เซียวจิ่งสือถือฝักบัวรดน้ำให้ดอกไม้ที่ข้างโต๊ะทำงานอย่างใจลอย
มือซ้ายซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ส่วนหัวแม่มือข้างขวาวางอยู่ด้านนามจับอย่างไม่ใส่ใจนัก พนักงานที่เดินผ่านมาทักทายเขา เซียวจิ่งสือก็แค่ส่งเสียงอืมรับคำไปทีหนึ่ง
สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เลวร้ายมาก แต่เขากลับไม่มีกะจิตกะใจจะไปหาความร่วมมือกับบริษัทอื่น ระยะนี้เรื่องน่ารำคาญระดมกันเข้ามามากมาย ทำให้เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี
หกโมงเย็นแล้ว เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงาน เซียวจิ่งสือมองลงไปที่ถนนด้านล่างตึกอย่างไม่ตั้งใจ เห็นรถติดยาวเป็นแพอยู่บนถนนค่อยๆ เคลื่อนตัวไปช้าๆ ใจเขาก็พลอยอึดอัดขัดข้องไปด้วย
ท้องฟ้าไกลออกไป แสงสีอันงดงามยามอัสดงปกคลุมไปทั่ว แต่นาทีนี้อารมณ์ของเซียวจิ่งสือกลับไม่ดีขึ้นเลย เขามองดูพนักงานของบริษัทที่กำลังจะทยอยเลิกงาน ขณะที่ตัวเขาเองกลับไม่มีความคิดว่าจะขยับตัวเลยสักนิด เมื่อก่อนในเวลานี้เขาอาจโทรหาหลินหว่าน แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรจะทำ เซียวจิ่งสือไม่อยากจะคิดเลยว่า ครั้งนี้หลินหว่านจะไปจากเขาจริงๆ
ตอนนี้ในหัวของเซียวจิ่งสือมีแต่ความคิดนี้ หลินหว่านไปไหนกันแน่ ไม่มีใครบอกเขาได้
จิตใจที่หงุดหงิดขุ่นมัวอย่างมากของเซียวจิ่งสือ ในหัวมีแต่ใบหน้าของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือถอนใจเฮือกหนึ่ง หยิบมือถือขึ้นโทรหาเพื่อนหลายคน กะว่าจะนัดพวกเขาออกมาดื่มผ่อนคลายกันที่ผับสักหน่อย
เพื่อนพูดที่ปลายสายว่า “ช่วงนี้ไปผับบ่อยซะจนออกจะล้าเสียแล้ว รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสบายบ่อยๆ เอางี้พวกเราไปวิ่งออกกำลังกันเถอะ”
ตอนนี้เซียวจิ่งสือแค่อยากจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย จะไปทำอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเบื่ออยู่คนเดียว ตอนเขาอยู่คนเดียวก็จะคิดถึงแต่หลินหว่าน พอคิดถึงหลินหว่านเซียวจิ่งสือก็จะเศร้าเสียใจมาก เขาเห็นว่าการจากไปของหลินหว่านเป็นการทรยศต่อเขา แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เป็นเพราะการจากไปของหลินหว่าน เขาคิดว่าเมื่อก่อนหลินหว่านใจดีและอ่อนโยนปานนี้ ทำไมจึงจากเขาไปในตอนนี้ได้
เซียวจิ่งสือรับปากตามคำขอของเพื่อน อย่างไรก็ดีกว่าต้องมานั่งเศร้าเสียใจอยู่ที่บ้านคนเดียว เขาหมุนตัวมาขึ้นรถสปอร์ตขับตรงไปรวมตัวกันที่สวนสาธารณะปินเจียง ตอนแรกเซียวจิ่งสือยังแรงดีวิ่งฉิว แต่พอเหงื่อออกท่วมความเร็วก็ลดลง
เพื่อนเขาพอเห็นว่าเขาอยู่ดีๆ ก็อ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงไปเสียอย่างนั้น จึงไล่ตามมาถามอย่างแปลกใจว่า “คุณชายเซียวของเราวันนี้เป็นอะไรไปล่ะ รู้สึกดูไม่ค่อยดีเลยนะ แล้วหลินหว่านที่อยู่กับนายล่ะ พวกนายสองคนคงไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม”
เซียวจิ่งสือมองดูเพื่อนที่กำลังหอบหายใจแรง แล้วหลบตา เขาไม่อยากพูดถึงหลินหว่านอีก แต่กลับเอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา
เพื่อนยิ้มด้วยสีหน้าเข้าใจ ถามหยั่งเชิงดูว่า “คุณชายเซียว นายสูญเงินวันละหลายร้อยล้านยังไม่สนใจเลย คนที่ทำให้นายเป็นอย่างนี้ได้ก็มีแต่หลินหว่านเท่านั้น ทำไมล่ะเธอทะเลาะกับนายจริงๆ เหรอ”
เซียวจิ่งสือหันกลับมาขึงตาให้เขา แต่สายตาว่างเปล่า ใช่สิ คนที่สามารถทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ก็มีแต่หลินหว่านเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้เซียวจิ่งสือจะเข้าใจหลินหว่านผิดไปมาก นึกโกรธโทษว่าเธอ แต่ส่วนลึกของจิตใจแล้วเขายังหวังว่าหลินหว่านจะกลับมาอธิบายให้เขาเข้าใจ
เพื่อนมองดูเซียวจิ่งสือแล้วพูดว่า “ใช่หลินหว่านหรือเปล่านะ หรือว่าเป็นอันซิงว่าที่ภรรยาที่นายยอมรับก่อนหน้านี้ เรื่องของพวกนายสามคนนี่ซับซ้อนยุ่งยากซะจริง ฉันยังมึนอยู่เลยเนี่ย มีเรื่องยุ่งยากอะไรก็พูดออกมาซะบ้างทีฉันจะช่วยคิดหาทางอะไรให้นายได้บ้างนะ”
เซียวจิ่งสือมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหลินหว่าน แต่จะยังไงเขาก็ยังไม่อาจลืมเธอได้
เซียวจิ่งสือพูดว่า “มันเกี่ยวอะไรกับอันซิงล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเรากับกลุ่มบริษัทตระกูลอันมีเรื่องกันขนาดนั้นนายไม่ได้ข่าวเลยหรือไง หลินหว่านไปจากฉันแล้ว ตอนนี้หาตัวไม่เจอโทรหาก็ไม่รับ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไปจากฉัน ในช่วงเวลาที่บริษัทของเรากำลังตกต่ำย่ำแย่แบบนี้ ฉันแค่อยากจะฟังคำอธิบายจากเธอ”
เพื่อนพูดปลอบว่า “อื้ม ไม่เป็นไรนะ ถ้าหากเธอรักนายจริงเธอต้องกลับมา นายไม่ต้องกลุ้มใจกับเรื่องนี้หรอก รีบตั้งสติลุกขึ้นมาแก้ปัญหาบริษัทให้เร็วได้แล้ว”
เซียวจิ่งสือสูดลมหายใจเข้าลึก คิดในใจว่าถึงตอนนี้เขาก็ทำอะไรหลินหว่านไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อนเซียวจิ่งสือมองเขา คิดไม่ถึงว่านักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในระดับแนวหน้าของวงการ กลับรู้สึกผูกพันและรักหลินหว่านได้มากถึงขนาดนี้
เซียวจิ่งสือกลับถึงบริษัท เขาตัดสินใจว่าจะส่งคนไปหาตัวหลินหว่านกลับมา
ผ่านไปหลายวัน ผู้ช่วยมายืนตรงหน้าเซียวจิ่งสือ มือทั้งสองข้างลูบคลำโน้ตบุ๊คอย่างกระวนกระวายใจ สภาพแบบนี้ของเขาไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก แต่วันนี้สถานการณ์ต่างไป เขาออกค้นหาตัวหลินหว่านเป็นเวลานานขนาดนี้แล้วยังไม่เจอตัวเธอเลย เขาเกรงว่าเซียวจิ่งสือจะตำหนิเอาได้ เขารู้ว่าหลินหว่านสำคัญกับเซียวจิ่งสือมาก ผู้ช่วยกังวลว่าท่านประธานเซียวที่ตรงหน้าจะลงโทษเขาที่ทำงานไม่ได้เรื่อง
“ยังหาตัวหลินหว่านไม่เจออีกเหรอ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น
ผู้ช่วยพูดเสียงเบา “พวกเราสืบหาตามสถานที่ที่เธอเคยไปและที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออย่างเต็มที่แล้วครับ แต่ไม่เจออะไรเลย ท่านประธานเซียวครับ ผมทราบว่าคราวนี้ผมทำงานไม่สำเร็จ คุณตำหนิมาได้เลยครับ”
เซียวจิ่งสือไม่ได้พูดอะไร ถอนใจเฮือก โบกมือให้ผู้ช่วยจากไป
เซียวจิ่งสือรู้สึกหมดหวัง เขาแอบสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่ยอมเชื่อจอมโกหกหลอกลวงอย่างหลินหว่านอีก
สำหรับเซียวจิ่งสือ หลินหว่านได้กลายเป็นคนโกหกหลอกลวงและทรยศเขาไปแล้ว แต่เขาต้องยอมรับว่าในหัวเขายังคงคิดถึงหลินหว่านอยู่ทุกนาที
วันนี้ผู้ช่วยจัดส่งบัญชีของบริษัทมาให้เซียวจิ่งสือตามปกติ พร้อมนิ่งรอคำสั่งจากท่านประธาน
เซียวจิ่งสือรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอยู่บ้าง มือซ้ายผลักกองสมุดบัญชีไปข้างหนึ่ง แล้วกระแทกตัวเข้ากับพนักเก้าอี้โยกหมุนไปมา
ผู้ช่วยรู้ว่าเซียวจิ่งสืออาจไม่มีแก่ใจทำงานเพราะหลินหว่าน เทียบกับในยามปกติแล้ว ตอนนี้มีงานของบริษัทมากมายที่ตกค้างรอการพิจารณาอยู่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแผนกต่างๆ อีกทั้งพวกผู้ถือหุ้นก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
ผู้ช่วยหนักอกหนักใจ เวลานี้จะบอกเรื่องพวกนี้กับเขาดีไหมนะ ถ้าบอกเขา อาจเป็นแค่เพิ่มแรงกดดันให้เขาเท่านั้น ทำให้เขายิ่งอารมณ์เสียเข้าไปอีก
คิดไปคิดมาแล้วก็ได้แต่รออยู่เงียบๆ หวังว่าเขาจะฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว บริษัทจะได้กลับมาทำงานได้ตามปกติเสียที
เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้นมองดูผู้ช่วยที่ยืนตรงหน้าแวบหนึ่ง เขาลุกพรวดขึ้นยืนแล้วเอ่ยปากว่า “จัดคนเพิ่มขึ้น ไปหาหลินหว่านตามที่ต่างๆ ที่หลินหว่านเคยไป แล้วก็เจี่ยนซีไอ้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหลินหว่าน ส่งคนไปตามดูเธอ บางทีหลินหว่านอาจไปหาเธอก็ได้”
หลังจากผู้ช่วยไปแล้ว เซียวจิ่งสือแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง ขณะที่ในใจนึกโกรธหลินหว่าน “หลินหว่าน คุณมันจอมโกหก ทำไมจากไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลยนะ ทำไม? ผมจะไม่ยอมให้อภัยคุณอีก”
แต่ต่อให้หาตัวหลินหว่านเจอ เซียวจิ่งสือจะไม่ให้อภัยหลินหว่านจริงหรือ เซียวจิ่งสือเองก็ไม่อาจตอบได้