แววตาของอันโฮ่วสยงเป็นประกายฉายแววมุ่งร้าย พลันอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือดก็สงบลง บรรยากาศรอบข้างดูสงบฃจนดูน่ากลัวอยู่บ้าง
เสียงของอันโฮ่วสยงกลายเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลลงทันควัน “ตอนนี้เธอจะไม่เห็นฉันเป็นคุณตาก็ได้ แต่แม่ของเธอคงจะยังรู้จักอยู่ล่ะมั้ง เธอลืมไปแล้วหรือว่าแม่เธอตายอย่างไร?”
สีหน้าเด็ดเดี่ยวของหลินหว่านได้เคร่งเครียดลง ภาพรูปร่างหน้าตาของแม่ผุดของในหัวของเธอ พลังขุมหนึ่งพุ่งมากระทบดวงใจที่อ่อนนุ่มเข้าอย่างจัง ความรู้สึกผิดท่วมท้นราวกับคลื่นยักษ์ที่กลบฝังเธอไว้ใต้ทะเลแห่งความสำนึกผิดบาป
แต่ผู้ชายตรงหน้านี้ฉันไม่อาจยอมรับเขาได้เด็ดขาด พวกเขาล้วนเป็นคนที่น่ารังเกียจ ฉันไม่อยากจะเข้าไปมีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเขาอีกเลย ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า แต่ฉันยังมีแม่ แม่ที่เสียสละเพื่อฉันมากมายขนาดนั้น ฉันจะเป็นคนเนรคุณที่ลืมบุญคุณคนไม่ได้
หลินหว่านกวาดตามองอันโฮ่วสยงอย่างเหยียดหยาม แค่นยิ้มแล้วพูดว่า “การกระทำของพวกบ้านตระกูลอันทั้งหมด ฉันรู้ซึ้งมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้คุณไม่ต้องเอาแม่มาข่มขู่ฉัน ฉันรู้จักวิธีการของพวกคุณดี ฉันจะเป็นอย่างไรกับแม่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว หวังว่าพวกคุณจะไม่มายุ่งเรื่องของฉัน”
อันโฮ่วสยงแกล้งทำเป็นเสียใจ พูดว่า “เสี่ยวหว่าน ถึงอย่างไรแล้วฉันก็เป็นคุณตาของเธอนะ! ฉันก็รักเธอกับแม่เธอเหมือนกัน ตอนนี้เทียนซิงกรุ๊ปต้องการความช่วยเหลือ หรือว่าเธอจะงอมือดูอยู่โดยไม่ทำอะไร? เธอวางใจได้ แค่เธอยอมช่วย เสร็จเรื่องนี้แล้วฉันจะไม่ให้เธอเหนื่อยเปล่าแน่”
หลินหว่านมองดูการแสดงของอันโฮ่วสยงแล้วคิดในใจว่า ฉันเจอมานักต่อแล้วกับเล่ห์เหลี่ยมของพวกคุณ ตอนนี้พอเห็นคุณวางมาดผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว โห แอคติ้งระดับซุปตาร์เลย!
หลินหว่านแอบตกลงใจว่า แม่ของฉัน ฉันจะชดเชยให้อย่างดีเลย เพราะสำหรับแม่แล้ว ฉันก็ไม่อยากจะให้สิ่งที่แม่ทุ่มเทต้องสูญเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น แม่ที่อยู่บนสวรรค์คงจะไม่สบายใจแน่ แต่ฉันจะไม่ยอมไปมีความสัมพันธ์อะไรกับบ้านตระกูลอันอีกเด็ดขาด ฉันจะใช้วิธีการของตัวเอง
หลินหว่าน ตัดสินใจเด็ดขาด พูดกับท่านประธานอันที่ยังตั้งท่าแสดงละครอยู่ตรงหน้าว่า “ฉันจะทำอะไรก็ต้องรู้ตัวดี วันนี้เรื่องที่เราจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ต่อไปคุณก็ไม่ต้องมาหาฉันอีก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้ว”
หลินหว่านพูดจบก็เตรียมจะหันหลังจากไป แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆ เธอก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา โคมไฟของโรงแรมดูเหมือนจะเปล่งประกายวูบวาบเป็นรูปร่างแปลกประหลาด
หลินหว่านส่ายโงนเงน เกือบจะล้มลงกับพื้น มือขวายันกรอบประตูเพื่อช่วยทรงตัวไว้ มือซ้ายกุมขมับพร้อมกับคิดว่า ฉันเป็นอะไรไปนะ? เกิดอะไรขึ้น?
หลินหว่านรู้สึกปากคอแห้งผาก เลือดในร่างกายสูบฉีดแรงจนเธอรู้สึกกระสับกระส่าย หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น ใบหน้าเธอร้อนวูบวาบไปหมด รู้สึกทรมานอย่างมาก ทั่วร่างราวกับมีมดคลานอยู่นับหมื่นตัว
หลินหว่านหันกลับไป ก็พบว่าใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอันโฮ่วสยงกลับยิ้มออกมา พอหันไปมองแก้วน้ำบนโต๊ะเธอก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที คิดไม่ถึงว่าอันโฮ่วสยงจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้
แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะไปด่าไอ้คนหน้าด้านไร้ยางอายนั่นอีกแล้ว
ขณะที่หลินหว่านสติค่อยๆ เลือนลางไปนั้นเอง อันโฮ่วสยงก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ เขาเรียกตัวบอดี้การ์ดชุดดำที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา
“ส่งตัวเธอไปให้ทางโน้นซะ” เสียงอันโฮ่วสยงสั่งการดังมา ราวกับว่าคนที่ถูกพาไปไม่ใช่หลานสาวของเขาเอง
“ครับ ท่านประธานอัน พวกเราจะเอาตัวเธอไปเดี๋ยวนี้” ชายชุดดำสองคนตอบรับ พร้อมกับแบกร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของหลินหว่านออกไป
บนระเบียงทางเดิน หลินหว่านใจสั่นระรัว พวกเขาจะพาฉันไปที่ไหนกันนะ? เธอนึกถึงเสียงหัวเราะกับสายตาชั่วร้ายของอันโฮ่วสยงแล้วหลินหว่านก็รู้สึกใจคอไม่ดี นาทีนี้เธอคิดแต่จะสะบัดหลุดจากสองมือที่คว้าตัวเธอแล้วหนีไป ถึงแม้ในใจจะมีวิธีต่อต้านขัดขืนมากมาย แต่นาทีนี้ตลอดร่างของหลินหว่านไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้ชายชุดดำทั้งสองพาเธอไปสู่ส่วนลึกที่ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน
ตอนถูกส่งตัวเข้าห้องหนึ่ง หลินหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาพร่าเลือนทั้งคู่มองดูชายกลางคนท่าทางหื่นกระหายคนหนึ่ง เธอจำได้ทันที นี่เป็นคนของบริษัทที่เทียนซิงกรุ๊ปกำลังพยายามยื้อสุดชีวิตเพื่อทำความร่วมมือด้วยนี่นา สมองหลินหว่านเริ่มหมุน แล้วก็เข้าใจได้ทันทีถึงเบื้องหลังเบื้องลึกของการแลกเปลี่ยน
ดวงตาเล็กรีของชายกลางคนกลอกกลิ้งไปมาสำรวจเรือนร่างงดงามของหลินหว่าน เหมือนหมาป่าที่หิวกระหายจ้องมองเหยื่อของตัวเอง น้ำลายแทบจะไหลยืดออกมา แค่สายตายังเหมือนจะกลืนกินหลินหว่านลงไปทั้งตัว
หลินหว่านรู้สึกว่าจู่ๆ เส้นเลือดในร่างกายก็ไหลเวียนเร็วขึ้น ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกกระสับกระส่ายจนอยู่ไม่สุข เธอแอบนึกในใจว่า อันโฮ่วสยงตาแก่ชั่วนี่ไม่ใช่คนแล้ว ถึงกับวางยากันเชียวเหรอ วันนี้ฉันคงไม่พลาดท่าแบบนี้หรอกนะ? โอยสวรรค์! ช่างอยุติธรรมกับฉันเกินไปแล้ว ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย?
ชายกลางคนคนนั้นเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของหลินหว่านแล้ว ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขากระหายในตัวหลินหว่านยิ่งขึ้น
เจ้านั่นตาเป็นประกายวาว หัวเราะอย่างชั่วร้าย ชื่นชมกับใบหน้างามนวลเนียนราวกับหยกเนื้อดีของหลินหว่าน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เรือนร่างสมบูรณ์อวบอิ่มด้วยวัยแรกแย้ม
เขาหัวเราะเสียงดังอย่างดีใจ ทางหนึ่งก็รีบร้อนถอดเสื้อผ้าร่างตัวเอง เหมือนเกรงว่าร่างงามตรงหน้าจะบินหนีหายไป จากนั้นพุ่งเข้าหาร่างของหลินหว่านด้วยอาการร้อนรนจนทนไม่ไหว
หลินหว่านรู้สึกแต่ว่ามีมือคู่หนึ่งจับแขนเธอเอาไว้ ทั้วทั่งร่างเหมือนถูกคีมบีบรัดไว้จนขยับตัวไม่ได้ หลินหว่านคิดจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีเสียงใดลอดออกมาเลย หลินหว่านคิดอย่างหมดหวัง วันนี้คงต้องถูกเจ้าผู้ชายลามกตรงหน้านี้ย่ำยีซะแล้ว หลินหว่านนึกอยากตายขึ้นมา
ต่อให้เป็นตอนนี้นาทีนี้ แม้กำลังจะต้องบอกลาพรหมจรรย์ของตัวเอง เด็กสาวก็ยังอดนึกไม่ได้ว่าจะมียอดมนุษย์สักคนมาช่วยเธอ แต่ยอดมนุษย์คนนี้จะมาไหมนะ? เขาจะมาเมื่อไหร่?
‘คุณยอดมนุษย์ มาช่วยฉันเร็วๆ หน่อยสิคะ!’ หลินหว่านร่ำร้องอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ชายหื่นราวกับหมาป่าตรงหน้านี้ไม่อยากรอแม้แต่นาทีเดียว พอเจ้านั่นเริ่มลงมือลงไม้กับร่างของเธอ สมองของหลินหว่านก็เหมือนจะสว่างวูบขึ้น เธอนึกถึงวิธีป้องกันตัวที่เคยฝึกซ้อมเล่นกับเพื่อนยามว่าง พอนึกถึงตรงนี้หลินหว่านก็เต็มไปด้วยความหวัง เธอพยายามนึกท่าที่เคยเรียนมา จากนั้นยกเข่าขึ้นอย่างกินแรง ใช้พลังที่เหลือในร่างทั้งหมดยันไปที่อวัยวะเบื้องล่างของเจ้านั่น
เสียงร้องโหยหวนของเจ้าสุนัขนั่นดังขึ้น มันเจ็บปวดจนกลิ้งร่วงไปอีกด้านหนึ่ง
หลินหว่านรู้ว่าเธอทำสำเร็จแล้ว จึงแข็งใจยันร่างที่หนักอึ้งและเมื่อยล้าขึ้น เธอรู้ดีว่านาทีนี้เป็นโอกาสทองของการหลบหนีที่ดีที่สุด ถ้าหนีไม่พ้นเธอเสร็จแน่
หลินหว่านพุ่งออกจากประตูห้องไปสุดแรง ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหน ในใจคิดแค่อย่างเดียว รีบออกไปจากสถานที่อัปมงคลนี้ให้เร็วที่สุด
แต่เธอวิ่งโซซัดโซเซไปได้ไม่กี่ก้าวก็หมดแรงแล้ว หลินหว่านนึกในใจว่า เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถ้าเกิดว่าอีกเดี๋ยวไอ้หื่นนั่นตามมาทันก็เสร็จกันพอดี
ตอนนั้นเองเธอเห็นประตูห้องข้างหน้า เปิดแง้มอยู่ ยังไม่ทันคิดอะไรหลินหว่านก็พุ่งเข้าไป จากนั้นปิดประตูไม่ให้คนตามมาได้