บทที่ 132 ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าลูก
ลี่จุนถิงมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี จึงยกมือหนาของตนไปขวางมือของลี่จีถองไว้
เป็นเพราะลี่จุนถิงมีพละกำลังที่มากมาย ทำให้ลี่จีถองยืนไม่มั่นคงล้มไปกองกับพื้น
ลี่จีถองล้มไปอยู่ที่พื้น ร้องด้วยความเจ็บปวดหนึ่งคำว่า“โอ๊ย”
ลี่จุนถิงเห็นลี่จีถองอยู่ในสภาพเช่นนี้ จึงรู้สึกตลกสิ้นดี อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา
“นาย!นายกล้าผลักป้าเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง?”ลี่จีถองไม่กล้าเชื่อว่าผู้ชายตรงหน้านี้ ซึ่งเป็นหลานชายที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต กลับกล้าทำเช่นนี้ต่อตน แววตาเธอจึงแฝงความไม่อยากจะเชื่อระคนความโกรธและผิดหวังไปพร้อมๆกัน “ถึงป้าจะเป็นยังไงก็เป็นป้าของหลานนะ”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญถึงขีดสุดแล้ว คว้ามือถือของตนออกมาแล้วโทรหาซู่จี้งยี้โดยตรง
“ฮัลโหล จี้งยี้ จองตั๋วไปยุโรปตะวันออกให้ป้าผมใบหนึ่งสิ ไปบ่ายสามโมงวันนี้เลย”
ลี่จุนถิงทนรับนับญาติไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าหากเป็นญาติที่ดี ทำไมไม่เคารพในการตัดสินใจของตนบ้าง?ทำไมไม่ลองเคารพคนที่เขารักบ้าง?
มาพูดแต่คุณธรรมเอ่ย มารยาทเอ่ย คำตำหนิว่ากล่าวต่างๆอยู่ได้
เขาจะต้องส่งตัวลี่จีถองออกไปทันทีให้ได้
ลี่จีถองได้ยินคำพูดของลี่จุนถิงว่าจะส่งตนไป จึงรู้สึกตกใจกลัว“ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป”
พูดจบลี่จีถองก็วิ่งหนีออกไป
มองแผ่นหลังที่วิ่งจากไปของลี่จีถอง ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ลี่จุนถิงปัดผมของเจียงหยุนเอ๋อให้เข้าที่ ท่าทางของลี่จีถองคงจะทำให้เธอตกใจน่าดู
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว “ไม่มีค่ะ คุณคอยปกป้องฉันอยู่อย่างนี้จะเป็นอะไรได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”ลี่จุนถิงพูดพลางใช้มือประคองเจียงหยุนเอ๋อขึ้นรถ
เจียงหยุนเอ๋อจับแขนของลี่จุนถิงไว้ พลางเงยหน้ามองเขา“จุนถิง ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ และไม่ได้ไม่สบายด้วย เช้านี้คุณมีประชุมไม่ใช่เหรอคะ?ถ้าอย่างนั้นคุณไปที่บริษัทก่อนไหมคะ”
ลี่จุนถิง“เหอะ”ดูอย่างจริงจังว่า“คุณไปคนเดียว ผมจะวางใจได้ยังไงล่ะ?”
“โอ้”เจียงหยุนเอ๋อพูดไล่เขา“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะไปตรวจเอง ถ้ามีอะไรฉันจะบอกคุณนะ คุณรีบไปที่บริษัทเถอะ”
ลี่จุนถิงมองดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าสายมากแล้ว จึงได้แต่ยินยอม “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณไปที่โรงพยาบาลนะ ผมให้คนขับรถไปส่ง
ถ้ามีอะไรก็อย่าฝืนทนเก็บไว้นะ”
ลี่จุนถิงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลัวก็แต่ร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อไม่สบายแท้ๆ แต่เพื่อไม่ให้ตนเป็นห่วง จึงบอกตนว่าไม่เป็นอะไร
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หลังจากขึ้นรถ คนขับรถก็ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลโดยตรง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ไปตรวจแผนกกระเพาะอาหาร แต่เข้าตรวจแผนกสูตินรีเวช
เจียงหยุนเอ๋อนั่งจับเสื้ออยู่ที่เก้าอี้แถวที่ทางระเบียงอย่างตื่นเต้น จนในที่สุดแพทย์ได้เรียกเธอเข้าไปพบ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยเดินเข้าไป
แพทย์ยื่นผลตรวจให้เจียงหยุนเอ๋อดู พูดอย่างยิ้มแย้มว่า“คุณเจียงค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนกว่าแล้วจริงๆค่ะ”
“จริงหรือคะ?”ถึงแม้ได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังคงเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้นมาอีก
“ใบผลตรวจเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วค่ะ เดือนนี้คุณ……”เวลาต่อมาแพทย์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรใส่ใจในชีวิตประจำวันต่างๆ
เจียงหยุนเอ๋อโค้งคำนับแพทย์เล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกจากห้อง“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
หลังจากเดินออกจากห้องรับฟังผลแล้ว เจียงหยุนเอ๋อเดินอยู่ในระเบียงของโรงพยาบาลอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมาก ครั้งนี้เธอรู้แล้วว่าตั้งท้องจริงๆ เพียงแต่……เธอไม่รู้ว่าควรจะบอกลี่จุนถิงยังไงดี
พอออกจากโรงพยาบาล เจียงหยุนเอ๋อก็ไปที่บริษัท
เจียงหยุนเอ๋อนั่งอยู่ในห้องทำงานพลางมองเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะ แต่เธอดูไม่เข้าสมองเลย ตอนนี้สมองเธอเต็มไปด้วยการคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่
“ผู้จัดการเจียง?”ผู้ช่วยเรียกเจียงหยุนเอ๋อด้วยเสียงเบา
ส่วนเจียงหยุนเอ๋อมัวแต่จมอยู่ในโลกของตัวเอง จะไปได้ยินเสียงเรียกได้อย่างไรกัน
“ผู้จัดการคะ?”ผู้ช่วยปรับเสียงให้ดังขึ้น
ครั้งนี้เจียงหยุนเอ๋อได้ยินแล้ว ทันใดนั้นจึงรู้สึกตัวขึ้นมา “ทำไมเหรอ?”
ผู้ช่วยรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากกับท่าทางของเจียงหยุนเอ๋อวันนี้ “ผู้จัดการค่ะ เอกสารในมือของคุณ คุณดูมาครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่ได้พลิกหน้าเลยนะคะ”
เมื่อก่อนเจียงหยุนเอ๋อไม่เคยใจลอยอย่างนี้มาก่อน และไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่พลิกหน้าดูเอกสารแม้แต่หน้าเดียวมาก่อน
“ออออ”ถูกผู้ช่วยจับได้ว่าตนใจลอย เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“ผู้จัดการค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า?ถ้าคุณไม่สบายก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”ผู้ช่วยพูดอย่างเป็นห่วง
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว ในใจคิดว่าโชคดีที่ช่วงนี้บริษัทไม่มีปัญหาอะไร ถึงตนจะใจลอยไปบ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบที่ใหญ่หลวงแต่อย่างใด
ผู้ช่วยถอนหายใจอย่างจนหนทาง หัวหน้าของตนคนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่เคยพูดออกมาเลย
ทันใดนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็ลุกขึ้นมายืน “ฉันออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นแบบนี้ก็ทำงานอะไรไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพ จึงตัดสินใจไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปเยี่ยมคุณแม่ของตน
ด้วยความช่วยเหลือจากลี่จุนถิง ซูม่านลีจึงค่อยๆฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้แล้ว จากที่สลบนอนอยู่แบบนั้น ตอนนี้ตื่นขึ้นมาสามารถพูดคุยกับเจียงหยุนเอ๋อได้แล้ว
แต่ว่า เป็นเพราะอาการยังคงไม่แน่นอน เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ เจียงหยุนเอ๋อจึงตัดสินใจให้แม่เธออยู่ที่โรงพยาบาล
ก่อนจะเข้าไป เจียงหยุนเอ๋อไปที่ร้านผลไม้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลเพื่อซื้อผลไม้โปรดของคุณแม่
เจียงหยุนเอ๋อเปิดประตูห้องคนไข้ของซูม่านลี“แม่ค่ะ”
ตอนที่เข้าไปเห็นซูม่านลีอยู่บนเตียงในท่านอนครึ่งตัว และหันหน้าไปมองวิวผ่านหน้าต่างด้วยจิตใจที่ล่องลอย
เสียงเรียกของเจียงหยุนเอ๋อทำให้ซูม่านลีดึงตัวเองกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อเห็นคนที่เข้ามาหางตาก็ยิ้มขึ้นมา “หยุนเอ๋อมาแล้วเหรอ”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า นำผลไม้วางไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง “ซื้อผลไม้ที่คุณแม่ชอบทานมาค่ะ”
“โอ๊ย ลูกไม่ต้องซื้อหรอก คนดูแลที่จุนถิงจ้างมา ซื้อผลไม้ให้แม่กินทุกวันอยู่แล้ว และแต่ละวันก็ไม่ซ้ำกันด้วย”ขณะที่ซูม่านลีพูดถึงลูกเขยคนนี้ก็รู้สึกพอใจยิ่งนัก
คนที่ใช้ชีวิตมาถึงครึ่งชีวิตอย่างเธอ ดูแวบเดียวก็ดูออกว่าผู้ชายจริงใจกับลูกสาวของตนหรือเปล่า
“เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของหนูไง”เจียงหยุนเอ๋อลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง
ซูม่านลีดึงมือของลูกสาวมา ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทำไมวันนี้มีเวลามาเยี่ยมแม่ได้ล่ะ?งานที่บริษัทยุ่งเสร็จแล้วเหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อเอามืออีกข้างหนึ่งวางไว้ที่มือของซูม่านลี “คิดถึงแม่ก็เลยมาหา ช่วงนี้บริษัทไม่ค่อยยุ่งสักเท่าไหร่”
ซูม่านลีรู้สึกว่าวันนี้ลูกของตนแปลกๆราวกับอารมณ์ไม่ค่อยดี “ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าลูก?”