือตรวจอาการแล้วก็บอกเซียวจิ่งสือด้วยท่าทีสบายๆ ว่า เขาจะรักษาอาการป่วยของทั้งสองคนให้หายโดยเร็ว เซียวจิ่งสือโล่งอก แม้ว่าเขาจะเชื่อฝีมือ laze แต่ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่บ้าง ด้วยว่านี่เป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่ทราบสาเหตุและรักษาได้ยาก อาจจะรักษาไม่หายขาดก็ได้
ไม่นานนัก laze ก็เร่งเตรียมการผ่าตัด ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง ในที่สุดสองแม่ลูกคู่นั้นก็ได้รับการช่วยชีวิตจนสำเร็จ ตอนนี้ขอเพียงพวกเธอพักฟื้นดูแลตัวเองให้ดีก็สามารถกลับมาแข็งแรงดังเดิมได้
สุดท้ายเซียวจิ่งสือขอบคุณ laze ไปชุดใหญ่ ด้วยทั้งสองเป็นเพื่อนกัน laze ได้ช่วยเซียวจิ่งสือยังรู้สึกดีใจมากอีกด้วย
ผ่านไปอีกหลายวัน เซียวจิ่งสือกำลังทำงานยุ่งอยู่ในห้องทำงาน ก็มีคนเคาะประตู คนที่เข้ามาในห้องคือผู้ถือหุ้นจาง เซียวจิ่งสือพอเห็นเขาก็พอจะเดาได้ว่าเขามาที่นี่ทำไม
“คุณจาง มาแล้วเหรอ นั่งสิ ผมให้เลขาหาน้ำดื่มให้คุณนะ” เซียวจิ่งสือกล่าวทักทาย
ผู้ถือหุ้นจางนั่งลงด้วยรอยยิ้ม เขามองดูเซียวจิ่งสือไม่วางตา
ต่อเมื่อเซียวจิ่งสือวางมือจากงาน ผู้ถือหุ้นจางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเซียว ภรรยากับลูกสาวผมตอนนี้หายดีแล้ว ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ! พอเห็นคนในครอบครัวฟื้นตัวกลับมามีชีวิตชีวา ผมก็มีกำลังใจจะทำงานอีกครั้ง ผมรู้ว่าคุณมีพร้อมทุกอย่าง จึงไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณได้อย่างไรดี” ผู้ถือหุ้นจางพูด
เซียวจิ่งสือยิ้มน้อยๆ การได้รู้ว่าความช่วยเหลือของเขาได้เปลี่ยนสถานการณ์ในครอบครัวของผู้ถือหุ้นจาง ทำให้เซียวจิ่งสือดีใจมาก
“อยากจะตอบแทนผมก็ตั้งใจทำงานให้บริษัทก็แล้วกัน ผมหวังว่าจะทำให้บริษัทและพวกคุณทุกคนได้เติบโตแข็งแกร่งขึ้นด้วยกัน” เซียวจิ่งสือพูดด้วยรอยยิ้ม
ผู้ถือหุ้นจางคลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปี เขาย่อมจะเข้าใจได้ว่าเซียวจิ่งสือคิดอะไรอยู่
“ประธานเซียวครับ ผมอยากจะตอบแทนคุณจริงๆ ต่อไปผมจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยคุณทำงานให้กับบริษัทครับ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ผมทำได้ ผมจะพยายามทำอย่างสุดความสามารถ เชื่อใจผมได้เลย ผมจะตั้งใจทำงานให้กับคุณอย่างเต็มที่ครับ” ผู้ถือหุ้นจางยืดอกพูดอย่างตรงไปตรงมา
เซียวจิ่งสือยิ้มพลางผงกศีรษะ นี่แหล่ะคือสิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการคนแบบนี้มาช่วยทำงานอยู่ข้างกาย คอยให้คำปรึกษาบางเรื่องของบริษัท ให้บริษัทเติบโตขึ้น และผู้ถือหุ้นจางก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้แล้ว
ถึงตอนนี้เซียวจิ่งสือนำพาบริษัทให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แผนการบางส่วนของเขาเริ่มสำเร็จเป็นรูปร่าง เซียวเฉียงก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขวางแผนการเหล่านี้ของเขา
เซียวเฉียงพอรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเซียวจิ่งสือก็ไม่ได้ขัดขวางหรือต่อต้านเหมือนก่อน แต่กลับคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเงียบๆ ปล่อยให้เขาได้เติบโตขึ้นนี่เป็นสิ่งที่เขาหวังมาตลอด
เซียวจิ่งสือแม้ว่าจะไม่ได้รับคำชมหรือสนับสนุนเป็นคำพูดจากเซียวเฉียง แต่การที่ไม่ได้ยินเซียวเฉียงวิพากษ์วิจารณ์เขามาเป็นเวลานานขนาดนี้ เซียวจิ่งสือก็รู้ว่าพ่อของเขารู้สึกพอใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้ เซียวจิ่งสือยิ่งมีแรงฮึดสู้ขึ้นอีก
พอถึงยามพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เซียวจิ่งสือยังทำงานอยู่ในห้อง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นผลงานของตัวเองในวันนี้แล้ว รู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จที่เกิดขึ้น แต่แล้วเขานิ่งงันไป เมื่อคิดถึงหลินหว่าน เขากำลังคิดว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้หลินหว่านน่าจะส่งข้อความหรือโทรหาเขาแล้วล่ะมั้ง! จากนั้นพอตกค่ำทั้งสองก็ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เซียวจิ่งสือนึกถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้า ตอนนี้หลินหว่านไม่โทรมากวนเขาอีกแล้ว ในใจกลับรู้สึกว่างโหวงขึ้นมา
เซียวจิ่งสือกำลังจะทำงานต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นอันซิงโทรมาก็ถอนใจยาว แต่ยังเลือกที่จะรับสาย
“เซียวจิ่งสือคะ คุณมาทานข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ ตอนนี้พวกเราใกล้จะหมั้นกันแล้ว คุณก็น่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไม่ใช่เหรอคะ ฉันโทรไปจองร้านไว้แล้ว อีกเดี๋ยวจะส่งที่อยู่เข้ามือถือคุณนะคะ” อันซิงพูดเสียงอ่อนหวาน แต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกขัดหูเอามากๆ
เซียวจิ่งสือนึกรำคาญขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจว่าจะแสดงละครฉากนี้ต่อไป จึงไม่ต่อต้านขัดขืน
อันซิงอีก
“ได้ครับ ส่งที่อยู่เข้ามือถือผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไป” เซียวจิ่งสือเอ่ยขึ้น
อันซิงพอฟังว่าเซียวจิ่งสือรับปากมาทานข้าวกับเธอก็ดีใจมาก แต่งองค์ทรงเครื่องให้สวยเริ่ดแล้วออกไป
ตอนเซียวจิ่งสือมาถึงร้านอาหาร อันซิงยังมาไม่ถึง เขาจึงนั่งโต๊ะที่จองไว้รอเธอมา เซียวจิ่งสือมองเห็นเงาร่างที่ด้านล่างคล้ายกับหลินหว่านมาก รู้สึกสงสัยขึ้นมา แต่เขาคิดดูแล้วรู้สึกว่าหลินหว่านจะมาที่นี่ได้อย่างไร และไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น จึงไม่คิดมากอีก
ผู้หญิงคนนั้นจู่ๆ ก็หันหน้ามา เซียวจิ่งสือเห็นเข้าก็ตกใจจนสะดุ้งเฮือก เป็นหลินหว่านจริงๆ จากนั้นเขาก็เอาแต่มองสำรวจดูเธอ
เซียวจิ่งสือพบว่าหลินหว่านมาทานข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งสองพูดคุยยิ้มแย้มกัน คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจว่าเป็นคู่รักที่กำลังมาเดทกัน เดิมทีเซียวจิ่งสือไม่อยากจะไปรบกวนหลินหว่าน แต่ยิ่งมองก็ยิ่งโมโห เขาไม่อยากเห็นหลินหว่านยิ้มกับชายอื่นอย่างมีความสุขขนาดนั้น เขานึกในใจอย่างขัดเคืองเอามากๆ
สายตาของเซียวจิ่งสือไม่เคยละห่างไปจากร่างของหลินหว่าน เขาอดใจไม่อยู่เมื่อเห็นหลินหว่านกับผู้ชายคนนั้นพูดคุยกันอย่างมีความสุขขนาดนั้น จึงเดินเข้าไปหา
“ไง หลินหว่าน บังเอิญจังนะ คุณก็อยู่นี่เหรอ คนที่อยู่ข้างคุณนี่ใครกันนะ แนะนำให้รู้จักหน่อยได้ไหม” เซียวจิ่งสือพูดจาอย่างสุภาพ ขณะที่ในใจไม่ชอบใจมาก
เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านสะดุ้งอย่างตกใจที่จู่ๆ เห็นเซียวจิ่งสือเดินเข้ามา เธอมองดูเซียวจิ่งสือแล้วนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นนึกถึงคำพูดของอันซิงและเซียวจิ่งสือในวันนั้น ความเศร้าเสียใจผุดขึ้นมาบางๆ
หลินหว่านพูดตามมารยาทว่า “เขาเป็นเพื่อนฉันค่ะ คุณมีธุระอะไรเหรอคะ”
เซียวจิ่งสือโล่งอก เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นั่นแหละ
เซียวจิ่งสือคอยอยู่ด้านข้างของหลินหว่านกับชายคนนั้น ฝ่ายชายดูเหมือนจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ไม่ชวนพูดคุยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเหมือนก่อนหน้านี้อีก แถมยังคอยมองหน้าเซียวจิ่งสือที่ปั้นหน้านิ่งเป็นระยะๆ อีกด้วย
พอฝ่ายชายพูดกับหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็แกล้งพูดขัดขึ้นอยู่เรื่อย เขาเห็นหลินหว่านเย็นชากับเขาแต่กลับพูดคุยยิ้มแย้มกับผู้ชายคนนั้น กระปุกน้ำส้มในหัวใจระเบิดโป๊ะ เขาจ้องผู้ชายคนนั้นเขม็ง