โอ้วพระเจ้า นั่นคือไอ้แก่ตุ้นโคงนั่นเอง!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
คนผู้นี้ไม่ใช่ว่าเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ?
จะเป็นเขาไปได้อย่างไรกัน?
ใช่เขาอย่างแน่นอน!
ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีใครที่มีความรวดเร็วขนาดนี้อีกแล้ว!
ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยผู้นี้มีความรวดเร็วมากจริง ๆ เลย รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เห็นชัดว่ามีพลังบำเพ็ญเพียงแค่ขั้นยาทองระดับแปดเท่านั้น แต่พลังบำเพ็ญของคนผู้นี้เมื่อเทียบกับยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้าแล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อยเลย
หลังจากที่ตื่นตะลึงกันสักพักแล้ว ก็มีผู้ที่ออกมายืนยันสถานะของฝ่ายตรงข้ามนั้น
ตุ้นโคง!
เมื่ออดีตในจำนวนสิบแปดสำนักเต๋าของโลกคุนชางนั้น มีสำนักหนึ่งที่ชื่อว่าสำนักตุ้นโคง
สำนักแห่งนี้ มีชื่อเสียงที่ชั่วร้ายเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก มีแต่พวกโจรพเนจรสาวโดยเฉพาะ
โดยทั่วไป เมื่อเอ่ยถึงโจรพเนจรสาว มักจะนำมาใช้พูดถึงผู้ชายเท่านั้น แต่สำนักตุ้นโคงผิดแปลกไป เพราะภายในสำนักแห่งนี้มีผู้บำเพ็ญเซียนหญิงอยู่จำนวนไม่น้อย
ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนหญิงเหล่านี้ ก็เหมือนกับผู้บำเพ็ญเซียนชาย ที่ชื่นชอบพเนจรสาว
นอกจากพเนจรสาวแล้ว ก็คือลักขโมย
กระทำเรื่องชั่วร้ายมามากมายนับไม่ถ้วน สรุปได้ว่า สำนักแห่งนี้ในโลกคุนชางนั้น มีชื่อเสียงโด่งดังมาเป็นร้อยกว่าปี แต่แทบจะกลายเป็นสำนักที่ทุกคนต่างก็พากันรังเกียจ
แต่ว่า ก็ยังไม่มีผู้ใดที่จะจัดการกับพวกเขาได้!
เพราะว่าสำนักตุ้นโคงนี้ บำเพ็ญฝึกฝนวิชาที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เชี่ยวชาญการหลบหนีอย่างที่สุด
ซึ่งก็เหมือนกับชื่อสำนักของพวกเขา โดยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่สืบทอดของสำนักพวกเขานั้น หากว่าเผชิญหน้าต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ก็จะไม่มีความได้เปรียบอะไรเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า วิชาหนีของพวกเขานั้น กลับไม่มีผู้ใดที่สามารถกระทำได้เหนือกว่า
ตัวอย่างเช่นลูกศิษย์ขั้นยาทองระดับห้าของสำนักตุ้นโคงคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเจ็ด เพียงแค่เขาคิดที่จะหลบหนีอย่างสุดชีวิต ถึงจะต่อให้มีระยะขั้นแดนที่ห่างกันสองระดับ เขาก็ยังสามารถที่จะหลบหนีไปได้
นี่จึงทำให้สำนักตุ้นโคงที่แม้จะเป็นเพียงสำนักหนึ่งในสิบแปดสำนักเต๋า แต่ระดับความกำเริบเสิบสานของพวกเขานั้น กลับไม่ได้น้อยไปกว่าเก้าสำนักใหญ่เลย
แต่ความกำเริบเสิบสานขนาดนี้ในที่สุดก็ได้รับผลกรรมตามสนอง
ยี่สิบปีก่อน ลูกศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของสำนักตุ้นโคง ในที่สุดก็ได้ก่อปัญหาความยุ่งยากครั้งใหญ่ขึ้น
โดยได้นำตัวลูกสาวของเจ้าสำนักเต๋าเฉินเซียวมา แล้วบีบบังคับขืนใจ คราวนี้ทำให้สำนักเต๋าเฉินเซียวโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด
ยอดฝีมือภายในสำนักออกโรงทั้งหมด อีกทั้งยังได้เชิญยอดฝีมือของสำนักอริยสัจ รวมถึงสำนักฉีซาน สำนักเทียนหยุน และสำนักหยุนเยว่ โดยใช้แท่นค่ายกลสี่พิทักษ์ฉีซาน ปิดกั้นชั้นฟ้าชั้นดินทั้งหมด เพื่อกักขังตัวผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนของสำนักตุ้นโคงเอาไว้ด้านใน และลงมือทำการสังหารกวาดล้างอย่างสิ้นซาก
ยอดฝีมือทั้งหมดของสำนักตุ้นโคงนั้น ที่จริงแล้วมีพลังการต่อสู้ที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก
ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกักขังด้วยแท่นค่ายกลสี่พิทักษ์ฉีซานนั้น ก็เท่ากับว่ากลายเป็นเต่าที่อยู่ในไหแล้ว
แม้ว่าจะมีความสามารถในการหลบหนีที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะแสดงออกมาได้
ท้ายที่สุดผู้คนในสำนักนับร้อยคน ต่างก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น
แต่ก็หลงเหลือหลุดรอดออกมาได้เพียงหนึ่งคน
ลูกศิษย์อัจฉริยะคนนั้น ชื่อว่าฉิงโคง ตอนนั้นไม่ได้อยู่ภายในสำนัก
เมื่อเขากลับมาถึง สำนักตุ้นโคงได้ถูกสังหารกวาดล้างลงอย่างสิ้นซากแล้ว และเขาก็ถูกยอดฝีมือของลำนักใหญ่หลายแห่งพบเจอตัวจนได้
หลายสำนักใหญ่ไล่ล่าเพื่อที่จะเอาชีวิตเขา
ขณะที่ฉิงโคงกำลังหลบหนีอยู่นั้น ได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่า จะต้องแก้แค้นให้กับสำนักให้ได้
และยังได้เปลี่ยนชื่อของตนเองจากเดิมที่ชื่อว่าฉิงโคงกลายเป็นตุ้นโคง
โดยกระทำเช่นนี้ก็เพื่อแสดงความนับถือและเป็นการระลึกถึงสำนักของตนเอง
แต่ผลลัพธ์ของการไล่ล่า ซึ่งจากข้อมูลที่เปิดเผยมาจากหลายสำนักใหญ่นั้น ตุ้นโคงน่าจะถูกไล่ล่าจนพบและถูกสังหารลงไปแล้ว
แต่ คิดไม่ถึงว่า วันนี้ ตุ้นโคงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และพลังบำเพ็ญยังเพิ่มขึ้นถึงขั้นยาทองระดับแปดแล้วด้วย
ผู้คนที่รู้จักตุ้นโคงนั้นมีจำนวนไม่มาก แต่รู้จักคนของสำนักตุ้นโคงนั้นมีจำนวนไม่น้อย
เพราะว่าในตอนนั้นคนของสำนักตุ้นโคง มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างมาก เหมือนเป็นภัยพิบัติอย่างไรอย่างนั้น
เวลานี้ได้ยินว่ามีคนที่จดจำสถานะของตุ้นโคงได้ ผู้คนจำนวนมากที่นำโดยหลายสำนักใหญ่ก็ได้รีบตามไล่ล่าไปทันที
ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังบำเพ็ญขั้นต่ำก็ไล่ล่าตามไปอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน
แต่ตุ้นโคงนั้นมีความรวดเร็วมากจริง ๆ
พวกคนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะไล่ตามได้ทันอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปด ก็ค่อย ๆ ถูกเขาทิ้งระยะห่างออกไป
ขณะนั้นเอง สำนักใหญ่อย่างสำนักเต๋าเฉินเซียว สำนักเทียนหยุนและสำนักฉีซาน ต่างก็ทยอยเริ่มต้นโจมตีเข้าใส่แล้ว
มิต้องเอ่ยถึงความแค้นเมื่อสิบปีก่อน แต่เพื่อตราประทับสีฟ้านี้ ก็ไม่ยอมปล่อยให้ตุ้นโคงหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น เสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงทั้งสองคน ก็เห็นสถานการณ์นี้แล้ว แต่หลังจากที่หยุดชะงักลงเพียงชั่วครู่ ก็มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองกวางยักษ์ โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร
เจ้าสำนักอริยสัจที่อยู่ด้านหลัง หลังจากที่หยุดชะงักลงชั่วครู่แล้ว ก็ไม่ได้ติดตามอยู่ด้านหลังของเสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงอีก เงาร่างกระพริบ แล้วก็หายตัวไปทันที
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนั้น ก็ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแปรเปลี่ยนสภาพท่าทางและกลิ่นอายของเขาไปโดยสิ้นเชิง
จากนั้นก็มุ่งหน้าไล่ตามตุ้นโคงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
จากการที่ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากได้ออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไล่ล่าตุ้นโคงนั้น บริเวณทั่วทั้งสุดหล้าทะเลก็เงียบสงบลงแล้ว
เวลานี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้จากไปไหน
คนผู้นี้ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็คือสองเยว่นั่นเอง
ตอนนี้สองเยว่ ยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาที่งดงามกวาดมองไปทั่วทั้งสุดหล้าทะเล ผ่านไปสักพักใหญ่ ก็ถอนหายใจยาว สภาพจิตใจที่เป็นกังวลนั้นก็ได้ผ่อนคลายลงเป็นครั้งแรก
สุดท้ายได้มองไปโดยรอบสุดหล้าทะเลอีกครั้ง จากนั้นสองเยว่ก็หันหลังแล้วจากไป
โดยท่ามกลางวิมานในตอนนี้ รับรู้ได้ว่าสองเยว่ได้จากไปแล้ว เจียซินก็รีบพูดขึ้นว่า ผู้หญิงคนนั้นก็ได้จากไปแล้ว แต่เธอนั้นดูเหมือนว่า ไม่ได้จะต้องการฆ่านายสักหน่อย ร่างกายของเธอไม่มีเจตนาสังหาร
หลินหยุนเองก็รับรู้แล้ว แม้พลังดวงจิตของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเจียซิน แต่ก็ได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
สำหรับสถานการณ์ทั้งหมดในสุดหล้าทะเลนั้น ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
พลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหก มั่นคงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ซินเฟยเห็นเขาเสร็จสิ้นการบำเพ็ญฝึกฝนแล้ว ก็รีบลุกยืนขึ้นและพูดว่า ด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแล้ว เหมือนทุกคนได้จากไปกันหมดแล้ว แต่พวกเราจะออกไปจากที่นี่ในตอนนี้เลยหรือไม่? ฉันมองว่ายังไม่สมควร รอไปอีกสักพักก่อน เผื่อว่าถ้าหากด้านนอกยังมีคนที่แอบซุ่มอยู่แล้วล่ะก็……
หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ไปที่สำนักหยุนเยว่!
ซินเฟยได้ยินดังนั้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดว่า จะไปที่สำนักหยุนเยว่ทำไมอีกล่ะ? ทำไมจะต้องไปเสนอหน้าทำดีกับพวกคนเหล่านั้นที่ไม่ยินดีต้อนรับด้วย!
ครั้งก่อนที่ไปสำนักหยุนเยว่ พฤติกรรมท่าทางของสองเยว่และคนอื่น ๆ นั้น ซินเฟยไม่ค่อยจะพึงพอใจสักเท่าไร
โดยเฉพาะสี่เยว่นั้น ที่ยิ่งหนักหนาเข้าไปอีก
หลินหยุนพูดขึ้นว่า จะนำสิ่งของที่เป็นของฉันกลับคืน! ไปกันเถอะ!
พร้อมกับคว้าตัวของซินเฟย แล้วทั้งสองคนก็ออกไปจากวิมาน
ค่อย ๆ ย่ำขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปทางบริเวณด้านนอกของสุดหล้าทะเล
แต่ว่าในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินทางจากไปนั้น ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง มีดวงตาหลายคู่ได้มองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว……
กลางอากาศ หลินหยุนกำลังพาซินเฟยเหาะเหินอยู่ เจียซินที่อยู่ภายในหลิงไถก็พูดขึ้นว่า มีบางคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะต้องจัดการถึงจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้นร่องรอยของนายจะถูกเปิดเผยขึ้นในไม่ช้านี้
หลินหยุนตกใจ แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกใจมากนัก ส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อพวกเขาต้องการที่จะติดตาม อย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาติดตามมาก็แล้วกัน!
ตอนแรกที่เขาเข้ามาสู่สุดหล้าทะเลนั้น เรียกได้ว่ามองเห็นกันทุกคน
แต่เพียงแค่ว่าในตอนนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะมาหาเรื่องเขาเท่านั้นเอง
ที่จริงแล้วพวกที่คิดจะสังหารเขานั้น ต่างก็รับรู้อย่างชัดเจนว่าระหว่างเขากับสำนักหยุนเยว่นั้น จะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
ในเมื่อรับรู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอีกต่อไป