บทที่ 164 เตรียมการมาก่อน
“ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือแล้ว โชคดีส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บภายนอก รักษาตัวดี ๆ ก็ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแล้ว”
คุณหมอพูดพลางถอดถุงมือออก
เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อได้ยินที่คุณหมอพูด ก็รู้สึกวางใจขึ้น
“ตอนนี้พวกเราจะพาผู้ป่วยไปยังห้องผู้ป่วย พวกคุณตามไปเซ็นชื่อหน่อย” คุณหมอพูดจบก็ไป
เจียงหยุนเอ๋อคุกเข่าลงลูบผมของถวนจื่อ : “ถวนจื่อ ลูกไปห้องผู้ป่วยกับโค้ชก่อนนะ หม่ามี้จะไปกับคุณหมอเพื่อจ่ายค่ารักษา เดี๋ยวก็กลับมา ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะรู้ไหม?”
ถวนจื่อพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง : “หม่ามี้ สบายใจได้ครับ ผมไม่ไปไหนมั่ว ๆ แน่นอน”
ถวนจื่อรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้สำคัญ ไม่ห่วงเล่นแน่นอน
เจียงหยุนเอ๋อเมื่อกำชับเสร็จก็ลุกขึ้น วิ่งตามคุณหมอไป
เมื่อทำตามขั้นตอนการเข้าพักของโรงพยาบาล และเจียงหยุนเอ๋อจ่ายค่ารักษาเสร็จแล้ว ก็กลับมายังห้องผู้ป่วยของนิ่งเสวียนโม่
“หม่ามี้ พี่พยาบาลบอกว่าโค้ชยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะฟื้นขึ้นมา” เจียงหยุนเอ๋อเข้ามาในห้อง ถวนจื่อก็เอ่ยพูดขึ้นเบา ๆ ทันที กลัวจะทำให้นิ่งเสวียนโม่ตื่น
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเองรับทราบแล้ว
นิ่งเสวียนโม่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนใบหน้าบางจุดได้ถูกผ้ากอซพันแผลเอาไว้ ทำให้ดูหน้าตาดั้งเดิมของเขาไม่ออกเลย
เจียงหยุนเอ๋อลากเก้าอี้มานั่ง เอนพิงพนักเก้าอี้ มองไปยังเพดานห้อง
วันนี้เหนื่อยมากจริง ๆ
ที่จริงเพราะวันนี้เป็นการแข่งขันของถวนจื่อ ทำให้มีชีวิตชีวากระตือรือร้นมาก
แต่เมื่อพบกับเรื่องร้าย ๆ เมื่อสักครู่นี้ จนตกใจกลัวมากเกินไป พอตอนนี้ได้สงบสติอารมณ์ลง ทำให้รู้ว่าที่จริงตัวเองเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน
ถวนจื่อเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเจียงหยุนเอ๋อ ก็เดินไปข้าง ๆ เจียงหยุนเอ๋อ แล้วช่วยนวดทุบขาให้เธอ
เจียงหยุนเอ๋อที่หลับตากำลังจะหลับไปนั้น เมื่อถูกถวนจื่อแตะตัวทำให้เธอสะดุ้ง
ลืมตาขึ้นมาว่าเป็นเห็นถวนจื่อก็วางใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ถวนจื่อ ลูกไปนอนพักที่ห้องข้าง ๆ สักหน่อยเถอะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
ถวนจื่อส่ายหน้า : “ไม่ครับ ผมอยากอยู่ข้าง ๆ หม่ามี้”
ก่อนที่แด๊ดดี้จะมา เขาต้องอยู่ข้าง ๆ หม่ามี้ตลอดถึงจะวางใจ
เจียงหยุนเอ๋อที่ถูกถวนจื่อรบเร้า จึงได้แต่ยอมให้ถวนจื่อนวดทุบขาให้ตัวเอง
แต่ที่จริง ถูกมือเล็ก ๆ ของถวนจื่อทุบเอาตรงที่เหน็บชาก็รู้สบายมากเหลือเกิน
จากนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องผู้ป่วย
“จุนถิง” เมื่อเห็นคนที่เข้ามา เจียงหยุนเอ๋อก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วเข้าไปกอดลี่จุนถิงทันที
ลี่จุนถิงเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมของผู้หญิง อารมณ์ที่หงุดหงิดนั้นก็ค่อย ๆ กลับเป็นปกติ
มือทั้งสองข้างของลี่จุนถิงได้จับไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้ เขาตรวจดูว่าเจียงหยุนเอ๋อได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า : “เธอเป็นยังไงบ้าง? ถูกรังแกหรือเปล่า?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า : “ฉันแค่ถลอกเล็กน้อย พันแผลเรียบร้อยแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วง แต่โค้ชนิ่งที่ปกป้องพวกเรา ได้รับบาดเจ็บหนักเลย”
ลี่จุนถิงมองไปยังนิ่งเสวียนโม่ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง แล้วขมวดคิ้ว
“อืม ฉันรู้แล้ว” นิ่งเสวียนโม่ได้ปกป้องถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อ ถือว่ามีบุญคุณกับเขามาก
เจียงหยุนเอ๋อเห็นถวนจื่อได้ไปนอนพักอยู่ห้องข้าง ๆ แล้ว ก็ได้เอ่ยพูดกับลี่จุนถิง : “พวกเราออกไปคุยกันด้านนอกเถอะ จะได้ไม่รบกวนพวกเขา”
“อืม”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย
เมื่อเดินออกไป เจียงหยุนเอ๋อก็เข้าไปซบอยู่ในอ้อมกอดของลี่จุนถิงอีกครั้ง : “จุนถิง ฉันกลัวมากจริง ๆ นะ”
เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยพูดขึ้นมาเบา ๆ ในใจลี่จุนถิงรู้สึกสับสนไม่สบายใจ
ได้ยินอย่างนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจมาก ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี
และรู้สึกโมโห ไม่รู้ว่าพวกนั้นอยากตายหรือยังไง ถึงได้กล้ามารังแกผู้หญิงของลี่จุนถิง
ก่อนหน้านี้เจียงหยุนเอ๋อสนใจแต่ถวนจื่อ เมื่อได้เห็นลี่จุนถิง และได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวเขา รู้สึกได้ว่าตัวเองมีที่พึ่งพิงแล้ว และนี่ทำให้เธอกลัวสิ่งที่จะตามมา
ถ้าหากวันนี้ไม่มีนิ่งเสวียนโม่ ถวนจื่อเรียกตำรวจมาช่วยไม่ทัน ไม่แน่ตัวเองคงจะ……
“อืม ฉันรู้แล้ว เป็นความผิดของฉันเอง ฉันน่าจะส่งคนมาคอยปกป้องเธอ” ลี่จุนถิงดึงเจียงหยุนเอ๋อมากอด จนแทบจะเอาเธอฝังเข้าไปในร่างกายของตัวเอง
ตอนที่อยู่ระหว่างทางเมื่อสักครู่นี้ ลี่จุนถิงได้สั่งให้ซู่จี้งยี้หาบอดี้การ์ดที่ไว้วางใจได้สักสองสามคน ต่อไปไม่ว่าเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อไปไหน พวกเขาก็ต้องคอยตามไปทุกที่ด้วย
เมื่อเจอเรื่องแบบนี้หลาย ๆ ครั้ง ลี่จุนถิงก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคหัวใจขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย พวกเราไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น” เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงกำลังโทษตัวเอง เลยลูบหลังเขาเป็นการปลอบโยน
ลี่จุนถิงเอาคางตัวเองวางไว้บนหัวของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วถูไปมาเบา ๆ
“จริงสิ จุนถิง” น้ำเสียงเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่านักเลงพวกนั้นได้เตรียมการกันมาก่อน”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว : “เตรียมการมาก่อนเหรอ? เธอหมายความว่ามีคนบงการเหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า : “ฉันรู้สึกว่าพวกเราไม่ได้เจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ แต่พวกมันมาดักรอพวกเราอยู่ที่นั่น พวกมันดูจงใจมากอย่างเห็นได้ชัด ฉันจำได้ว่าตอนที่กำลังชุลมุนกันอยู่ มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า จะตัดมือถวนจื่อทิ้ง”
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังบีบรัดเข้าด้วยกัน
เธอไม่กล้าคิดเลยจริง ๆ ว่าถ้าหากถวนจื่อสูญเสียมือไปจะเป็นยังไง สองมือนั้นเพิ่งจะนวดขาให้ตัวเองอยู่เมื่อกี้นี้
ได้ยินดังนั้น สีหน้าลี่จุนถิงก็ดูขึงขังขึ้น เขาหรี่ตาลง มีคนจงใจทำร้ายมือของลูกชายตัวเองงั้นเหรอ?
“จี้งยี้” น้ำเสียงของลี่จุนถิงฟังดีเย็นชาขึ้นมาก
“ครับ” ซู่จี้งยี้ได้รออยู่นอกห้องผู้ป่วยตลอด เพราะกลัวว่าลี่จุนถิงหรือเจียงหยุนเอ๋อจะมีอะไรเรียกใช้
“นายไปที่สถานีตำรวจหน่อย ถามดูว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ต้องมีคำตอบให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมจบเรื่องนี้แน่” ลี่จุนถิงไม่ยอมปล่อยคนที่ทำร้ายถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อไปแม้แต่คนเดียวแน่นอน
ซู่จี้งยี้พยักหน้า แล้วออกไปจากโรงพยาบาล
“ฉันให้จี้งยี้ไปตรวจสอบดูแล้ว เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง” ลี่จุนถิงลูบไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อ “เหนื่อยแล้วใช่ไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ถ้าพูดว่าไม่เหนื่อยก็โกหกแล้วล่ะ : “จริงสิ ยังมีเด็ก ๆ อีกหลายคน น่าจะอยู่ที่สถานีตำรวจ พวกเราไปรับพวกเขากลับมาก่อนเถอะ”
ลี่จุนถิงพยักหน้า เด็กมากมายหลายคนอยู่ที่สถานีตำรวจคงจะดูไม่ดีนัก : “ได้สิ งั้นฉันไปพาถวนจื่อกลับโรงแรมก่อน หลังจากนั้นจะไปรับเด็ก ๆ มา ส่วนนิ่งเสวียนโม่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะให้หมอที่ดีที่สุดเป็นคนมาดูแลรักษาเขาเอง”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ไม่ว่ายังไงตอนนี้มีลี่จุนถิงอยู่ที่นี่ เรื่องทั้งหมดก็จะจัดการได้อย่างดี เธอไม่จำเป็นต้องไปจัดการอะไรมากมายแล้ว
ลี่จุนถิงเดินไปในห้องผู้ป่วยอุ้มถวนจื่อออกมา แล้วพาเจียงหยุนเอ๋อกับลูกส่งกลับไปยังโรงแรมก่อน จากนั้นเขาก็ไปที่สถานีตำรวจเพื่อรับเด็ก ๆ กลับมายังโรงแรม อีกทั้งยังส่งคนไปคอยเฝ้าดู เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก