แต่ในเวลานี้
จู่ๆก็มีคนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
พวกคุณทำแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนหยุดการโจมตีทันที พวกเขาหันหลังกลับไปมองคนที่เอ่ยปากพูด
คนที่เอ่ยปากพูด ต้องเป็นหลินหยุนอยู่แล้ว
สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลินหยุนทันที
ในเวลานี้ ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยมีแต่ความดูถูกและเย็นชา
ผางเห้อที่เป็นผู้นำเรื่องนี้ เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครมาจากไหน? ใครเป็นคนพาเขาเข้ามา? ทำไมเขาถึงกล้าพูดจาอวดดีแบบนี้?
ถ้าตัวเองไม่ยอมสั่งสอนเด็กหนุ่มคนนี้ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจละกัน!
เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่กลัวตายจริงๆ!
เมื่อซิงเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของเธอก็กระตุกทันที เธอมองไปที่ผางเห้อและพูดอย่างเย็นชา ผู้อาวุโสผางเป็นคนเจ้าอารมณ์จริงๆ! เขาเป็นคนของฉัน ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาสั่งสอน!
สายตาของทุกคนมองไปที่ซิงเฟยทันที
ผางเห้อพูดอย่างเคร่งขรึม คุณเป็นลูกสาวของตระกูลไหน? ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้?
ซิงเฟยเปล่งเสียงไม่พอใจและพูด ตระกูลซิงจากเมืองเทียนเฟิง!
สายตาของผางเห้อเปล่งประกายทันที เขาพูดด้วยความเย็นชา ไม่แปลกใจเลยที่คุณกล้าพูดจาอวดดีแบบนี้ คุณเป็นคนของตระกูลซิงนี่เอง! ถ้าฉันทายไม่ผิด คุณคงเป็นลูกสาวของซิงเลี่ยใช่ไหม?
หึ!
สาวน้อย ถึงแม้พ่อของคุณอยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับฉัน!
ถ้าเธอยังกล้าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันจะสั่งสอนเธอแทนพ่อของเธอเอง!
เธอควรดูคนของเธอให้ดีๆ!
ไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจอีกแล้ว!
ขณะพูด สายตาที่เย็นชาของเขามองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง คุณก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง ยังกล้าพูดจาอวดดีในสถานที่แบบนี้อีก! เป็นคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะเลย!
ครั้งนี้ฉันจะให้อภัยคุณ!
ถ้าคุณยังกล้าพูดอีก ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว!
มีคนจำนวนไม่น้อยเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา และมองหลินหยุนด้วยสายตาดูถูก
เป็นคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะเลย เป็นแค่คนใช้ยังกล้ามาชี้แนะพวกเราอีก!
เป็นคนที่ไม่กลัวตายจริงๆ!
แม้แต่เจ้านายของเขายังไม่กล้าพูดอะไรเลย ไม่รู้จริงๆว่าทำไมคนใช้อย่างเขาถึงพูดแบบนี้!
……
ผางเห้อโบกมือและพูด พอได้แล้ว ทุกคนโจมตีค่ายกลต่อเถอะ! พวกเราจะได้ทำลายค่ายกลได้เร็วขึ้น!
สีหน้าของหลินหยุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย
เขาเอ่ยปากพูดอีกครั้ง ค่ายกลอันนี้ใช้วิธีของพวกคุณไม่สามารถทำลายได้อยู่แล้ว ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็โจมตีต่อได้เลย!
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน คนอื่นๆยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ผางเห้อรู้สึกโกรธมากๆ
สายตาของเขามองไปที่ซิงเฟยอีกครั้งและพูด สาวน้อย ถ้าคุณยังไม่บอกให้คนใช้ของคุณปิดปาก ถ้างั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจละกัน!
เขาเป็นคนที่ศึกษาค่ายกลมาทั้งชีวิต เขามีความชำนาญเรื่องค่ายกลมากๆ พูดตามตรงว่าพลังของเขาส่วนใหญ่มาจากค่ายกล
ถ้าพูดถึงเรื่องค่ายกลแล้ว เขามั่นใจในตัวเองมากๆ
ตอนนี้ เขากลับโดนคนใช้ของตระกูลซิงแสดงความสงสัยในความสามารถของตัวเอง ถ้าเขาไม่โกรธก็คงเป็นไปไม่ได้?
โดยเฉพาะพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้ายอดฝีมือมากมายขนาดนี้!
มันเหมือนกับการตบหน้าเขาอย่างจัง
ในเวลานี้ มีชายวัยกลางคนๆหนึ่ง เขาใส่ชุดดำและหมวกไม้ไผ่ปิดหน้า เขาอดไม่ไหวก็เลยหัวเราะออกมาและมองไปที่ผางเห้อแล้วพูด คุณผาง คุณไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้เลย?
คนๆนี้กล้าพูดจาแบบนี้ต่อหน้าพวกเรา บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องค่ายกลก็ได้?
พวกเราลองฟังคำพูดของเขาก่อน ดูสิว่าเขาจะสามารถพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ไหม!
ผางเห้อขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาพูดอย่างเย็นชา เขาเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น! เขาจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? อู๋อิ่ง ตอนนี้วิหารผนึกวิญญาณตาถั่วจนมองเรื่องแค่นี้ไม่ออกเหรอ?
ชายชุดดำคนนี้ ก็คือทูตวิญญาณที่สองของวิหารผนึกวิญญาณ เขาชื่ออู๋อิ่ง
ถ้าคนที่มาคือทูตวิญญาณที่หนึ่งของวิหารผนึกวิญญาณ ถ้างั้นผางเห้อก็คงต้องเกรงใจเขาบ้าง แต่สำหรับทูตวิญญาณที่สองแล้ว ผางเห้อไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
เพราะเขาก็ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสี่เหมือนกันตัวเองเท่านั้น!
และเขาก็ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสี่ได้ไม่นาน
อู๋อิ่งพูดเบาๆ วิหารผนึกวิญญาณไม่กล้าดูถูกยอดฝีมือทุกคนอยู่แล้ว!
ขณะพูด เขาก็ไม่ได้อยากเถียงกับผางเห้ออีก เขาหันหน้ามาถามหลินหยุนทันที พ่อหนุ่มน้อย ในเมื่อคุณกล้าพูดแบบนี้ออกมา คุณต้องศึกษาและเข้าใจค่ายกลใช่ไหม?
คุณลองพูดอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยสิ!
บางทีมันอาจจะช่วยให้พวกเราทำลายค่ายกลได้เร็วขึ้น!
สำหรับกิริยาท่าทางของอู๋อิ่ง ทำให้ทุกคนตกตะลึงทันที ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
เขาเป็นคนของวิหารผนึกวิญญาณ!
พวกเขาเป็นมิตรกับคนอื่นๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
พวกเขาอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
สำหรับวิหารผนึกวิญญาณในสายตาของทุกคนในโลกคุนชาง พวกเขานั้นลึกลับ เลือดเย็น โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขา!
แต่วันนี้กิริยาท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไป ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
เมื่อคนของวิหารผนึกวิญญาณพูดขนาดนี้แล้ว ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งเห็นด้วยทันทีและพูด คำพูดของทูตวิญญาณอู๋อิ่งมีเหตุผลมากๆ! ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้กล้าพูดแบบนี้ บางทีเขาอาจจะมองอะไรบางอย่างออกแล้วก็ได้!
พวกเราก็อยากฟังคำพูดของเขาเหมือนกัน!
ฉันคิดว่าเขาไม่กล้าโกหกพวกเราอย่างแน่นอน!
ถ้าเขาพูดอะไรที่ไม่มีประโยชน์จริงๆ งั้น……พวกเราก็ลงโทษเขาก็ยังไม่สาย!
เมื่อทูตวิญญาณอู๋อิ่งเอ่ยปากพูด ทำให้ยอดฝีมือสิบกว่าคนเห็นด้วยทันที
ผางเห้อขมวดคิ้วมากขึ้น
ทุกคนได้ยินเขาเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินหยุนแล้วพูด เด็กหนุ่ม ในเมื่อทูตวิญญาณอู๋อิ่งพูดขนาดนี้แล้ว งั้นฉันจะให้โอกาสคุณหนึ่งครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณกล้าหลอกลวงพวกเรา!
คุณน่าจะรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง!
หลินหยุนไม่สนใจผางเห้อเลย เขาพูดเบาๆ ค่ายกลนี้มีชื่อว่าค่ายกลเกาะตัว สำหรับพลังของค่ายกลป้องกันอันนี้ มันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เมื่อพวกคุณโจมตีตำแหน่งหนึ่งอยู่ ตำแหน่งนั้นๆก็จะดึงพลังทิพย์จากตำแหน่งอื่นๆมารวมตัวกัน มันจึงกลายเป็นตำแหน่งที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมากๆ!
ไม่ว่าพวกคุณจะเลือกตำแหน่งตรงไหนก็ตาม มันก็จะเป็นแบบนั้น!
คำพูดของหลินหยุนทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนแปลงทันที
ดวงตาของทูตวิญญาณอู๋อิ่งเปล่งประกายทันที เขารีบเอ่ยปากถาม คุณพูดเรื่องจริงใช่ไหม?
หลินหยุนยังไม่ทันได้ตอบ ผางเห้อที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาทันที
คุณพูดจาได้ไร้สาระมากๆ!
อู๋อิ่งมองไปที่ผางเห้อและถามทันที ทำไมคุณผางถึงพูดแบบนี้ละ?
ผางเห้อพูดอย่างเย็นชา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แต่ถ้าพูดถึงด้านค่ายกลแล้ว ฉันมีชื่อเสียงมากๆใช่ไหม?
อู๋อิ่งพยักหน้าและพูด เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว! ทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกคนต่างรู้ดีว่าคุณผางคือคนที่ชำนาญด้านค่ายกลที่สุด!
เมื่อผางเห้อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดอย่างเย่อหยิ่ง ฉันใช้เวลาศึกษาค่ายกลมาเกือบชั่วชีวิต แต่ฉันไม่เคยได้ยินค่ายกลเกาะตัวเลย!
ขณะพูด เขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง เขามองหลินหยุนด้วยความเย็นชาและพูด โจมตีตำแหน่งหนึ่ง ตำแหน่งนั้นก็จะกลายเป็นตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุด! คุณพูดจาส่งเดชมากๆ!
เด็กหนุ่ม คุณรู้ไหมว่าค่ายกลมีกี่ประเภท?
คุณรู้ไหมว่าสร้างค่ายกลอันหนึ่งขึ้นมา ต้องใช้อะไรบ้าง?
คุณรู้ไหมว่าอะไรคือขบวนค่ายกล อะไรคือศูนย์ค่ายกล อะไรคือแท่นค่ายกลไหม?
คุณก็เป็นแค่คนรับใช้ของเด็กสาวจากตระกูลซิงเท่านั้น คุณไม่รู้จักค่ายกลเลย!
แต่คุณกล้าดียังไงมาพูดจาต่อหน้าฉันแบบนี้ ยังกล้าพูดส่งเดชด้วย!
หรือคุณคิดว่า มีเด็กสาวของตระกูลซิงค่อยให้ท้ายคุณ ฉันก็ไม่กล้าสังหารคุณเหรอ?